ผบ.ปู ผนึก ตท.26 คุมเข้มชายแดน หลังตระกูลฮุนเมิน JBC

5 มิ.ย. 2568 - 09:02

  • ‘ช่องบก’ The Turning Point EP.2 จับตา ผบ.ปูผนึกกำลัง ตท.26 คุมเข้มชายแดนไทย-กัมพูชา

  • หลัง ‘ตระกูลฮุน’ บอยคอต JBC

ผบ.ปู ผนึก ตท.26 คุมเข้มชายแดน หลังตระกูลฮุนเมิน JBC

ภาพนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกสื่อตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการปะทะคารมกับผู้สื่อข่าวคนหนึ่ง ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ผู้สื่อข่าวคนนั้นพยายามตั้งคำถามถึงท่าทีและจุดยืนของรัฐบาลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

 

โดยรวมแม้บรรยากาศจะไม่บานปลายไปมากกว่านั้น เพราะฝั่งหนึ่งก็ล่าถอยออกมาจากจุดให้สัมภาษณ์ ขณะที่นายกฯอิ๊งค์ ก็พยายามคลี่คลายสถานการณ์ ด้วยการเดินเข้าไปสอบถามกับกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ยังอยู่ในเหตุการณ์ 

 

แต่กระนั้น บรรยากาศการสัมภาษณ์ที่ทวีความตึงเครียด และมีคำถามแบบเข้มข้นตรงไปตรงมามากขึ้น กำลังสะท้อนถึงสัญญาณของจุดเริ่มต้นความร้อนแรงทางการเมือง ที่อาจส่งผลต่อภาพรวม และแรงกดดันต่อการตัดสินใจใดๆ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน

 

วิกฤติชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งกำลังร้อนระอุมากขึ้นทุกขณะ จากการที่ฝ่ายกัมพูชา ยังคงเร่งเสริมกำลังรบอย่างต่อเนื่อง คือ ปัจจัยหลัก ที่ทำให้การตัดสินใจใดๆของรัฐบาล หรือการแสดงท่าทีใดๆของฝ่ายไทย ยังคงต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ และระแวด ระวัง เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการปะทะครั้งใหม่ได้ตลอดเวลา

 

มีข้อมูลยืนยันจากในพื้นที่ว่า กัมพูชาเติมกำลังเข้าพื้นที่ตลอด และมีการเคลื่อนกำลังรบให้เห็นแบบเปิดเผย ทั้งรถหุ้มเกราะ รถถัง ปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้องเข้าประจำการ เพื่อพร้อมต่อการเปิดปฏิบัติการอย่างเต็มที่

 

กำลังรบที่เข้าประจำการในบริเวณนั้น ถูกจัดจากกองพลรบพิเศษของกัมพูชา ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงพล.อ.ฮุน มาเนต ซึ่งมีรายงานว่า ถูกส่งเข้าไปถึง 500 นาย

 

ขณะที่ฝ่ายไทย แม้ไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการสำหรับกำลังรบในพื้นที่ แต่การตั้งศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 หรือ ศปก.ส่วนหน้า เพื่อเป็นศูนย์อำนวยการปฏิบัติ โดยมีนายทหารระดับรองแม่ทัพภาค ประจำการแบบพร้อมรบ 24 ชั่วโมง ก็เป็นการแสดงความพร้อม 100% ต่อปฏิบัติการสนามที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน

 

“รบกันไม่ยาก แต่การควบคุมการสูญเสีย เป็นเรื่องที่เรากังวลมากกว่า ทหารเรามีเป้าหมายทางการทหารครบทุกจุด ทันทีที่ได้รับคำสั่งก็สามารถเปิดปฏิบัติการได้ทันที แต่ที่เรากังวล คือ เป้าหมายทางพลเรือน เพราะวันนี้ทั้งสองฝ่ายต่างมีอาวุธพิสัยไกล ที่สามารถยิงข้ามพรมแดนเข้าไปเป็น 100 กิโลเมตร”

 

ทั้งหมดเป็นข้อกังวลต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น จากการพูดคุยกับนายทหารบางราย ซึ่งก่อนนี้ประเมินว่า จะหารือกันในการประชุม JBC ในวันที่ 14-15 มิถุนายน แม้ฝ่ายไทยจะพยายามหาข้อยุติ แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่น่าจะยอม โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากท่าทีล่าสุดของสมเด็จ ฮุนเซน ที่ไม่ยอมรับข้อตกลงตาม MOU-43 

 

