โผปรับย้าย 210 นายทหารระดับผู้บังคับกองพัน กลางปี 2568 ที่ ‘ผบ.ปู’ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ลงนามล่าสุด แม้แต่ละกองทัพภาค จะไม่มีการขยับในระดับกองพันหลักมากนัก ส่วนใหญ่จะขยับเพียงไม่กี่กองพัน และผู้บังคับกองพันระดับ พ.ท.ที่ขยับ ก็เป็นการขยับขึ้นในระดับ พ.อ.
เช่นกองทัพภาคที่ 1 มีการขยับ ผู้พันในกองพันหลัก เพียง 2 ตำแหน่ง คือ **พ.ท.ภูมินรินทร์ สุขเสพ (ตท.44)**ผบ.ร.2 พัน 3 ขยับขึ้นเป็น ฝอ.2 ทภ.1 อัตรา พ.อ. และ พ.ท.พีรพุฒิ แย้มจิตร์ (ตท.44) ผบ.ร.29 พัน 3 ขยับขึ้นมาเป็นฝยก.ทภ. 1 อัตรา พ.อ.
กองทัพภาคที่ 2 มีขยับ 3 กองพันหลัก คือ พ.ท.ณัฐพล ภูมิหมั่น(ตท.44) ผบ.ร.23 พัน 3 ขยับขึ้นเป็นเสนาธิการกรมทหารราบที่ 6 อัตรา พ.อ. , พ.ท.สงบ สุรินราช(ตท.45) ผบ.ร.8 พัน 2 ขยับขึ้นเป็น หน.กกบ.มทบ.210 อัตรา พ.อ. และ พ.ท.ยุทธพล บิดร(ตท.43) ผบ.ร.8 พัน 3 ขยับขึ้นเป็น หน.กยก.มทบ.28 อัตรา พ.อ.
กองทัพภาคที่ 3 ขยับ 3 กองพันหลัก คือ พ.อ.ไพรัช ศรีไชยวาล ผบ.กรม.ทพ.ที่ 31 ขยับไปเป็น รอง ผอ.กยก.ทภ.3, พ.ท.อำนาจ เรือนติ๊บ(ตท.43) ผบ.ร.7 พัน 1 ขยับขึ้นเป็น ฝยก.ทภ. 3 อัตรา พ.อ. และ พ.ท.อภิสุนันท์ คำแฮ(ตท.45) ผบ.ร.4 พัน 3 ขยับไปเป็น ผบ.ร.7 พัน 1
แต่ที่น่าจับตามากที่สุด ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ที่กำลังระอุหนัก เมื่อพล.ท.ไพศาล หนูแก้ว แม่ทัพภาคที่ 4 เสนอรายชื่อปรับ 3 ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารพราน และ 2 ผู้บังคับกองพันทหารราบหลัก
ประกอบด้วย ผบ.หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ที่ปรับย้ายพ.อ.พงศกร แสงกุล(ตท.37) ผบ.กรมทหารพรานที่ 41 ไปเป็น รอง.ผบ.ร.15 และย้าย พ.อ.จตุพร ธานีพัฒน์(ตท.41) จากตำแหน่ง ผบ.ศฝ.นศท.มทบ.41 ไปเป็น ผบ.กรมทหารพรานที่ 41 แทน
ย้าย พ.อ.ปรเมธ ศานุพงศ์(ตท.40) ผบ.กรมทหารพรานที่ 43 อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ไปเป็น หน.กกบ.มทบ.44 และขยับ พ.อ.ชาญฤทธิ์ ฮันสราช(ตท.41) หน.กขว.มทบ.42 เข้ามาเป็นผบ.กรมทหารพรานที่ 43 แทน
ย้าย พ.อ.ภาคภูมิ จันทรักษ์(ตท.40) ผบ.กรมทหารพรานที่ 44 อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ไปเป็นรองผู้อำนวยการกองข่าวทัพภาค 4 และขยับ พ.อ.นัฐวุฒิ ศรีสังข์(ตท.42) เสนาธิการกรมทหารราบที่ 153 มาเป็น ผบ.กรมทหารพรานที่ 44 แทน
ส่วนอีก 2 กองพันหลัก ปรับย้าย พ.ท.สกล มีสัมฤทธิ์(ตท.43) จากผบ.ร.151 พัน 2 ไปเป็น เสธฯ ร. 153 อัตรา พ.อ. และขยับ พ.ท.ชณห์พัทธ์ สามบุญเรือง(ตท.47) จาก หน.ฝกพ.พล.ร.15 เข้ามาเป็น ผบ.ร.151 พัน 2
ย้าย พ.อ.คเนศ แตงฤทธิ์(ตท.43) ผบ.ร.5 พัน 1 ซี่งเป็นกองพันหลักที่จังหวัดระนอง โดย ผบ.พัน เป็นผู้พันอัตราพันเอก ไปเป็น เสธฯ ร.15 และขยับ พ.ท.เอกลักษณ์ ไชยถาวร(ตท.45) จากตำแหน่ง หน.ฝยก.พล.ร.5 มาเป็น ผบ.ร.5 พัน 1 อัตรา พ.อ. แทน
