‘สุริยะ’ ลุยไฟ นำ ‘อิ๊งค์’ ถวายสัตย์

3 ก.ค. 2568 - 02:51

  • ดราม่าการเข้ารับตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรมของแพทองธาร

  • ท่ามกลางคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ เกิดคำถามว่า สามารถทำได้หรือไม่

  • ‘สุริยะ’ รักษาการนายกฯ ยืนยันว่าได้ปรึกษากฎหมายแล้ว

‘สุริยะ’ ลุยไฟ นำ ‘อิ๊งค์’ ถวายสัตย์

การเข้ารับตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม ของ แพทองธาร ชินวัตร ในระหว่างถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว กำลังถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนักว่า สามารถทำได้หรือไม่

โดยนักกฎหมายในซีกรัฐบาลเห็นว่าไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ และสามารถเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้ ซึ่งต่างจากนักกฎหมายทั่วไป ที่เห็นตรงกันว่า มีปัญหา ไม่น่าทำได้

แต่รักษาการนายกรัฐมนตรี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยืนยันเรื่องนี้ได้ผ่านการปรึกษาฝ่ายกฎหมายทั้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการกฤษฎีกาแล้ว สามารถนำ "แพทองธาร" เข้าเฝ้าถวายสัตย์ได้

"ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย ผมไม่ห่วงตรงนี้ เพราะเป็นการดูในภาพรวมที่กฤษฎีกาดูอย่างรอบคอบแล้ว และฝ่ายกฎหมายรัฐบาลดูอย่างถูกต้องแล้ว"

เช่นเดียวกับมือกฎหมายรัฐบาล ชูศักดิ์ ศิรินิล ก็สำทับเช่นกันว่า ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่มีการอ้างว่าเป็นคุณสมบัติอันเดียวกันในเรื่องของซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และเรื่องจริยธรรม ซึ่งมองว่าหากคิดเช่นนั้น แสดงว่าศาลได้วินิจฉัยไปแล้ว

แต่ความเป็นจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยในเรื่องนี้ เพียงแต่ศาลรับคำร้อง และให้ชี้แจงภายใน 15 วัน ซึ่งอาจมีการเรียกสอบพยาน และตัดสิน โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน

ดังนั้น หากไม่มีคำวินิจฉัยแสดงว่า น.ส.แพทองธาร ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ ยังไม่มีกรณีที่ถูกกล่าวหา ยังไม่เป็นบุคคลที่ฝ่าฝืนจริยธรรม ซึ่งได้ปรึกษาหารือกันแล้ว และคิดว่าสามารถเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้

"ชูศักดิ์" ยังแสดงความงุนงงสงสัยกับผู้จะยื่นร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ "ถอดถอน" แพทองธารจากตำแหน่งรมว. วัฒนธรรมว่า "จะร้องเรื่องอะไร เพราะน.ส.แพทองธาร ยังไม่ได้ทำงาน" แต่ก็ยืนยันว่า หลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว น.ส.แพทองธาร ก็จะปฏิบัติหน้าที่รมว.วัฒนธรรมได้

ขณะที่ในส่วนของวุฒิสภา ที่มีผู้ไปยื่นร้องให้ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งนั้น พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ สว.ซึ่งเป็นหนึ่งในวิปวุฒิสภา ยืนยันว่า วิปวุฒิสภายังไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ และคิดว่าไม่จำเป็นต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบจริยธรรม น.ส.แพทองธารอีกครั้ง กรณีเข้ารับตำแหน่งรมว.วัฒนธรรม เพราะทำไม่ได้ จะเป็นการฟ้องซ้ำจากที่สว.เคยยื่นตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นนายกฯ ไปก่อนหน้านี้

"เมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการทำหน้าที่นายกฯ ชั่วคราว ถือว่ามีความชัดเจนแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปยื่นตรวจสอบซ้ำ ทำไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งนายกฯ หรือรมว. วัฒนธรรม ถือเป็นรัฐมนตรีเหมือนกัน ทุกอย่างจบแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปยื่นตรวจสอบอีก” พ.ต.อ.กอบ ให้ความเห็นไว้

ทางด้านอดีตสว.สมชาย แสวงการ เป็นอีกคนที่ให้ความเห็นเตือนเอาไว้ ไม่ให้ดันทุรังนำ น.ส.แพทองธาร เข้าเฝ้าถวายสัตย์ในตำแหน่งรมว.วัฒนธรรม เพราะศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ กรณีถูกร้องให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา170 (4) และมาตรา160 (4) (5)

"จะตะแบงตีความว่า ให้หยุดเฉพาะนายกฯ ศาลไม่ได้สั่งให้หยุดในฐานะรัฐมนตรี ไม่ได้"

อดีตสว.สมชาย ย้ำว่า น.ส.แพทองธาร จะเข้าทำหน้าที่รมว.วัฒนธรรมได้ ต่อเมื่อศาลมีคำวินิจฉัยแล้วว่าไม่ขาดคุณสมบัติรัฐมนตรีตามที่ศาลรับคำวินิจฉัยไว้แล้วเท่านั้น

"ตรวจสอบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญและข้อกฎหมายให้ดี อย่าตีความเข้าข้างเอาใจนาย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย และฝ่ายพิธีการต่าง ๆ ควรสะกิดเตือน อย่าสร้างปัญหากฎหมายเพิ่มอีก อย่าสร้างความมิบังควรครับ เตือนมาด้วยความหวังดี"

โบราณว่า จิ้งจกทักยังต้องฟัง แต่นี่เป็นคำเตือนจากผู้เคยอยู่ในแวดวงสภา และมีประสบการณ์เกี่ยวกับการยื่นร้องถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อศาลรัฐธรรมนูญมาก่อน

ดังนั้น ขึ้นอยู่กับรักษาการนายกฯ สุริยะ ว่าจะชะลอการถวายสัตย์เฉพาะ รมว.วัฒนธรรมเอาไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ซึ่งช้าไปอีก 2-3 เดือน แต่ปลอดภัยกันทุกกคน ไม่ต้องเสี่ยงถูกร้องซ้ำอีก ก็คงไม่ต่างกับผู้ที่มีปัญหาติดเชื้อโควิด หายแล้วค่อยนำเข้าเฝ้าฯ ทีหลังได้

แพทองธาร ในสถานการณ์นี้ก็ไม่ต่างจากป่วยโควิดการเมือง วันไหนที่มีคำตอบจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ถ้าบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใย ค่อยเข้าสู่กระบวนการอีกครั้งก็ยังไม่สาย ระหว่างนี้งานในกระทรวงวัฒนธรรม ก็ให้รักษาการนายกฯ รับเป็นธุระไปพรางก่อน

แต่ถ้ารักษาการนายกฯ สุริยะ จะใจแข็งเดินหน้าลุยไฟไปเลย ก็คงไม่มีใครไปห้ามได้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์