เจาะแผน END GAME ปิดสวิตช์ สว.ตัดท่ออำนาจ-เปิดฉากศึกชิงเมือง สัญญาณการเมืองเดือด EP.Special

24 ก.พ. 2568 - 04:38

  • “DSI ไม่รับเรื่องไว้ไม่ได้ เพราะมีผู้มาร้องทุกข์ ไม่ได้อคติกับคนใด คนหนึ่ง หรือฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง” อีกหนึ่งสัญญาณที่เริ่มชี้ชัดถึงการเมืองเดือด เมื่อมีเอกสารลับจาก DSI ไปถึง กกต.เป็นคำร้องขอความเป็นธรรมกรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่ถูกกังขา และเข้าข่ายผิดกฎหมาย จะนำไปสู่การรีเช็ตหรือจุดประกายความปั่นป่วนทางการเมืองครั้งสำคัญหรือไม่…ติดตามใน Deep Space ลึกกว่าที่รู้

Drilling-into-the-ENDGAME-plan-turning-off-the-switch-senators-cutting-power-SPACEBAR-Hero.jpg

สัญญาณการเมืองเดือด ที่กำลังนับถอยหลังไปสู่ Dead Zone ในเดือนพฤษภาคม เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้วอย่างดุเดือด 

‘วุฒิสภา’ ที่ถูกตั้งฉายาว่า สว.สีน้ำเงิน เป็นจิ๊กซอว์ตัวแรกที่ถูกเปิดเกมเข้าใส่

เอกสารลับที่ DSI แจ้งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงผลการสอบสวนคำร้องขอความเป็นธรรมกรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 3 คำร้อง เรื่อง มีกระบวนการ หรือพฤติการณ์ที่ไม่ชอบธรรมในการคัดเลือก สว. กำลังเป็นประเด็นร้อนประเด็นแรก ที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้าทางการเมืองครั้งใหญ่

บทสรุปของผลการสอบสวนในเอกสารที่มีความยาว 3 แผ่น มีข้อสรุปสำคัญที่ระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดใน 3 ประเด็น คือ 

หนึ่ง เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77

สอง เข้าข่ายการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209

สาม เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุในเอกสารดังกล่าวว่า มีการกระทำที่เข้าข่ายที่จะสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้ จึงแจ้งไปยัง กกต. ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความประสงค์จะรับดำเนินการสอบสวนในส่วนที่พบการกระทำผิดอาญาไว้ดำเนินการ 

ส่วน **กกต.**จะดำเนินการสอบสวนเองในประเด็นไหน และจะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษประเด็นไหน หรือ กกต.จะดำเนินการสอบสวนเองทั้งหมด หรือ กกต.จะมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสอบสวน เองทั้งหมด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้ กกต. แจ้งมา และยืนยันกลับไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 กกต. กลับทำหนังสือกลับไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งว่า เนื่องจากเรื่องดังกล่าวไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้วหรือไม่ จึงยังไม่ได้เสนอเรื่องให้ กกต. พิจารณาตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ กกต.ปี 2560

ซึ่งแม้จะไม่ตรงกับประเด็นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถามไปทั้ง 3 ประเด็น และยังทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษจะไม่ได้ประชุม เพื่อมีมติรับคดีเป็นคดีพิเศษ แต่ความเคลื่อนไหวของหนังสือทั้ง 2 ฉบับ ที่ฉบับแรกจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีผลการสอบสวนที่ระบุชัด และลงลึกในรายละเอียด ที่หากใครได้ผ่านทั้งหมด คงเห็นภาพชัด ชัดถึงขบวนการ 

และกระบวนการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษขยายผลการสอบสวน จากคำร้องทั้ง 3 ฉบับ ก็สร้างแรงสะเทือนในระดับหลายริกเตอร์

สั่นสะเทือน…จนพัฒนาไปสู่การเผชิญหน้า ระหว่างกลุ่ม สว. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่สังกัดกระทรวงยุติธรรม โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง

ฝั่ง สว.ที่นำโดย มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานคนที่ 1 พร้อม สว.จำนวนหนึ่ง ระหว่างการร่วมเสวนา ที่สถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบกที่สวนสนประดิพัทธ์ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดประเด็นโต้ตอบข้อกล่าวหาที่ถูกระบุในผลการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษแบบดุเดือด พร้อมลุยชนิด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

การแถลงพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ร้องที่ถูกระบุว่า เป็นกลุ่ม สว.สำรองที่ได้ประโยชน์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการสอบสวนซึ่ง พล.อ.เกรียงไกร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ยืนยันว่า จะใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อกล่าวโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง และเตรียมการลงชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจผู้บริหารที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ด้วย 

ส่วน พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ หนึ่งในสว.กลุ่มที่ออกมาแถลงข่าว ระบุว่า เป็นการใส่ความ สว.ที่ทำให้เกิดความเสียหาย และเห็นว่า เป็นการกระทำของกลุ่มคนไม่สำนึก ไม่เคารพกติกา และคาดหวังที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบ และบั่นทอนระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย 

ขณะที่ฝั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และยืนยันว่า

“DSI ไม่รับเรื่องไว้ไม่ได้ เพราะมีผู้มาร้องทุกข์ ไม่ได้อคติกับคนใด คนหนึ่ง หรือฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง“

พ.ต.อ.ทวี ยังบอกในรายละเอียดว่า มีผู้ร้องนำโพยตัวเลขมาให้ดู จึงถามไปว่าตัวเลขนี้เป็นชื่อใคร ปรากฏว่าเป็นชื่อ สว.อยู่ 138 คน และเป็นคนในบัญชีสำรองอีก 2 คน และเรียกร้องให้ สว.ที่ถูกกล่าวหาพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะในขั้นตอนการสอบสวนที่เป็นคดีพิเศษ ที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน 

พ.ต.อ.ทวี ย้ำว่า ไม่มีเรื่องการเมืองหรืออะไรทั้งสิ้น คณะกรรมการคดีพิเศษมี 20 คน มาจากหลายองค์กร ไม่มีใครที่จะล็อบบี้ได้ ซึ่งกำชับให้พนักงานสอบสวนทำงานอย่างตรงไปตรงมา และพร้อมให้สว.ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ที่สามารถทำได้ 

ท่าทีของทั้งสองฝ่าย แม้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ยังไม่ลงลึกไปถึงการรับคดี การพิจารณาคดี และการชี้ขาด รวมทั้งยังไม่เริ่มขั้นตอนการโต้กลับของ สว. ทั้งการกล่าวโทษในข้อหาใส่ความ และเข้าชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ 

แต่ทั้งหมดก็ตอกย้ำถึงสัญญาณการเมืองก่อนหน้านั้น ที่ระบุว่า หนึ่งในกระบวนการเซ็ทซีโร่ทางการเมืองอีกครั้ง!

คือ การล่มวุฒิสภาชุดนี้ และต้องล่มก่อนที่จะเกิดกระบวนการสรรหาองค์กรอิสระชุดอื่น ล่มก่อนกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้น รวมทั้งล่มก่อนกฏหมายสำคัญหลายฉบับ จะถูกหยิบขึ้นมาต่อรองอำนาจ

138 สว.ที่ถูกระบุชื่อ เป็นสัดส่วนเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน สว.200 คน หากทั้ง 138 สว.และ 2 สว.ที่อยู่ในรายชื่อสำรอง ถูกกล่าวหากระทำการผิดดังนั้นจริง แกนอำนาจในรัฐสภา จะเปลี่ยนทันที!

โมเมนตัมของเกมในสภาจะผกผันไปทางไหน หรือ จะเกิดจุดเปลี่ยนทางการเมืองอย่างไร จะมาสรุปใน EP.ถัดไป ส่วนปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา คงต้องยกยอดออกไปก่อน เพราะประเด็นร้อนในรัฐสภาไทย น่าจะมาแรงกว่าในตอนนี้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์