นอกจากนั้น กองทัพภาคที่ 1 ยังมีการปรับย้ายผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 11 ซึ่งเป็นหน่วยเฉพาะกิจทหารพราน สังกัดกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาสอีกด้วย โดยปรับย้าย พ.อ.กฤตณ์พัทธ์ กรกัน(ตท.40) จากตำแหน่ง ผบ.กรมทหารพรานที่ 11 เป็นรองผอ.กขว.ทภ.1 โดยขยับ พ.อ.ป้องรัฐ แย้มงามเรียบ(ตท.42) จากตำแหน่ง หก.กยข.บชร.1 ลงใต้ไปเป็น ผบ.กรมทหารพรานที่ 11 แทน
ซึ่งเท่ากับมีการขยับ ผบ.กรมทหารพรานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกันถึง 4 กรม จาก 12 กรมทหารพราน ที่สังกัดกองทัพภาคที่ 4 จำนวน 9 กรม คือ กรมทหารพรานที่ 41 - 49 และจัดจากกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1 กรม คือ กรมทหารพรานที่ 11 จากกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 3 อีก ภาคละ 1 กรม คือ กรมทหารพรานที่ 22 และกรมทหารพรานที่ 33
ปัจจุบันมีหน่วยทหารพรานที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ จชต.จำนวน 12 กรมทหารพราน ที่ประกอบด้วย 172 กองร้อยทหารพราน และ 9 กองบังคับหมวดทหารพรานหญิง
การปรับย้ายในทัพภาคที่ 4 รอบนี้ จึงถูกจับตามองว่า เป็นการปรับย้ายที่มีนัยสำคัญ เพราะโดยปกติ การย้ายรอบกลางปี จะมีการขยับอัตราน้อยมาก
นอกจากนี้ยังเป็นการปรับย้ายท่ามกลางกระแสข่าว การเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ปีเดียวของ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ และเป็นกระแสข่าวที่ออกมาท่ามกลางวงล้อมของแคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 4 ที่จ่อคิวรออยู่ถึง 4 คน ประกอบด้วยแม่ทัพน้อยที่ 4 พล.ท.อนุสรณ์ โออุไร และรองแม่ทัพทั้ง 3 คน คือ พล.ต.วรเดช เดชรักษา(ตท.27) รองแม่ทัพภาคที่ 4 คนที่ 1 , พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน(ตท.28) รองแม่ทัพภาคที่ 4 คนที่ 2 และ พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว รองแม่ทัพภาคที่ 4 คนที่ 3
ยังไม่รวม ‘บิ๊กจ้อย’ พล.ท.สุรเทพ หนูแก้ว(ตท.26) ผอ.ศปป.5 กอ.รมน.ที่กองเชียร์ ‘บิ๊กจ้อย’ แอบหวังลึกๆว่า จากตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งเอื้อต่อการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจากแต้มต่อในฐานะ ตท.26 ทำให้ ‘บิ๊กจ้อย’ มีโอกาสที่จะกลับไปเป็นคู่ชิงแม่ทัพภาคที่ 4 เพราะยังมีอายุราชการเหลือถึงปี 2570
สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมา ซึ่งระอุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ พล.ท.ไพศาล จะได้รับการใว้วางใจจาก ผบ.ปู ที่ยกหูพูดคุย และสั่งการตรงลงไปที่แม่ทัพ ที่ดูเหมือนจะสร้างความเชื่อมั่นว่า พล.ท.ไพศาล จะเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ครบ 2 ปีอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่กระนั้นฝุ่นก็ยังคงตลบกองทัพภาคที่ 4 เมื่อแคนดิเดททั้ง 5 คน ต่างก็มั่นใจในศักยภาพของตัวเอง
