หลังจากมีการเผยแพร่หนังสือเสนอของท้าวฟองสะหมุด อันละวัน รองรัฐมนตรีต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชนชนลาว (สปป. ลาว) ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2025 ถึง รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ ให้พิจารณาข้อเสนอเยี่ยมเยือน ส.ป.ป ลาวของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระหว่างวันที่ 14-15 หรือ 15-16 พฤษภาคมนี้
ล่าสุดมีการเผยแพร่บันทึกของสถานเอกอัครราชทูตลาว ประจำประเทศไทย ที่ส่งไปถึงกระทรวงการต่างประเทศลาว เนื้อหาในเอกสารทำให้มีความชัดเจนขึ้นว่า รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานลาวเป็นฝ่ายเชิญ นายพีระพันธุ์ไปเยือน หรือนายพีระพันธุ์ขอให้ รมต. กระทรวงพลังงานลาว เชิญ รมต. กระทรวงพลังงานไทยไปเยือน โดยมีเนื้อความดังนี้
สถานเอกอัครราชทูตรายงานไปยังกระทรวงว่า: ช่วงเช้าของวันที่ 6 พฤษภาคม 2025 ‘ท่านคำพัน อันลาวัน’ เอกอัครราชทูตสปป.ลาว ประจำราชอาณาจักรไทย ได้ให้การต้อนรับคณะของท่าน‘ไพศาล พืชมงคล’ ประธานสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน อดีตที่ปรึกษา‘พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ’ อดีตรองนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย
ในการพบปะครั้งนี้ ท่านไพศาลได้นำท่าน ‘ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ’ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ และคณะที่ปรึกษาท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทย มาพบกับท่านทูต
ทางฝ่ายไทยได้แจ้งว่า: ท่านพีระพันธุ์มีความประสงค์จะเดินทางไปทำงานที่ สปป.ลาว เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าลาว-ไทยในอนาคต ‘โดยเสนอให้ฝ่ายลาวออกหนังสือเชิญเพื่อทำงานร่วมกับคู่ตำแหน่งฝ่ายลาว’ รวมถึงเข้าเยี่ยมคารวะผู้นำระดับสูงของลาวพร้อมทั้งศึกษาดูงานเขื่อนไฟฟ้าแห่งใดแห่งหนึ่งของลาว โดยเสนอวันเดินทางเป็นสองช่วง คือ 14 15 หรือ 15-16 พฤษภาคม 2025
เนื้อหาที่ฝ่ายไทยต้องการปรึกษาหารือกับฝ่ายลาว สรุปได้ว่า: เป็นนโยบายที่สอดคล้องกับความพยายามลดค่าไฟฟ้าภายในไทย โดยรองนายกรัฐมนตรี ไทยต้องการให้ภาครัฐของทั้งสองประเทศมีบทบาทในการตัดสินใจจัดทำแผนซื้อขายพลังงานไฟฟ้าระหว่างกัน รวมทั้งหารือความร่วมมือระหว่างภาครัฐของทั้งสองประเทศในการสานต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเขื่อนต่าง ๆในลาวที่กำลังจะครบอายุสัมปทานและจะกลับมาเป็นของรัฐบาลลาวในอนาคต โดยฝ่ายไทยเสนอให้การไฟฟ้าฝ่าผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นกับกระทรวงพลังงานไทย เข้ามามีส่วนร่วมทางด้านเทคนิคในการผลิตกระแสไฟฟ้าของเขื่อนต่าง ๆ ในลาวในอนาคต เพราะมีประสบการณ์และศักยภาพสูง
สรุปโดยรวมภายใต้นโยบายของท่านรองนายกพีระพันธุ์ คือความพยายามดึงภาคเอกชนไทยออกจากระบบการผลิตและซื้อขายพลังงานไฟฟ้าในลาว เพื่อให้รัฐบาลสามารถควบคุมราคาค่าไฟฟ้าได้โดยตรง
ความเห็นของสถานทูต:
-เห็นควรเสนอให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตามแนวทางความร่วมมือที่ผ่านมา ‘ในการเชิญรองนายกรัฐมนตรีไทยเยือน สปป.ลาว ตามวันเวลาที่ฝ่ายไทยเสนอข้างต้น’ และเพื่อเป็นการให้เกียรติผู้เกี่ยวข้องซึ่งมีบทบาทสำคัญ และเป็นบุคคลที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมไทยให้ความสำคัญ จึงเห็นควรจัดให้ได้เข้าเยี่ยมคารวะผู้นำระดับสูงของลาวตามความเหมาะสม และอาจจัดให้ศึกษาดูงานที่เขื่อนไฟฟ้าน้ำงึม จังหวัดเวียงจันทน์ด้วย (ประวัติย่อของท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้แนบมาด้วย)
นายไพศาล เป็นคนแรกที่เปิดเผย ข่าวนาย ‘พีระพันธุ์ขอไปลาว’ โดยโพสต์ในเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol เช้าวันที่ 14 พฤษภาคมว่า เสธ.หิมาลัย ผิวพรรณ ในฐานะผู้แทนของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณท่านเอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศไทย และคณะที่ภัตตาคารซิงฮว่าชุน ถนนรัชดาภิเษก เนื่องในโอกาสที่ได้ช่วยประสานงานการเดินทางเยือน สปป. ลาว ของรองนายกฯ และ รมต. กระทรวงพลังงานไทย ในวันที่ 14-15 พฤษภาคมนี้
นายไพศาลโพสต์ด้วยว่า ‘เป็นการประสานงานระหว่างประเทศระดับรองนายกรัฐมนตรี ในเรื่องสำคัญที่ใช้เวลาสั้นที่สุดคือไม่ถึงสัปดาห์’
นายพีระพันธุ์ ถูกสำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช เชิญไปไต่สวน ในวันที่ 15 พฤษภาคม กรณีถูกร้องเรียนว่าใช้ทรัพย์สินราชการเพื่อประโยชนส่วนตัว กรณีแจกถุงยังชีพ ช่วยน้ำท่วมของ ปตท. โดยติดสติ๊กเกอร์ของตัวเองบนถุงยังชีพ การเดินทางไปลาว โดยไม่มีการแจ้งกำหนดการล่วงหน้า จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า นายพีระพันธุ์ต้องการหลบเลี่ยงไม่ไปให้การในวันที่ 15 พฤษภาคม
หลังหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศลาว ที่เปิดเผยข้อมูลว่า นายพีระพันธุ์เป็นฝ่ายขอให้ลาวเชิญตัวเองไปเยือนถูกกระจายออกไป มีการเผยแพร่หนังสือเชิญของท้าวโพธิสาย สานะโสน รมต. กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ สปป. ลาว ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 เชิญนายพีระพันธุ์ไปเยือนลาว ระหว่างวันที่ 14-16 พฤษภาคม เป็นการ‘แก้ต่าง’ว่า นายพีระพันธุ์ไปลาวตามคำเชิญของ รมต. กระทรวงพลังงานลาวไม่ได้ขอไปเอง
แต่บันทึกของสถานทูตลาว ประจำประเทศไทยดังกล่าว ทำให้เห็นภาพเตรียมการไปเยือนลาวของนายพีระพันธุ์ได้ชัดเจนขึ้นว่า ขอไปเองหรือลาวเชิญมา