เหมือนจะจบ แต่สุดท้ายก็ยังไม่จบ สำหรับบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพลปีนี้ (2567) เมื่อล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ภูมิธรรม เวชชชัย ยืนยันจะรอให้ พล.ร.อ.อะดุง พันธ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางกลับจากต่างประเทศ เพื่อร่วมประชุมสภากลาโหมอีกครั้ง ก่อนจะลงนามในบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร
ภูมิธรรม หรือ สหายใหญ่ เมื่อปี 2519 หรือ บิ๊กอ้วน ในปี 2567 ยืนยันว่า แม้ ผบ.เหล่าทัพทุกนายจะเซ็นลงนามกำกับคำสั่งทุกแผ่น หลังการประชุมครั้งก่อนกับ สุทิน คลังแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะประชุม เพื่อร่วมหารือ และรับฟังเหตุผลในการเสนอชื่อผบ.เหล่าทัพและนายทหารระดับนายพลบางตำแหน่ง
ล่าสุด หลังคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และหลัง นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมเชียงราย บิ๊กอ้วน ก็เริ่มต้นแสดงบทบาทตัวจริง และเบอร์หนึ่งกระทรวงกลาโหม
ด้วยการเชิญผู้นำเหล่าทัพที่ไม่ติดภารกิจ นำโดย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการกองทัพไทย เข้าหารือที่รัฐสภา ทั้งประเด็นน้ำท่วมและพูดคุยนอกรอบในประเด็นโผทหาร ก่อนจะขอประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เมื่อ พล.ร.อ.อะดุง กลับมา
ท่าทีของ ภูมิธรรม นักยุทธศาสตร์ที่จัดเจนของพรรคเพื่อไทย ที่มีประสบการณ์ยาวนานมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ประสบการณ์ในฐานะอดีตสหาย ที่เคยทำงานใกล้ชิดกับแกนนำพรรค จนสามารถซึมซับแนวคิดของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ชัดเจนยิ่งว่า วันนี้ บิ๊กอ้วน ไม่ได้ต้องการเป็นเพียงแค่ตรายางที่แค่เข้ามาลงนามรับรองให้กับโผฉบับนี้ แต่ต้องการมีบทบาท และส่วนร่วมในการจัดวางตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพที่จะสร้างความมั่นใจให้กับฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะกับคนในตระกูลชินวัตร ที่มีประสบการณ์ไม่ดีนักกับกองทัพในแต่ละยุค
ก่อนจะเข้ามารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อย่างเป็นทางการ เชื่อแน่ว่า คนอย่าง ภูมิธรรม ที่คร่ำหวอดในแวดวงการเมืองมาอย่างยาวนาน ผ่านการรัฐประหารมาแล้วถึงสองครั้ง และผ่านการถูกควบคุมตัวอยู่ในเซฟเฮ้าส์มาแล้ว ต้องทำการบ้าน และรับฟังข้อมูลจาก พ่อใหญ่สุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาแล้ว
ปัญหาความขัดแย้ง และความไม่ลงตัวของการจัดโผรอบนี้ เมื่อคนนอกยังรู้ ทำไมคนอย่าง ภูมิธรรม จะไม่รู้
สูตร 2/2/2 สูตร ตท.24 ต่อเนื่องด้วย ตท.28 สูตร ที่ถูกหักด้วยสูตร 3/1 เป็นสูตร ตท.26 คั่นด้วย ตท.27 ที่อาจจะส่งต่อให้ ตท.30 โดยข้าม ตท.28
และแคนดิเดตที่ต่อรองกันหนักในตำแหน่ง ผบ.ทบ.คนใหม่ ระหว่าง บิ๊กหนุ่ย - พล.อ.ธราพงษ์ มาละคำ (ตท.24) และ บิ๊กปู - พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26)
การขับเคี่ยวระหว่าง พล.ท.อมฤต บุญสุยา (ตท.27) และ พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ (ตท.28) ในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1
รอยร้าวระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องโรงเรียนเตรียมทหาร ที่กำลังร้าวลึก เมื่อมีข่าวลือว่า นายทหารรุ่นพี่ของ บิ๊กต่อ - พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ยื่นข้อเสนอกดดันมายัง บิ๊กต่อ ขอส่งแกนนำ ตท.รุ่น 28 ไปดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพภาคที่ 4 ลามไปถึงผู้บัญชาการกองพลหลักอีกหลายกองพล จนเป็นเหตุให้เกิดปฏิบัติการหักโผครั้งใหญ่
เรื่องราวทั้งหมด ทำไมอดีตสหายอย่าง ‘บิ๊กอ้วน’ จะอ่านเกมไม่ออก…
ความเห็นที่แตกต่างกันในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ ที่ บิ๊กดุง ยืนกรานจะเสนอชื่อ บิ๊กแมว พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ (ตท.23) ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร.คนใหม่ แม้จะไม่ได้จบโรงเรียนนายเรือ และถูกตั้งข้อสังเกตจากคนในกองทัพเรือว่า ไม่สง่างาม เพราะไม่ได้ผ่านตำแหน่งหลักในกองทัพเรือ