พล.ต.วรเดช หรือ รองอ้วน มีลูกพี่ลูกน้อง พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา อดีตรอง ผบ.ตร. ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และสายสัมพันธ์ใกล้ชิดบ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นกองเชียร์หลัก ประกอบกับ รองอ้วน เชื่อว่า การเป็นรองแม่ทัพมาแล้ว 2 ปี ก็มีอาวุโสเพียงพอที่จะลุ้นตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ในปลายปีนี้ และหากพลาดไม่ได้ขยับขึ้นเป็น พล.ท.ในปี 2568 รองอ้วนที่จะเกษียณในปี 2571 ก็จะขยับเข้าไปลุ้น พล.อ.ในตำแหน่งสำคัญไม่ทัน ทำให้ รองอ้วน จึงต้องเร่งทำคะแนนอย่างหนัก และไม่พร้อมที่จะรออีกปี เพื่อให้ พล.ท.ไพศาล เกษียณอายุคาตำแหน่งแม่ทัพในปี 2569
ขณะที่ รองคิ้ว พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน ก็เป็นความหวังของ เตรียมทหารรุ่นที่ 28 (ตท.28) ที่จะฝ่าด่านขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมๆกับ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ เพื่อน ตท.28 แม่ทัพน้อยที่ 1 เต็งหนึ่งที่จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในปีนี้
สายสัมพันธ์ของ รองคิ้ว นอกจาก ตท.28 คอนเนคชั่นที่ค่อนข้างมีลมใต้ปีกที่แรงแล้ว รองคิ้วยังเป็นน้องเลิฟ ของ องคมนตรีเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อดีต ผบ.ทบ.อีกด้วย และการย้ายข้ามห้วยจากรบพิเศษ ลงไปทัพภาค 4 เมื่อปีก่อน ก็ลงมาท่ามกลางกระแสข่าว ถูกส่งลงไปเป็นแคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 4 ในปีนี้
ส่วนรอง 3 บิ๊กเขียว พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว แม้จะเพิ่งขยับเข้ามาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ลึกๆ และการขยับตัวในแพลตฟอร์มยอดฮิต Tik Tok บ่อยๆจนแทบจะเป็น Tik Toker หลายฝ่ายก็เชื่อว่า บิ๊กเขียว พล.ต.เฉลิมพร ก็แอบลุ้นที่จะเข้าวินในตำแหน่งแม่ทัพเช่นกัน
ขณะที่ 2 พล.ท.(ตท.26) ทั้งพล.ท.อนุสรณ์ โออุไร แม่ทัพน้อยที่ 2 และ พล.ท.สุรเทพ หนูแก้ว ผอ.ศปป.5 กอ.รมน. ต่างก็มั่นใจในพลังของรุ่น
พล.ท.อนุสรณ์ อาจดูแผ่ว เพราะเกษียณอายุปี 2569 ทำให้เหลืออายุราชการเพียงปีเดียว ซึ่งต้องเลือกว่า จะลุ้นตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 และเกษียณในอัตรา พล.ท. หรือจะเลือกลุ้นอัตรา พล.อ.ในเดือนเมษายน 2569 โดยยอมทิ้งการเป็นแคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 4
ต่างจาก ‘บิ๊กจ้อย’ พล.ท.สุเทพ ที่ยังมีเวลาถึง 2 ปี ทำให้ บิ๊กจ้อย ที่มีตารางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แบบถี่ๆ ก็ขยับเข้ามาเป็นแคนดิเดตที่มีลุ้นมากอีกรายหนึ่งเช่นกัน
การปรับย้ายกลางเดือนเมษาฯที่ผ่านมา ทั้งระดับผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพัน จึงเป็นการปรับย้ายที่ พล.ท.ไพศาล ต้องวางเดิมพันสูงท่ามกลางฝุ่นที่คลุ้งตลบกองทัพภาคที่ 4 ว่า ห้วงเวลาที่เหลือ พล.ท.ไพศาลจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับ ผบ.ปู ได้มากแค่ไหน ที่จะรักษาเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 4 ต่อไปจนเกษียณอายุในปี 2569
การวางเดิมพันรอบนี้ ยังเป็นการวางเดิมพันทั้งที่ แม่ทัพไพศาล แทบไม่เหลือมือทำงานที่ไว้วางใจได้ 100% ให้ใช้งาน เพราะทั้งแม่ทัพน้อยและรองแม่ทัพที่อยู่รอบตัว ล้วนแต่เป็นแคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 4 ในปลายปีนี้ทั้งสิ้น