ทันทีที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตัดสินใจขับ 20 สส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พ้นพรรค ฐานฝ่าฝืนข้อบังคับ มีการกระทำที่เป็นลักษณะเหตุร้ายแรง จึงมิอาจให้อยู่ร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองต่อไปได้
การขับออกจากพรรคแบบยกพวงที่ว่า น่าจะเป็น ‘ของขวัญ’ ปีใหม่ให้กับผู้กองธรรมนัส และคณะด้วยซ้ำ เพราะเฝ้ารอวันนี้มานาน นับตั้งแต่มีปัญหากับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพปชร.ในการอยู่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
ผู้กองธรรมนัส พยายามอยู่นานที่จะไปจากพลังประชารัฐ โดยที่ยังคงสถานะสส.ไว้ แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาตให้สส.ย้ายพรรคในระหว่างอายุของสภาผู้แทนราษฎร เว้นแต่พรรคที่สังกัดถูกยุบหรือสิ้นสภาพ หรือถูกพรรคขับออกเท่านั้น
วันนี้ฝันที่เป็นจริงของผู้กองธรรมนัสมาถึงแล้ว
แน่นอนว่า บ้านหลังใหม่ที่ผู้กองจะพา 20 สส.ในสังกัดย้ายเข้าไปอยู่ ต้องเป็นบ้านหลังเดิมที่รีโนเวทไว้ โดยส่ง ‘นฤมล ภิญโญสินวัฒน์’ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปปักหลักอยู่มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งทันทีที่ปรากฎข่าวขับ 20 สส.หัวหน้านฤมล ก็ออกมาประกาศเปิดประตูรับทันทีว่า
‘พร้อมแล้วค่ะ’
ต่อจากนี้ การปรับเปลี่ยนใดๆ ในทางการเมืองก็จะเกิดขึ้นตามมา โดยเฉพาะในส่วนของพรรค ‘กล้าธรรม’ ที่ปัจจุบันมีสส.อยู่ 4 คน ก็จะเพิ่มเป็น 24 คน คงต้องจัดทัพกันใหม่ โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าพรรค เมื่อตัวจริงมาตัวสำรองก็ต้องถอยออกไป
และเรื่องนี้หัวหน้านฤมล ก็เตรียมการไว้รอแล้วโดยบอกกับสื่อว่า การประชุมพรรคคงจะมีขึ้นในปีหน้า เพราะต้องรอขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ทางกฎหมายเสร็จสิ้นก่อน
‘คาดว่าการประชุมพรรคจะเกิดขึ้นได้ในปีหน้า 2568 เพราะหากจะมีการประชุมใหญ่สามัญ ต้องแจ้งกับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีกำหนดว่าจะต้องแจ้งก่อนล่วงหน้ากี่วัน’
เมื่อจัดการตำแหน่งต่างๆ ภายในพรรคเรียบร้อย จากนั้น ก็จะเป็นเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี ที่จะต้องมาว่ากันใหม่อีกเหมือนกัน เพราะตัวจริงกลับมาคืนจอได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้สตั้นแมน หรือที่เรียก ‘ครม.สืบสันดาน’ ให้สะแลงใจอีกต่อไป
ทีนี้ย้อนไปดูเหตุการณ์ ก่อนฝันของผู้กองจะเป็นจริงกันหน่อย ว่ากันว่ามีการออกแรงดิ้นรนกันขนานใหญ่ ประมาณว่า พูดดีก็แล้ว ขู่ก็แล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล มีบางเวลาถึงขั้นคิดการใหญ่ จะโค่นต้นไม้เพื่อหวังเอาลูกด้วยซ้ำ
