นาทีไม่ต้องสงสัยกันอีกต่อไปว่า มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในรัฐบาลหรือไม่
เพราะสองพรรคใหญ่ "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย" ต่างดับเครื่องชนกันในสงครามแดง-น้ำเงิน ขนาดระดับโปรโมเตอร์ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังดีลลับให้ สทร.ได้กลับประเทศมาเลี้ยงหลาน ถึงกับร้องลั่นว่า "เฮ้ย ทำไมเล่นกันหนักขนาดนี้"
คำอุทานที่ว่าอ้างจาก "เล็ก" วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ไปพูดผ่านรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งไว้ ถึงปัญหาความขัดแย้งปมฮั้วเลือกสว.ที่ไปไกลกว่าการกดดันต่อรองกันธรรมดาในพรรครัฐบาล และทำท่าจะกู่ไม่กลับด้วย
จึงเป็นบทสรุปของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจริงในรัฐบาล และเล่นกันแรงถึงขั้นยุบพรรค ขนาดที่ลุงคนนั้นยังคิดไม่ถึง
ย้อนไปเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางกลับประเทศภายใต้ดีลลับ 3 ข้อใหญ่ คือ หนึ่ง เอามาหยุดความร้อนแรงของพรรคส้ม ซึ่งทำได้ระดับหนึ่งและล่ามไว้จนพรรคส้มอ่อนแรงลง นำไปสู่การเสียสมดุลการเมือง จนเป็นเหตุให้ "แดง-น้ำเงิน" หันมาฟัดกันอยู่เวลานี้
ส่วนอีกสองข้อหลัง คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ กับการสร้างความสามัคคีปรองดองขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งล้มเหลวทั้งคู่ แถมยังเป็นคนจุดชนวนสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งขึ้นใหม่ในฐานะอภิสิทธิ์ชน และความเป็นสทร.ที่อุปโลกป์ขึ้นเอง
เมื่อกระแสความขัดแย้งแดง-น้ำเงิน เชี่ยวกรากขนาดนี้ จึงกลายเป็น "ดีลแฉลบ" ที่ไม่รู้จะกลับมาตั้งลำกันใหม่ได้ทันหรือไม่ เพราะการออกมาของหนึ่งในสว.สำรอง กุสุมาลวตี ศิริโกมุท ซึ่งเป็นอดีตสส.เพื่อไทย นั้น ไม่ได้แค่ต้องการเข้ามาเป็นสว.ตัวจริงเท่านั้น
แต่ต้องการล้มกระดาน คว่ำ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมยุบพรรคภูมิใจไทย และให้สว.ชุดนี้เป็นโมฆะ
จากอารมณ์ที่เพิ่งจะผ่อนคลาย เพราะได้เลนส์ตาใหม่ มองอะไรก็ใสปิ๊ง ๆ เห็นทะลุไปถึงอนาคตรัฐบาลจะอยู่ไปยาว ๆ จนครบเทอม พลันกลับกลายเป็นขุ่นมัวขึ้นมาในบัดดล ไม่ได้มองเป็นเรื่อง "ฝันกลางวัน" อีกต่อไป
อนุทินถึงกับหมดความอดทน หลังกล่าวคำผรุสวาจามากมายเสร็จ ก็ส่งสัญญาณให้ฝ่ายกฎหมายไปฟ้องร้องเอาผิดกุสุมาลวตี ซึ่งโฆษกพรรคภูมิใจไทย บุณย์ธิดา สมชัย ก็ขานรับโดยไม่รอช้า
"วันนี้พรรคภูมิใจไทย จำเป็นต้องออกมาปกป้องตนเองจากการใส่ร้ายบิดเบือน จากฝ่ายการเมืองผู้ไม่หวังดี ที่ดูเหมือนว่ามีเจตนาพิเศษ จ้องจะทำลายพรรคภูมิใจไทย"
เมื่อคนในพรรคสีน้ำเงิน ไม่ยอมเป็นสีทนได้อีกต่อไป จึงทำให้ปม "ฮั้วสว." ที่แม้จะมีกลิ่นอายของการเมืองผสมอยู่ตั้งแต่แรก แต่ยังอิงอยู่กับหลักการที่มี พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.เป็นหลังพิง หากทันทีที่กุสุมาลวตี ออกมาโหมเรื่องยุบพรรคภูมิใจไทย
เท่ากับเป็นการดึงเรื่องฮั้วสว.เข้าสู่การเมืองแบบเต็มตัว ทำให้ประเด็นหลักการที่ชูกันมาแต่ต้นกลายเป็นเรื่องรอง ที่อาจส่งผลดีต่อสว.สีน้ำเงินและพรรคภูมิใจไทย เพราะกุสุมาลวตีพาแหกโค้งเสียก่อน กลายเป็นเรื่องของคนอกหัก ผิดหวังไม่ได้เป็นสว.ที่มาฟูมฟาย
ไม่ใช่เรื่องของฮั้วไม่ฮั้วที่เป็นปัญหาหลักการแต่อย่างใด
ส่วนจะไปไกลถึงขั้นสลายอาณาจักรบ้านสีน้ำเงิน ระเบิดเขากระโดงทิ้ง หรือกลับหลังหันมาตั้งลำกันใหม่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ "ดีลแฉลบ" โดยเฉพาะจากรหัสมอสที่ลุงคนนั้นส่งเสียงออกมา ซึ่งคงไม่ใช่แค่เสียงบ่นธรรมดาแน่
แต่น่าจะเป็นการส่งสัญญาณแตะเบรคไปด้วยพร้อมกันในคราวเดียว
งานนี้ไม่รู้ว่าแดง-น้ำเงิน จะจับสัญญาณกันได้หรือไม่ หรือจะเล่นเกมใหญ่ว่ากันไปยาว ๆ จนแหลกราญกันไปข้าง ก็คงต้องใช้จิตสัมผัสหยั่งรู้กันเอาเองจะให้จบแบบไหน?!