แต่ พล.ร.อ.อะดุง ก็ยังยืนยันถึงความเหมาะสม ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของ ตท.24 และ ตท.25 ในกองทัพเรือ ที่ต่างก็เชียร์เพื่อนร่วมรุ่น
เรื่องราวทั้งหมดนี้ ยากที่จะผ่านสายตาของ บิ๊กอ้วน จุดอ่อนที่เกิดจากความขัดแย้งของเพื่อนพ้อง น้องพี่เตรียมทหารรอบนี้ กำลังเป็นรอยร้าวที่เปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองแทรกเข้ามาไม่ยากนัก
ล่าสุดแม้มีกระแสข่าวว่า บิ๊กอ้วน อยากคุยแค่ตำแหน่ง ผบ.ทร.เท่านั้น เพราะมีคำขอจากผู้ที่ บิ๊ก อ้วน เกรงใจ ขอให้คืนความชอบธรรม และสนับสนุน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ทร.(ตท. 25) ขึ้นเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ หรือหาก พล.ร.อ.อะดุง ยังยืนกรานที่จะเสนอชื่อ พล.ร.อ.จิรพล เขาก็แค่ขอเหตุผลยืนยันเท่านั้น
แต่แค่ตำแหน่ง ผบ.ทร.ก็ไม่น่าจะมีน้ำหนักมากพอ หาก บิ๊กอ้วน ต้องออกแรงคุยกับ บิ๊กดุง ที่ทุกฝ่ายต่างรู้ดีว่า ‘ดื้อ’
วงในเชื่อว่าตำแหน่ง ผบ.ทร. อาจเป็นแค่ตัวหลอก แต่ตำแหน่ง ผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 1 หรือแม่ทัพภาคที่ 2 และตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 น่าจะเป็นเป้าหลักของ บิ๊กอ้วน มากกว่า
เมื่อ พล.อ.ธราพงษ์ กลายเป็นคู่ชิงกับ พล.อ.พนา เมื่อโผที่มีการถกกันมาทั้งในรอบและนอกรอบ มีเพียงสูตรที่ต้องเลือกระหว่าง พล.อ.ธราพงษ์ หรือ พล.อ.พนา แน่นอนว่าทางออกซึ่งคนที่คร่ำหวอดเกมเจรจาอย่าง บิ๊กอ้วน ย่อมเห็นช่องทางที่จะสร้าง ผบ.ทบ.คนใหม่ ในช่องว่างระหว่างคู่แคนดิเดตคู่นี้
ชื่อของ บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.(ตท.24) อีกคน จึงถูกหยิบขึ้นมาวางบนกระดานเกมอำนาจ
พล.อ.อุกฤษฏ์ หรือ บิ๊กหยอย เดิมก็มีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดต ผบ.ทบ.ในฐานะตัวแทนของทหารคอเขียว มีการพูดถึง บิ๊กหยอย ว่า มีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นคนกลางขึ้นแก้ปัญหาความขัดแย้ง และลดแรงกดดันคำว่า ทหารคอแดงเท่านั้น ที่จะเป็น ผบ.ทบ.ลงไป
บิ๊กหยอย ได้ชื่อว่า เป็นคนเก่ง แม้จะมีเส้นทางการเติบโตในสายเสนาธิการ มากกว่ จะเป็นสาย Commander เพราะมาจากเจ้ากรมยุทธการทหารบก และขยับเข้า 5 เสือ ทบ.ครั้งแรก ในยุคของ ผบ.บี้ - พล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ ในตำแหน่งเสนาธิการทหารบก และขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยผบ.ทบ.ในยุคของ ผบ.ต่อ - พลเอกเจริญชัย หินเธาว์
นอกเหนือความเป็นคนเก่ง บิ๊กหยอย ยังถูกมองว่า เป็นคนที่มีบุคคลิกไม่แข็งกร้าว พร้อมที่จะประสานกับทุกฝ่าย ทุกรุ่นได้อย่างลงตัว…
ประการสำคัญ ฝ่ายการเมืองยังมองว่า บิ๊กหยอย ไม่ได้อยู่ในเกมความขัดแย้งระหว่างสี ในสงครามระหว่างคนเสื้อแดงกับฝ่ายความมั่นคงเมื่อปี 2553
ต่างจาก พล.อ.ธราพงษ์ ที่อยู่ในปีกของนายทหารฟากบูรพาของ กลุ่ม 3 ป. และ พล.อ.พนา ที่โตมาจากกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ที่เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว หรือ RDF ของกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยที่ถูกส่งเข้าไปประจำการในพื้นที่แนวรถไฟฟ้า BTS ในเวลานั้น
การประชุมสภากลาโหมที่จะเกิดขึ้นทันทีที่ บิ๊กดุง - พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. เดินทางกลับมาถึง ก็เริ่มมีชื่อ บิ๊กหยอย เบียดแทรกโดดเด่นขึ้นมาในฐานะแคนดิเดตคนใหม่ ที่ฝ่ายการเมืองต้องการ พร้อมๆกับการเขย่าโผ 5 เสือกองทัพบกใหม่ ที่อาจรวมไปถึงตำแหน่งสำคัญตำแหน่งอื่นในกองทัพ
ทั้งหมดก็ต้องจับตา สหายใหญ่ หรือ บิ๊กอ้วน - ภูมิธรรม เวชชชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ว่า เขาจะกระโดดลงไปเล่นในเกมอำนาจเต็มตัว หรือเพียงหยิบประเด็นช่องว่างจากข้อขัดแย้ง ขึ้นมาเป็นหมากการต่อรองกับฝ่ายความมั่นคงในประเด็นอื่น
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ต้องยอมรับว่า ศึกสายเลือดพี่น้องเตรียมทหารรอบนี้ต่างหาก ที่เปิดช่องให้การเมืองเข้าไปแทรกกองทัพได้สะดวกโยธินมากขึ้น โผทหาร 67 ที่ว่าจะจบ ก็เหมือนจะยังไม่จบด้วยประการละฉะนี้แล…
