คงไม่เป็นการด่วนสรุปเร็วไปนัก หากใช้ข้อความนี้จั่วหัวเรื่อง เพราะหลังคลิปเสียงสนทนาระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร - ฮุนเซน ถูกเปิดออกมา ทำให้ความชอบธรรมของการอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ของแพทองธาร มลายหายวับไปทันที
แทบไม่ต้องเปิดรัฐธรรมนูญดูให้เสียเวลา เพราะลำพังประชาชนทั่วไป ยังต้องมีหน้าที่ "พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ" ดังนั้น เมื่อคนที่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ปกป้องดูแลชาติ
ย่อมหมดความชอบธรรมที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้นำอีกต่อไป
แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของไทย ต่อจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนในตระกูลเดียวกัน แต่เยาว์วัยกว่า เพราะก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำในวัยเพียง 37 ปี เปิดบันทึกหน้าใหม่ให้กับประวัติศาสตร์การเมืองไทย
แม้ระหว่างอยู่ในตำแหน่งถูกตั้งคำถามมากมาย แต่เมื่อมาตามครรลองวิถีแห่งประชาธิปไตย ก็ได้รับอนุญาตจากสังคมให้อยู่ทำหน้าที่มาได้เกือบจะครบหนึ่งปี การทำงานมีขาดบ้าง เกินบ้าง ตามประสามือใหม่หัดขับ
สังคมก็หลิ่วตาให้โอกาสอยู่ตลอด เพราะเคารพในกติกา
แต่เมื่อเหตุการณ์เดินมาถึงจุดนี้ ทำให้คลิปเสียงสนทนา "หลาน-ลุง" สองแผ่นดิน สายสัมพันธ์ข้ามชาติไทย-กัมพูชา กลายเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองไทยไปทันที ต้องมารีเซ็ตทุกอย่างใหม่หมด ไม่เพียงการปรับครม.เท่านั้น
ปัญหาเทา ๆ ทุกอย่างถูกมองข้าม เหมือนรถเมล์เลยป้าย เหลืออย่างเดียวคือ จะจัดการกับเจ้าของเสียงในคลิปมรณะนั้นอย่างไร
ไล่เรียงกติกา ดูไทม์ไลน์ รวมทั้ง ประเมินจากกระแสสังคมแล้ว การแสดงความรับผิดชอบของแพทองธาร คงต้องยอมฮาราคีรีตัวเอง "ลาออก" สถานเดียวเท่านั้น ครั้นจะใช้ช่องทางยุบสภาเป็นทางออก ก็ไม่ใช่ความผิดของสภา
"การลาออก" จึงนับเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด!!
สภาก็ยังอยู่ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป และสรรหาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน ตามบัญชีที่พรรคการเมืองยื่นต่อ กกต.เอาไว้ ในระหว่างนี้ก็ให้ครม.ที่เหลืออยู่ทำหน้าที่รักษาการไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่มารับไม้ต่อ
นี่ว่ากันด้วยกติกาล้วน ๆ ส่วนถ้าจะเล่นบทดื้อตาใสอยู่ต่อไป ลำพังที่ผ่านมาก็อยู่ยากพอแล้ว หากยังขืนดันทุรังกันไปต่อ ไม่รู้จะรับมือกับกระแสแม่น้ำร้อยสาย ที่กำลังก่อตัวเป็นพายุไปได้นานขนาดไหน
ที่สำคัญอาจเปิดช่องสร้างความชอบธรรมให้อำนาจนอกกติกาเข้ามาอย่างที่หลายคนเป็นห่วง
ส่วนจะกลับหลังหันไปง้อ "อาหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล ก็สายเกินเพลไปแล้ว เพราะพลิกชีวิตจาก "บักหำน้อย" ตุหรัดตุเหร่ เก็บข้าวของออกจากกระทรวงไปแบบไม่รู้อนาคต แต่ทันทีที่คลิปเสียงปลิดวิญญาณปรากฎขึ้น ทำให้อนุทินรีบตัดสินใจชิ่งหนีแบบไม่รอช้า
แถมชิงประกาศถอนตัวจากรัฐบาลกลางดึก รับบทพระเอกไปเต็ม ๆ
งานนี้ถ้าจะให้ "หนุู"อย่างภูมิใจไทย กลับมาอุ้ม "ราชสีห์ป่วย" ไม่ใช่แค่เก้าอี้มท.1 ที่ถูกทวงคืนเช้า กลางวัน เย็น 3 เวลาหลังอาหารแล้ว มันต้องเก้าอี้นายกฯ ถึงจะสมราคา "พญาหนู" ที่มีภูมิต้านทานสูงจากวัคซีนเทพเต็มแขน
แต่ทั้งหลายทั้งปวง มาถึงตรงนี้กระแสไล่ "อุ๊งอิ๊ง" นายกฯ เจนวาย ผู้ไม่รักษาเกียรติภูมิ และศักกดิ์ศรีของชาติ ได้ลุกลามเป็นไฟลามทุุ่งไปแล้ว
ต่อให้ยอมลงทุนคุกเข่าเอาศีรษะโขกพื้น ขอโทษแสดงความสำนึกผิดต่อแผ่นดินอย่างไร คงไม่ทันกาล มีทางเดียวที่จะเยียวยาและให้ได้ใช้ชีวิตเดินเหินอยู่ในสังคมไทยได้ปกติสุข ต้องลาออกสถานเดียว และรอช้าไม่ได้ด้วย
เพราะหากขืนตัดสินใจช้าไปแค่ก้าวเดียว อย่าว่าแต่ถั่วงาจะไหม้ กระทะก็จะพลอยไม่เหลือด้วย
นี่คือการปิดฉากอวสานลงอย่างถาวรของนายกฯ เจนวาย
ส่วนพรรคเพื่อไทย ที่มีโอกาสได้กลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง จากนโยบายเรือธงต่าง ๆ ที่คิดใหญ่ แต่ทำไม่เป็น เอาแต่สร้างนิทานขายฝันไปวัน ๆ ในช่วงเกือบตลอดสองปีที่ผ่านมา
ดังนั้น ต่อให้ขุดโรดแมพใด ๆ ออกมาต่อลมหายใจ คงเป็นได้แค่นิทานหลอกเด็ก อารมณ์เดียวกับตกขบวนแก้รัฐธรรมนูญเมื่อยี่สิบปีก่อน ที่ได้เห็นภาพนายกฯ อภิมหาเศรษฐี ลดตัวลงไปนั่งจับเข่าคุยกับ "วรัญชัย โชคชนะ" และกลุ่มพรรคขนาดเล็ก
ส่วนพรรคการเมืองหลักพร้อมใจพากันบอยคอตไปหมดแล้ว
ฉันใดก็ฉันนั้น วันนี้ทุกพรรคการเมืองนัดแถลงจุดยืน ถ้าพร้อมใจกันปฏิเสธไม่เอาพรรคการเมืองที่มีผู้นำขายชาติ ก็เท่ากับเป็นการรูดม่าน อวสานพรรคเพื่อไทย เอวัง ปริโยสาเน