วันจันทร์ที่ 4 มีนาคมนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำตัดสินคดีโครงการสร้างอนาคตไทย หรือไทยแลนด์ 2020 คดีสุดท้ายของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ตกป็นจำเลย ‘ฮั้วสื่อ’ จัดโรดโชว์ มูลค่า 240 ล้านบาท สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หากรอดพ้นจากคดีนี้ไปได้ ยิ่งลักษณ์ ที่หลบหนีคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวอยู่ต่างประเทศมานานหลายปี ก็มีโอกาสได้เดินทางกลับประเทศไทย โดยใช้วิธีเดียวกับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ผู้เป็นพี่ชาย
เพราะการกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แบบรับ ‘ทัณฑ์ทิพย์’ หลังหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศนาน 17 ปีของทักษิณ ตอนนี้ได้รับการพักโทษไปแล้ว ในท่ามกลางคำถามผสมความคับแค้นใจของกลุ่มคน ที่ลุกขึ้นมาขับไล่ทักษิณในอดีต
วันนี้โมเดลทัณฑ์ทิพย์ของทักษิณ กำลังถูกพูดถึงจะนำมาใช้กับ ‘ยิ่งลักษณ์’ แต่การจะนำโมเดลที่ว่ามาใช้แบบก๊อปปี้มาเลยคงไม่ง่าย เพราะแม้จะเป็นนักโทษหนีคดี มีหมายจับของศาลเหมือนๆ กัน แต่มีความต่างในเรื่องของวัยที่ทักษิณอายุเกิน 70 ปี และมีปัญหาสุขภาพ ถูกสารพัดโรครุมเร้า ในขณะที่ยิ่งลักษณ์อยู่ในวัย 56 ปี ไม่เคยมีประวัติเจ็บป่วย และมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
ดังนั้น การจะเดินทางกลับประเทศภายในปีนี้ของยิ่งลักษณ์ โดยใช้วิธีเดียวกับพี่ชายจึงไม่ง่าย เหตุผลเพราะ
1.ยังมีโทษจำคุก 5 ปี คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่ถูกศาลออกหมายจับไปแล้วรออยู่
2.คดีโรดโชว์สร้างอนาคตไทย ที่กำลังจะตัดสินในวันที่ 4 มีนาคม ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นบวกหรือลบ ยิ่งลักษณ์ก็ยังต้องรอไปอีกระยะ
โดยหากผลออกมาเป็นบวก ศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดหรือยกฟ้อง ก็ต้องรอดูว่า ป.ป.ช.ที่เป็นโจทก์จะยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่ ภายในกรอบเวลา 30 วัน ซึ่งหาก ป.ป.ช.อุทธรณ์คดี ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการอุทธรณ์ ที่ต้องมีการสรรหาองค์คณะใหม่ขึ้นมาพิจารณาคดี ที่ต้องใช้เวลาอีกระยะ
ยิ่งถ้าผลการตัดสินในวันที่ 3 มีนาคมนี้ ออกมาเป็นร้ายกับยิ่งลักษณ์ ก็ยิ่งทำให้เวลาเดินทางกลับประเทศต้องทอดยาวออกไปอีก เพราะเท่ากับมีโทษทั้งคดีเก่าคดีใหม่ปนกันอยู่ แม้คดีใหม่ศาลจะเปิดให้อุทธรณ์คดีได้ แต่เจ้าตัวต้องมายื่นอุทธรณ์เองภายใน 1 ปี โดยที่ทนายความไม่สามารถดำเนินการแทนได้
แน่นอน หากยิ่งลักษณ์เลือกเดินทางกลับมาอุทธรณ์คดีเอง ทันทีที่กลับถึงไทยก็จะถูกรวบตัวเข้าเรือนจำ รับโทษคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่สิ้นสุดไปแล้ว เหมือนกับที่ทักษิณถูกควบคุมตัว แต่มีรายละเอียดความเป็นนักโทษเด็ดขาดแตกต่างกัน ดังที่ว่าไว้ข้างต้น
ด้วยเหตุผลที่ว่ามา จึงทำให้การเดินทางกลับประเทศของยิ่งลักษณ์ในปีนี้ ภายใต้โมเดลเดียวกับพี่ชายจึงไม่ง่ายนัก เว้นเสียแต่จะมี ‘ปาฏิหาริย์กฎหมาย’ หรือขึ้นลิฟต์แก้วมาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ในเมื่อมีตัวอย่างจากกรณีทักษิณ ที่เดินทางกลับมารับโทษโดยไม่ได้ติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว แจ่มแจ้งประจักษ์ชัดเสียขนาดนั้น อุปสรรคขวากหนามใดๆ หากจะมีมากั้นขวางยิ่งลักษณ์ ก็ย่อมอยู่ในวิสัยที่จะเสกเป่าลงได้หมด