ห่ากระสุนที่กระหน่ำเข้าการใส่ สจ.โต้ง หรือ ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ จนเสียชีวิตคาบ้านของ โกทร ‘สุนทร วิลาวัลย์’ ผู้กว้างขวางแห่งเมืองปราจีนบุรี เพราะเป็นทั้งอดีต ส.ส., อดีตรัฐมนตรี, และอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี และยังเป็นพ่อของอดีตรัฐมนตรี ถือเป็นสัญญาณเดือดของการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า
นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นรอบนี้จะเป็นการสยายปีกของพรรคการเมืองใหญ่ ลงสู่สนามท้องถิ่นเต็มตัว ซึ่งนั่นหมายถึงอีกหลายสนาม อีกหลายพื้นที่จะเต็มไปด้วยการช่วงชิง ความขัดแย้ง และการแตกหัก
การเลือกตั้งนายก อบจ.หลายสนามก่อนหน้านี้ ซึ่งมีการเลือกไปแล้ว ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกฉียงเหนือ และภาคใต้ จากการลาออกก่อนครบวาระของนายก อบจ.หลายจังหวัด แม้จะยังไม่ดุเดือด เข้มข้นถึงขั้นมีการยิงถล่มกัน ดังที่เคยขึ้นที่ จ.ปราจีนบุรี แต่ก็ส่อเค้าความระอุในหลายจังหวัด
ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์กันว่า เลือกตั้งท้องถิ่นรอบนี้ จะเป็นการห้ำหั่นกันระหว่างตัวแทนของพรรคประชาชน และบ้านใหญ่ที่มีพรรคการเมืองใหญ่ หรือนายใหญ่หนุนหลัง
แต่การณ์กลับพลิกผัน เมื่อหลายพื้นที่เป็นการแข่งขันกันเอง ระหว่างบ้านใหญ่ที่มีพรรคการเมืองใหญ่ หรือ นายใหญ่หนุนหลัง
จังหวัดที่เป็นการต่อสู้ระหว่างบ้านใหญ่กับพรรคประชาชน มีเพียง จ.ราชบุรี อุดรธานี เพชรบุรี เพชรบูรณ์ และจังหวัดตาก เท่านั้น
ส่วนจังหวัดที่เหลือ ตั้งแต่ จ.นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี ปทุมธานี ขอนแก่น สุรินทร์ นครศรีธรรมราช ชุมพร ล้วนแต่เป็นการต่อสู้กันระหว่างบ้านใหญ่ที่มีพรรคการเมืองใหญ่ หรือ นายใหญ่หนุนหลังทั้งสิ้น
จ.ปทุมธานี เป็นการต่อสู้กันระหว่าง ชาญ พวงเพ็ชร์ และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ชัดเจนยิ่งว่า เป็นการห้ำหั่นกันระหว่าง ‘ชาญ’ ที่มีพรรคเพื่อไทยและนายใหญ่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ สนับสนุน ส่วน ‘บิ๊กแจ๊ส’ พล.ต.ท.คำรณวิทย์นั้น มีพรรคภูมิใจไทย และบางส่วนของพรรคประชาชนสนับสนุน การเลือกตั้งที่ต้องต่อสู้กัน 2 รอบ เพราะรอบแรก ‘ชาญ’ เจอใบเหลือง ยิ่งชัดเจนยิ่งว่าใครเป็นลงแรงสนับสนุนของแต่ละฝ่าย เป็นการเลือกตั้งที่ดุเดือด คะแนนแพ้ชนะกันไม่มาก มีร่องรอยของผู้สนับสนุน 2 ฝั่งค่อนข้างชัด…
ผลการเลือกตั้งที่นครศรีธรรมราช ระหว่าง ‘นายกฯต้อย’ กนกพร เดชเดโช อดีตนายก อบจ. มารดาของ ส.ส.แทน ชัยชนะ เดชเดโช และน้ำ วาริณ ชินวงศ์ ก็ยิ่งชัดมากว่า เป็นการต่อสู้กันระหว่างขุมพลังบ้านเดชเดโช ที่มีพรรคประชาธิปัตย์ขั้วใหม่ ให้การสนับสนุน และน้ำที่เป็นเสมือนหนึ่งตัวแทนของพรรคภูมิใจไทย
แม้ชัยชนะของน้ำ ‘วาริณ’ ที่มีเหนือ นายกต้อย จะมีทั้งคะแนนจากฐานของรัฐมนตรีปุ้ย พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล และ ธนกร วังบุญคงชนะ จากรวมไทยสร้างชาติและฐานคะแนนจากอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ใน จ.นครศรีธรรมราช ฐานคะแนนของตระกูลอดิเทพวรพันธ์ ตระกูลใหญ่ที่มีฐานที่มั่นในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช แต่สะท้อนได้ชัดว่า เป็นการแข่งกันระหว่างบ้านใหญ่กับบ้านใหญ่ ที่เททั้งกระสุนและกระแสเข้าใส่กันแบบดุเดือด จนคืนสุดท้ายของการหาเสียง
ทั้งสองจังหวัด…จึงนับเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งรุนแรง!
