หลังจากการบินไทยต้องเผชิญหน้ากับมรสุม บินฝ่าพายุที่เกรี้ยวกราด จนเครื่องบินต้องตกหลุมอากาศจากสภาพอากาศอันเลวร้ายอยู่นานนับปี ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนรัฐบาลของ ‘ลุงตู่’ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องตัดสินใจให้การบินไทยยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ
ใช้เวลาเกือบ 3 ปี ในการทำแผนและปรับโครงสร้างในด้านต่างๆ ที่ทำให้บรรดาพนักงาน **‘เอื้องหลวง’**ต้องประสบวิบากกรรมที่สร้างบาดแผล และความชอกช้ำ เจ็บปวดอย่างยับเยิน ชนิดที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับองค์กรแห่งนี้มาก่อน
แต่มาถึงวันนี้ หลังจากมีสัญญาณว่าพายุกำลังจะพัดผ่านไป ท้องฟ้าเหนือตึกการบินไทย ริมถนนวิภาวดี เริ่มเปิดกลับมาสดใสอีกคราว แต่ฉับพลันกลับมีเค้าของ ‘เมฆทะมึน’ พัดเข้ามาปกคลุม และส่อเค้าจะเกิดพายุใหญ่อีกครั้ง
สร้างความหวาดหวั่นให้กับคนการบินไทย ที่เกรงว่าองค์กรแห่งนี้กำลังจะกลับไปสู่ ‘ยุคมืด’ และถูกนักการเมืองเข้ามาครอบงำ และฉุดลาก การบินไทย ‘เอื้องหลวง’ กลับไป ‘ข่มขืน’ ซ้ำอีกรอบ
ที่ต้องวิตกก็เพราะเริ่มมีสัญญาณที่แรงและชัดขึ้นเรื่อยๆ ในความพยายามของกลุ่มการเมือง โดยเฉพาะใน ‘ซีกของพรรคเพื่อไทย’ ที่มีโอกาสกลับมาเป็นแกนนำในรัฐบาลของ นายกฯเศรษฐาผ้าขาวม้าหลากสี ที่เข้ามากุมอำนาจทั้งในกระทรวงการคลัง และคมนาคม ที่หวังจะกลับเข้ามามีอิทธิพลในองค์กรแห่งนี้
ก่อนหน้านี้หลังจาก ‘เดอะซัน’ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กลับมานั่งเป็น รมว.คมนาคม มีการเสนอให้ นายกฯเศรษฐาให้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาบริษัทการบินไทยชุดใหม่ ที่มีตัวเองนั่งเป็นประธานฯแทนกรรมการชุดเก่าที่ที่มี ‘วิษณุ เครืองาม’ รองนายกฯในขณะนั้นเป็นประธาน เพื่อประกบกับการทำงานของทีมบริหารแผนฟื้นฟูฯ
สุริยะแสดงท่าที ‘ชัดเจนแบบไม่ปิดบัง’ ว่าต้องการที่จะกลับเข้ามามีบทบาทในการบินไทย ถึงขนาดมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ ‘แผนการจัดซื้อฝูงบินใหม่’ ของการบินไทยโดยระบุว่า เป็นห่วงและเปรยว่า ‘หากมีอำนาจจะหยุดแผนจัดซื้อ’ ไว้ก่อน เพื่อดูว่าคุ้มทุนหรือไม่ แต่ติดขัดที่ไม่มีอำนาจเข้าไปกำกับ เนื่องจากการบินไทยยังอยู่ในแผนฟื้นฟู จึงทำได้แต่เพียงสอบถามจากผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ
ล่าสุดหลังจากมีตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรกของการบินไทยออกมา ซึ่งปรากฏว่า สามารถทำรายได้รวมได้สูงถึง 45,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 38,951 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน 11,116 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,507 ล้านบาท ฝ่ายการเมืองยิ่งส่งสัญญาณแรงขึ้นในความพยายามที่จะกลับเข้าไปมีบทบาทในการบินไทย
มีรายงานว่า นายกฯเศรษฐา ได้มีการสั่งการให้ รมว.คลัง ‘พิชัย ชุณหวชิร’ ไปเร่งรัดผู้บริหารแผนฟื้นฟูในการปรับแผน ‘การนำการบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูฯให้เร็วขึ้น’ เพื่อนำกลับเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในปลายปีนี้ เร็วกว่าแผนเดิม 5-6 เดือน ที่จะนำกลับเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นในราวเดือน เมษาน -พฤษภาคม 2568
รัฐบาลอ้างเหตุผลที่ต้องการให้การบินไทยกลับเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯโดยเร็ว เพื่อช่วย **‘กระตุ้น’**บรรยากาศให้ตลาดหุ้นไทยคึกคัก และรัฐบาลต้องการให้มีการตั้งคณะกรรมการการบินไทยชุดใหม่ แทนที่คณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูฯ ทำให้ไม่มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการและมอบนโยบายดำเนินการใดๆได้ ทั้งที่การบินไทยเป็นสายการบินแห่งชาติ
ส่วนการรักษาสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังนั้นจะรักษาสัดส่วนไว้ที่ 40% เพื่อไม่อยู่ในสถานนะรัฐวิสาหกิจ จะได้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เนื่องจากธุรกิจการบินมีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ส่วนวงเงินที่กระทรวงการคลังต้องเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นนั้นจะอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท จากเดิมจะใช้เงินราว 20,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังได้เตรียมเงินงบประมาณ และเงินจาก ‘กองทุนวายุภักดิ์’ เมื่อมีมติให้เพิ่มทุน กระทรวงการคลังพร้อมดำเนินการทันที
ข่าวร้ายดังกล่าว สร้างความ ‘วิตก’ ให้กับบรรดาพนักงานการบินไทยเป็นอย่างมาก เพราะต่างทราบดีว่า สาเหตุของความล่มสลายของการบินไทยที่ผ่านมา ก็เป็นผลมาจากองค์กรแห่งนี้ถูกบรรดานักการเมืองที่มีอำนาจเข้ามา ‘สูบผลประโยชน์ออกไปมหาศาล’
จากการเข้ามาครอบงำ โดยการแต่งตั้งคนของฝ่ายการเมืองเข้ามาเป็นบอร์ด และเข้ามาก้าวก่ายการทำงาน และแต่งตั้งผู้บริหาร จนทำให้ฐานะของการบินไทยทรุดต่ำลงและเลวร้ายถึงขั้นต้องยอมเข้าสู่ขบวนการฟื้ฟูกิจการ
มีบางคนถึงกับสะท้อนภาพที่กำลังเกิดขึ้นกับการบินไทยในตอนนี้ว่า หากเปรียบการบินไทย ‘เอื้องหลวง’ เป็นหญิงสาวที่ถูกบรรดานักการเมืองแต่ละยุคลากไป ‘ข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า’ ในอดีต แต่โชคดีที่มีพระเอกแสนดีมาช่วยออกมาจาก ‘นรก’ ของนักการเมือง และช่วยฟื้นฟู ดูแลรักษาเยียวยาจิตใจจนอาการเริ่มดีขึ้น แต่จู่ๆก็มี กลุ่มนักการเมืองกลุ่มเดิม ย้อนกลับมาทำท่าจะ ‘ฉุด’ ลากกลับไปข่มขืนซ้ำอีก
พระเอกของเรื่อง คือทีมบริหารแผนฟื้นฟูฯจะต้านทานแรงกดดันที่กำลังจะถาโถมเข้ามาได้นานขนาดไหน คนในการบินไทยกำลังจับตามองด้วยใจระทึก...