แต่อีกฝ่าย ซึ่งเป็นเจ้าตำรับนิติสงคราม ช่ำชองการยุทธ์เรื่องกฎหมายเป็นอย่างดี จึงระวังตัวแจไม่เปิดช่องให้ใช้นิติสงครามย้อนศรเอาได้ โดยถึงกับประกาศผ่านสื่อ ‘หาช่องยุบพรรคผมไม่ได้หรอก’
ดังนั้น เมื่อมิอาจยื่นหมูยื่นแมว หรือแลกเปลี่ยนด้วยเครื่องเซ่นสังเวยใดได้ ไม่ว่าจะตัดแขนตัดขา สอยบริวารแวดล้อมไปทีละคนๆ คลิปแล้วคลิปเล่าที่ถูกเปิดออกมา นอกจากไม่ระคายผิวพยัคฆ์เฒ่าแล้ว ยังไปเพิ่มฤทธิ์แรงแค้นให้กับจ้าวป่าชราอีกต่างหาก
เมื่อทำทุกอย่างแล้วไม่เป็นผล จึงนึกถึงคำพูดของเหล่าบอสดิไอคอน ที่ว่า ‘ขยันผิดที่สิบปีก็ไม่รวย’ ฉันใด ถ้าบีบไม่ถูกจุดก็ไม่เป็นผล ฉันนั้น สุดท้ายจึงต้องใช้วิธีไปควานหากล่องดวงใจหนุมานให้เจอ
ปฏิบัติการอย่างหลังสุด จึงน่าจะเป็นท่าไม้ตายทางการเมืองของผู้กอง
ว่ามาถึงตรงนี้ คงจะพอเห็นภาพทำไม พปชร.ถึงได้ยอมปล่อย 20 สส.ก๊วนผู้กอง แบบง่ายๆ ทั้งๆ ที่สู้กันมาไม่รู้กี่ยก คงทำเอาคอการเมืองงงพอๆ กับสงครามซีเรีย ที่ฝ่ายกบฎเข้ายึดเมืองหลวงได้แบบไม่น่าเชื่อ ทำนองนั้น
จากคลิปฉาวเรื่องแล้วเรื่องเล่า จนมาถึง ‘สาวหวานใจ’ คงพอให้คำตอบได้ถึงตอนจบของละครการเมืองเรื่องนี้
ในวันที่ซามูไรกฎหมาย พปชร. ‘ไพบูลย์ นิติตะวัน’ แถลงมติขับ 20 สส.มีผู้สื่อข่าวสำนักหนึ่งถามว่า เป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ หรือมีการแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกับคดีของคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ที่ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดิน ส.ป.ก.ไร่ภูนับดาว
แม้เป็นคำถามที่แทงใจ แต่ทันทีที่จบประโยคคำถาม ไพบูลย์ ก็ตอบกลับไปทันทีเช่นกันว่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น เป็นไปตามที่แถลง
‘ยืนยันว่าเป็นการจากกันด้วยดี เพราะแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราพยายามที่จะพูดคุยประสาน เพื่อที่จะให้มาในแนวทางเดียวกัน แต่คิดว่าเมื่อเป็นไปไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นเหตุที่ร้ายแรงอื่น ซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมาย ควรจะมีมติให้ ส.ส.ทั้ง 20 คน พ้นจากการเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ’
เป็นการสิ้นสุดทางการเมืองของสองอดีตนายทหารจากกองทัพบก ที่คนหนึ่งยศพลเอก อีกคนยศร้อยเอก ที่ต่างผ่านคืนวันหอมหวานมาด้วยกัน ก่อนจะมาปีนเกลียวและหันหลังให้กันแบบตัดเยื่อไม่เหลือใย
พรุ่งนี้ การตรวจไร่ภูนับดาว ก็คงถึงคราวสโลว์ดาวน์ ต่างแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเองไป เพราะมีเรื่องราวอีกมากให้ทำ ล่าสุด ‘ธนดล สุวัณณะฤทธิ์’ มือตรวจสอบการใช้ที่ดินส.ป.ก.ของกระทรวงเกษตรฯ ก็ถูกเรียกเข้าที่ตั้งไม่ต้องไปตรวจสอบไร่ภูนับดาว ที่นัดหมายลงพื้นที่กันในวันที่ 12 ธันวาคมแล้ว
จากกันด้วยดีกับฝันที่เป็นจริงของผู้กองธรรรมนัส