ส่วนจังหวัดอื่นๆในภาคอีสาน เหมือนจะเป็นการแบ่งพื้นที่กันระหว่างผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย และแรงสนับสนุนทางอ้อมจากพรรคภูมิใจไทย
ที่ผ่านมาสนามเลือกตั้งท้องถิ่นในอีสานเหนือ และอีสานกลาง เป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ทุกจังหวัดเพียงแค่รับมือผู้สมัครจากพรรคประชาชน
สนามเลือกตั้งในพื้นที่อีสานใต้ เป็นพื้นที่ของผู้ที่ได้รับการสนับสนุนทางอ้อมจากนายใหญ่พรรคภูมิใจไทย
พื้นที่ภาคกลางฟากตะวันตก จากนครสวรรค์ลงมาอุทัยธานี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ก็เป็นการผนึกกำลังกันของฐานที่มั่นของ 3 ประสาน พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ ,ชาดา ไทยเศรษฐ์ และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง โดยมีตระกูลปริศนานันทกุล และบ้านใหญ่พระนครศรีอยุธยาให้การสนับสนุน
ทุกสนามเลือกตั้งที่ผ่านมา ยังเป็นลักษณะถ้อยที ถ้อยอาศัย มีแข่งขันรุนแรงบ้าง ก็ล้วนแต่ยังอยู่ในเกม
แต่เหตุการณ์ที่ปราจีนบุรี เป็นเคสแรกที่เริ่มมีสัญญาณการนองเลือด เมื่อเริ่มมีการยื่นมือลงมาแยกขั้วอำนาจ
การยื่นข้อเสนอให้ ‘สจ.โต้ง’ และ ‘สจ.จอย’ ภรรยา เสมือนหนึ่งการยื่นข้อเสนอ ที่สลายขั้วอำนาจบ้านใหญ่วิลาวัลย์ เพื่อให้สจ.โต้งยึดครองพื้นที่ปราจีนบุรีแทน
เพราะการเจรจากับบ้านใหญ่วิลาวัลย์ โดยเฉพาะโกทร น่าจะยังเป็นไปได้ยาก และต้องใช้เงื่อนไขพิเศษมากกว่า การยื่นข้อเสนอให้ สจ.โต้ง
ประการสำคัญ ผู้มีอำนาจ มองว่า ตระกูลวิลาวัลย์ นับวันจะเหลือผู้เล่นน้อยลง จากการติดคดีจนห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง และเริ่มนับถอยหลังยุครุ่งเรืองไปแล้ว
ขณะที่ ‘สจ.โต้ง’ กำลังอยู่ในช่วงพีคและสยายปีก แผ่บารมีออกไปในหลายวงการ แถมยังมีอายุการใช้งานอีกนาน ทันต่อการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2570 หรืออาจเร็วกว่านั้น หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น
การปรากฏตัวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในงานศพ สจ.โต้ง ที่ให้การสนับสนุน สจ.จอย ลงสมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี เพื่อสานฝัน สจ.โต้ง การออกมาให้สัมภาษณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร ถึงการเสียชีวิตของ สจ.โต้ง ล้วนแต่แสดงท่าทีชัดว่า พรรคเพื่อไทยและนายใหญ่ สนับสนุน สจ.จอย เพื่อยึดครองพื้นที่ปราจีนบุรี พื้นที่เดิมของตระกูลวิลาวัลย์ และพื้นที่ครอบครองเดิมของพรรคภูมิใจไทย
อันเป็นการส่งสัญญาณรบ เพื่อช่วงชิงสนามการเมืองท้องถิ่น เกมชิงอำนาจบ้านใหญ่ เพื่อวางรากฐานไปยังการเมืองระดับประเทศ
อันเป็นสัญญาณว่า ต้นปี 2568 การเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งสนามองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสนามเทศบาล จะเป็นการเลือกตั้งที่ส่อเค้าความรุนแรง และเข้มข้น แบบถึงเลือด
วาทะของ มีชัย ฤชุพันธ์ ที่เคยบอกว่า เลือกตั้งท้องถิ่น จะเป็นสนามที่เกิดเลือดท่วมท้องช้าง ซึ่งดูแนวโน้มแล้วว่าอาจเลี่ยงไม่พ้น…หากคนคุมเกม ไม่ทันเกมเพียงพอ