อย่าหวังมาก ใช้ ม.144 เชือดอิงค์?!.

28 เม.ย. 2568 - 03:42

  • แฟนการเมืองที่ติดตาม และคาดหวังว่าจะมีการเขย่า ครม.เพื่อไทย

  • อาวุธในมือ ม.144 ถูดหยิบยกขึ้นมา ดูท่าทีเอาจริง เอาจัง

  • ประเมินสถานการณ์แล้ว อย่าคาดหวังมากนัก จะได้ไม่ผิดหวัง

deep-space-politic-nacc-paethongtarn-cabinet-adjustment-SPACEBAR-Hero.jpg

ย้อนไปดูการเมืองไทยในรอบสองทศวรรษเศษที่ผ่านมา เวลาบ้านเมืองถึงคราวคับขัน องค์กรอิสระมักจะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนเกมเกือบจะทุกครั้ง

เช่นเดียวกับหนนี้ ที่สถานการณ์อีหรอบเดิมเริ่มวนกลับมาอีกครั้ง จึงได้เห็นทั้งนักวิชาการ อดีตนักการเมือง แม้แต่สื่อเอง ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความเห็นแบบตรงไปตรงมามากขึ้น

สื่อไม่ได้เป็นแค่กระจกส่อง แต่ถือตะเกียงส่องทางไปด้วยในคราวเดียวกัน

ทั้งหลายทั้งปวง ก็เพราะในขณะที่ประเทศเผชิญกับภาวะวิกฤตมากมาย แต่การจัดการกับปัญหาของรัฐบาล ที่มีปัญหาภาวะการนำ ชนิดที่คนมีตำแหน่งไม่มีบทบาท ขาดความสามารถ ส่วนคนที่มีบทบาท ไม่มีตำแหน่ง ทั้งถูกตั้งคำถามเรื่องความสามารถ ที่ไม่ขลังเหมือนในอดีต

เหตุเพราะยังใช้ซิมเก่า มองโลกปัจจุบันผ่านโลกทัศน์เดิมๆ เมื่อยี่สิบปีก่อน **‘ตาดูดาว เท้าติดดิน’**ในวันที่โลกผ่านเข้าสู่ยุค AI ไปแล้ว เช่นเดียวกับคณะที่ปรึกษานุ่งกางเกงช้าง ที่ท่องจำแต่เรื่องเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ในวันที่โลกไปไกลถึง ‘เทรดวอร์’

ทีนี้วกเข้าสู่ประเด็นที่จั่วหัวเรื่องไว้

วันก่อนเห็นมีทั้งนักวิชาการ นักกฎหมาย นักการเมือง ไปยื่นร้อง ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบเอาผิดครม.ตั้งแต่ยุค ‘เศรษฐา-อิ๊งค์’ พ่วงสส.-สว.ชุดปัจจุบันยกเข่ง ฐานกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 กรณีปรับงบฯ จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท มาใช้ในโครงการเงินหมื่น และอีกพันกว่าล้านนำไปเพิ่มสวัสดิการให้สมาชิกรัฐสภา

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ มาตรา 144 กำหนดเอาไว้ชัด การแปรญัตติเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมรายการ ห้ามไปแตะต้องงบประมาณรายจ่ายตามข้อผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 

(1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้

(2) ดอกเบี้ยเงินกู้

(3) เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย

เมื่อการปรับงบข้างต้น เกลี่ยมาจากงบที่ต้องใช้คืนหนี้ให้กับธนาคารของรัฐ จึงมองว่าเข้าข่ายขัดมาตรา 144 เต็มประตู ซึ่งโทษานุโทษที่รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงกำหนดไว้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่า สส.-สว.กรรมาธิการ ไปจนถึงคณะรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่ง และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งยังต้องชดใช้เงินนั้นคืนพร้อมดอกเบี้ยด้วย

นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรี ที่พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุแห่งการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที ไม่สามารถอยู่ทำหน้าที่รักษาการได้ 

คำร้องนี้จึงเสมือนเป็นความหวังของหมู่บ้านขึ้นมาในทันที

แต่ถ้าย้อนไปดูคำร้องในอดีตของสส.พรรคส้ม ที่มีจุดยืนเลือกใช้กลไกในรัฐธรรมนูญฉบับมรดก คสช.ฟาดฟันบางคนและไม่ใช้กับบางคน เคยยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญในมาตรา 144 เอาผิด ‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ รมว.คมนาคม และรองประธานกมธ.งบประมาณฯ ที่เสนองบประมาณเอื้อประโยชน์กับบริษัทตัวเอง

ในเวลาต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ‘ตีตกคำร้อง’ ไม่รับไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่าการยื่นคำร้องตามมาตรานี้ ‘ต้องอยู่ในระหว่างการพิจารณา’ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับดังกล่าว

กรณี ‘ศักดิ์สยาม’ เป็น พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 แต่ถูกสส.พรรคส้ม ยื่นร้องในปี 2566 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลไว้ตอนหนึ่งว่า ‘ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 ได้รับการพิจารณาเสร็จสิ้นและเป็นกฎหมายใช้บังคับแล้ว กรณีจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม’

.

ถ้าเทียบเคียงตามคำวินิจฉัยนี้ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 31 มีนาคม 2566 กับคำร้องเอาผิดปมแจกเงินหมื่นและเกลี่ยงบประมาณไปใช้ในสวัสดิการสมาชิกรัฐสภาในครั้งนี้ จึงมีทั้งความเหมือนและต่างอยู่ในตัว

ความเหมือน คือ อยู่ในมาตรา 144 ด้วยกัน ส่วนที่ต่างคือ ร้องต่างวรรคกัน?!

ดังนั้น ต้องรอดูว่า ถ้าเรื่องนี้ผ่านจากมือ ป.ป.ช.ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว การตีตกคำร้องของ สส.พรรคส้มในวันก่อน ที่ไม่ได้ร้องทันทีในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณนั้น จะจำกัดขอบเขตขัณฑสีมาอยู่เฉพาะใน ‘วรรคสาม’ หรือแผ่รังสีครอบคลุมไปทั้งมาตราด้วย

ตรงนี้แหล่ะ ที่ให้ขาเชียร์ทั้งหลายได้เผื่อใจกันเอาไว้หน่อย.

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์