หน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ประเมินว่า มีโอกาสที่กัมพูชาจะพยายามผลักดันให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การดึงคนกลางเข้ามาแก้ปัญหา หรือยกระดับเหตุการณ์ขึ้นสู่เวทีอาเซียน และบีบให้ไทยยอมรับที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ ‘ศาลโลก’

 

ล่าสุด เมื่อฝ่ายกัมพูชาออกแถลงการณ์ชัดเจนแล้วว่า จะไม่นำสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเข้าร่วมถกในวงประชุม JBC เพราะเห็นว่า เวที JBC และ MOU-43 ไม่ใช่เวทีหารือและบรรลุข้อตกลงแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยืดเยื้อยาวมานานกว่า 25 ปี…สถานการณ์ชายแดนนับจากนี้ จึงน่าจะยิ่งทวีความตึงเครียดมากขึ้น 

 

การลงพื้นที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภูมิธรรม เวชยชัย และพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยฯ ที่ช่องบก เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และรับทราบข้อเท็จจริง เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 มิถุนายน 2568 

 

นอกจากภาพรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยที่ร่วมประชุมรับทราบสถานการณ์ แต่อีกภาพที่เห็นชัด คือ ภาพการผนึกกำลังของเตรียมทหารรุ่น 26 (ตท.26) ที่ลงพื้นที่ครบทุกตำแหน่งสำคัญ   

 

คนแรก คือ ผบ.ปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. หัวแถวของรุ่น ตท.26 ครั้งนี้นอกจากข้างกาย จะมีเพื่อนรักร่วมรุ่น ร่วมห้องพัก แม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ผบ.ปู มอบให้ประกบคอยรายงานบรีฟสถานการณ์ตรงให้กับรัฐมนตรีอ้วนและบิ๊กเล็กแล้ว 

 

ยังมี เสธฯปูด้วง พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก อีกหนึ่ง ตท.26 ซึ่งว่ากันว่า เป็นว่าที่เสนาธิการทหารบกคนใหม่ในปลายปีนี้ และเป็นมันสมองในงานยุทธการของ ผบ.ปู เดินทางไปร่วมวงด้วย 

 

พล.ท.ชัยกฤกษ์ เติบโตมาจากสายงานยุทธการ และเป็นอดีตเจ้ากรมยุทธการทหารบก กรมที่เป็นศูนย์รวมหัวกะทิของกองทัพบก การลงชายแดนรอบนี้ ก็ไม่ต่างจากสายบุ๋นที่ลงมาตระเตรียมข้อมูลให้เพื่อนปู สำหรับการตัดสินใจที่รอบด้าน 

 

ในห้องประชุม ข้างกาย ผบ.ปู ยังปรากฏภาพ พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร อีกหนึ่งเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 ร่วมเฟรมอยู่ด้วย 

 

พล.ต.ธีรนันท์ ผบ.ข่าวกรองทางทหารคนใหม่ ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นอดีตนายทหารรบพิเศษฝีมือดี สังกัดกองร้อยปฏิบัติการพิเศษ ฉก.90 ที่ปัจจุบันยกระดับเป็นกองพันจู่โจม ก่อนจะผันตัวไปเป็นนักวิชาการด้านการทหาร จนจบเรียนจบปริญญาเอก Florida Institute of Technology สหรัฐอเมริกา และไปเติบโตสายวิชาการ 

 

ล่าสุด เดือนตุลาคม 2567 ก็ได้กลับเข้าไลน์มาเป็น ผบ.หน่วยข่าวกรองทางทหาร เพื่อรับหน้าที่ทำงานด้านข่าวกรองให้กับเพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ปู ที่ก้าวขึ้นสู่หัวแถวของกองทัพบก

 

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชารอบนี้ พล.ต.ธีรนันท์ จึงปรากฏตัวในฐานะที่ต้องรับผิดชอบงานข่าวกรอง ซึ่งล่าสุดก่อนร่วมเดินทางลงพื้นที่กับ ผบ.ทบ. และพล.ต.ธีรนันท์ สั่งการให้ กองพันข่าวกรองทางทหาร ทำการตรวจสภาพความพร้อมรบของ กองร้อยข่าวกรองทางทหาร เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพล อาวุธ ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ให้พร้อมสำหรับรองรับภารกิจจากกองทัพบก

 

พล.ต.ธีรนันท์ ยังเป็นเจ้าของข้อความในอินโฟกราฟฟิกล่าสุด ที่ปลุกขวัญกำลังใจทหารหน่วยข่าวกรอง ด้วยวาทะ

 

