ชั่วโมงนี้ชะตากรรม เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ยังถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่ต่างกับการไต่ไปบนเส้นลวดของศาลรัฐธรรมนูญ ที่หากเดินไม่ระวังหรือทรงตัวไม่ดี ก้าวพลาดเพียงนิดเดียว มีสิทธิหลุดจากตำแหน่งได้ง่ายๆ
แม้นายใหญ่เพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร จะออกมา ‘การันตี’ ให้ในวันที่เดินทางไปโคราชว่า เรื่องนี้ไม่ถึงขั้น ‘ล้ม’ เศรษฐาได้ แค่สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองชะงักลงไปบ้างเท่านั้นก็ตาม
วันนี้แม้รายชื่อ 40 สว.ถูกเปิดออกมาแล้ว รวมทั้งทักษิณเองยังรู้ด้วยว่ามีใครอยู่เบื้องหลังคือ สะเด็ดน้ำไปแล้วว่า ไผเป็นไผที่ชักใยอยู่ แต่สำหรับคนทั่วไปดูยังเป็นปริศนาอยู่ ระหว่างวางยากันเอง รีเซ็ทดีลลับ และศึกสั่งสอนจากเจ้าพ่อป่าใหญ่
เอาเป็นว่าชะตากรรมการเมืองของคนการเมือง ที่โยงถึงชะตากรรมบ้านเมืองเวลานี้ มาจาก 3 สมมติฐานข้างต้นที่ว่าส่วนจะวางน้ำหนักไว้ที่ตรงไหน คงพอได้คำตอบกันไปบ้าง จากการเด้งรับ เด้งหนีของตัวละครในท้องเรื่อง รวมทั้ง จากคำพูดของทักษิณในวันก่อน
ทำให้ข้อสงสัยสองประเด็นแรกถูกตัดทิ้งไป เพราะต่อให้ทักษิณไม่ออกมายืนยัน ไม่มีปัญหาในเพื่อไทยก็ตาม แต่การ ‘ชิงลาออก’ เพื่อตัดตอนของ ‘พิชิต ชื่นบาน’ และปัญหาของเพื่อไทยที่จะตามมาในวันที่ไม่มีเศรษฐา ย่อมกระจ่างชัดอยู่ในตัวว่า งานนี้ไม่ได้เกิดจาก ‘การวางยา’ ของคนในด้วยกันแน่
ส่วนเรื่อง รีเซ็ท-ดีลลับ ดูจากรายชื่อที่เปิดออกมา ซึ่งไม่ได้มี ‘สว.สายทหาร’ ตบเท้ากันพรึบพรับอย่างที่ให้ภาพกันไว้ใหญ่โต และล้วนเป็นรายชื่อที่โยงใยถึงพี่น้อง 2 ป. ‘ป้อม-ป๊อด’ แห่งป่าใหญ่ทั้งสิ้น บวกกับ สว.ประเภทตัวตึง ที่ไม่เอาทักษิณเป็นทุนอยู่แล้ว
จึงเป็นเรื่องของการ ‘ชำระแค้น’ สะสมที่มีมายาวนาน ทั้งเรื่องไม่ให้ราคาหรือบทบาทสำคัญในครม.กับรองนายกรัฐมนตรี ‘พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ’ จนมาถึงเรื่องเปลี่ยนรายชื่อในการปรับครม.หนล่าสุด ที่ทำเอาคนในพลังประชารัฐ ต้องอยู่แบบ**‘กลืนเลือด’**
ปฐมเหตุของเรื่อง จึงแค่ต้องการ ‘สั่งสอน’ ใครบางคนที่มองไม่เห็นหัวคนแก่มากกว่า แต่เมื่อสถานการณ์ไปไกลเกินกว่าที่คาด ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณา ชนิดที่ชวนให้หวาดเสียว ไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดาอย่างที่ทักษิณ ตอบคำถามนักข่าวในวันก่อน ‘หากชี้แจงได้ก็ไม่เป็นไร’
ในทางกลับกันหากชี้แจงแล้วไม่ผ่านล่ะจะเกิดอะไรขึ้น?!
เพราะสถานการณ์ในเวลานี้ ไม่ต่างกับกะเหรี่ยงเผาไร่หน้าร้อน แล้วคุมไม่อยู่ โอกาสจะลามไปสู่การล้างไพ่ใหม่จึงยังมีอยู่ เพราะไปเข้าทางอีกฝ่ายที่ต้องการทบทวนข้อตกลง รีเซ็ท-ดีลลับ อยู่ด้วยพอดี
การเมืองสามเส้าแบบเดิมๆ คือ ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล-ฝ่ายอนุรักษ์’ จึงถูกนำมาฉายซ้ำอีกครั้ง
วันนี้ ทั้งพรรคเพื่อไทยและฝ่ายอนุรักษ์ ยังต้องอาศัยกันและกัน กอดคอร่วมกันไปแบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า เพราะต่างยังไม่บรรลุภารกิจของตัวเอง โดยฝ่ายอนุรักษ์ต้องใช้บริการเพื่อไทยสู้กับพรรคก้าวไกล ส่วนเพื่อไทย ก็ยังต้องใช้อำนาจรัฐจัดการกับอีกหลายภารกิจ โดยเฉพาะให้ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ได้เดินทางกลับบ้านอย่างราบรื่น
ตราบที่การเมืองไทย ยังไม่อนุญาตให้ ก้าวไกล เข้ามาอยู่ในสมการได้ จึงเป็นเรื่องของฝ่ายอนุรักษ์กับเพื่อไทย ต้อง ‘ปรับจูนคลื่น’ เข้าหากันใหม่ ไม่ให้ทักษิณทำอะไรตามใจเหมือนที่ผ่านมา หรือถ้านำมาขี่ไม่ได้ ก็อย่าปล่อยให้ทักษิณขี่คออยู่ตลอด
วิธีการเดียวที่จะให้มาจูนคลื่นกันใหม่ได้ ก็ต้อง ‘ล้างไพ่ใหม่’ ไม่ให้มีชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เป็นตัวละครให้พรรคเพื่อไทยหยิบมาใช้ได้อีก เพื่อบีบให้มีนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้มาจากคนในพรรคเพื่อไทย
เว้นเสียแต่จะทบทวนการอยู่ร่วมกันใหม่ได้ลงตัวจริงๆ เท่านั้น ชื่อเศรษฐา ถึงจะเป็นตัวละครที่กลับมาโลดแล่นอยู่บนถนนการเมืองได้ต่อ
เกมสอย ‘เศรษฐา’ นาทีนี้จึงเป็นทั้งการปรับดีลใหม่ และสร้างโอกาสใหม่ให้ใครต่อใครที่ตกขบวนไปได้กลับมามีความหวังขึ้นอีกครั้งไปพร้อมกัน
ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็สุดแต่กระแสลมการเมืองจะพัดพาไป ซึ่งประเมินดูแล้วสำหรับเศรษฐา ‘คงยากที่จะผ่านด่านนี้’ ไปได้ ต่อให้มุดเข้าบ้านอดีตรองนายกฯ ให้ต้นตำรับปาฏิหาริย์ทางกฎหมายเป่ากระหม่อมมาก็เถอะ
เพราะหนังเรื่อง ‘บกพร่องโดยสุจริต’ คงไม่วนกลับมาฉายซ้ำอีกใน พ.ศ.นี้