“พวกเรา คือ กองอาทมาต ที่สืบสานการทำหน้าที่มาแต่โบราณกาล ขอให้เราภูมิใจในการเป็นทหารการข่าว ทำหน้าที่รวบรวมข่าวสาร แม้วันนี้เราจะไม่มีคาถาอาคม แต่เรามีเครื่องมือพิเศษ เรามีระบบอีเลกทรอนิกส์ ที่มีความทันสมัย เพราะฉะนั้น เราคือ หูและตาแห่งสนามรบ ขอให้พวกเรา เป็นตาที่คม เหมือนเหยี่ยว เป็นหูที่ไว เหมือนนกเค้าแมว”

 

งานข่าวกรองทางทหารรอบนี้ จึงเป็นงานที่ต้องวัดกันระหว่างข่าวกรองกัมพูชา ที่เชื่อว่าแทรกซึมอยู่ในพื้นที่บางส่วนของไทย กับงานข่าวกรองของไทย ที่มีนายทหารที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเข้ามาเป็นผู้นำหน่วย ก็ต้องมาวัดกันว่า กองอาทมาต 2025 ของไทย จะมีคาถาล่องหน หายตัว หูทิพย์ ตาทิพย์ แทรกซึมเข้าไปเก็บข้อมูลการข่าว และที่ตั้งทางการทหารกัมพูชาได้แม่นยำดั่งตาเห็นหรือไม่ 

 

นอกจากเพื่อน ตท.26 ที่ไปจากส่วนกลางแล้ว ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยังเป็นการผนึกกำลังกันของ 2 เพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 ระหว่าง ‘แม่ทัพกุ้ง’ พล.ท.บุญสิน และ ‘รองเติ่ง’ พล.ต.วีระยุทธ์ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 

 

แม่ทัพกุ้ง ทำหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนรองเติ่ง รับผิดชอบดูแลส่วนหน้า ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ 

 

ทั้ง แม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน และรองเติ่ง พล.ต.วีระยุทธ์ ล้วนเติบโตมาในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 และรับราชการในพื้นที่กองพลทหารราบที่ 6 มาโดยตลอด ทำให้ทั้งคู่ต่างเชี่ยวชาญและชำนาญพื้นที่ รวมถึงรู้ซึ้งถึงเล่ห์เหลี่ยมของฝ่ายกัมพูชา เพราะต้องเผชิญหน้ากับการรบกับกองกำลังฝั่งกัมพูชามาในหลายสถานการณ์ 

 

พล.ต.วีระยุทธ์ นั้นรับราชการเป็น ผบ.ร.16 พัน 1 และเคยปฏิบัติราชการสนามในตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันทหารราบเฉพาะกิจที่ 162 เขาพระวิหาร ก่อนจะเติบโตจนเป็นผบ.ร.16 และเป็นผบ.พล.ร.6 และขยับขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 

 

หรือกระทั่งอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คนที่ผ่านมา พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ อีกหนึ่ง ตท.26 ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ฝ่ายกัมพูชาครั่นคร้ามมาตลอด วันนี้ พล.ท.อดุลย์ แม้เกษียณอายุมาแล้ว แต่ก็ยังพร้อมเป็นมันสมองและเป็นศูนย์ข้อมูลให้กับเพื่อนปูเช่นกัน 

 

สถานการณ์ในพื้นที่วันนี้ นับจากฝ่ายกัมพูชาออกแถลงการณ์ ยกเลิกการเข้าร่วมประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน ที่กำลังเข้าสู่ภาวะตึงเครียด อันพร้อมจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้ตลอดเวลา ฝ่ายไทยจึงพร้อมรับมือทั้งด้านยุทธการ สงครามการข่าว สงครามในพื้นที่ แบบเต็มกำลัง

 

เพียงแต่หากเลี่ยงได้…ก็ไม่มีใครอยากเห็นความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากการสาดไฟสงครามเข้าหากัน 

 

เกมสกัดเส้นทางการนำสถานการณ์ช่องบก ส่งด่วนเข้าสู่เวทีศาลโลก จึงเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า การเปิดยุทธการทางทหาร  

 

ทั้งหมดต้องรอดูว่า ผบ.ปูและผองเพื่อน จะผนึกกำลังรองรับสถานการณ์ และตรึงแนวชายแดนไม่ให้เกิดเสียงปืนแตก อันจะเข้าทางของ พ่อลูกตระกูลฮุน ได้อย่างไร

 

EP.หน้าจะร่ายเรียงว่า ทำไม พ่อลูกตระกูลฮุน ถึงอยากส่งด่วนวิกฤติการณ์ช่องบกขึ้นสู่เวทีศาลโลก ทั้งที่มีเวที JBC ให้พูดคุยกันอยู่แล้ว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์