เทวดา VS เทวดา #EP2 ไขปริศนากล่องดวงใจ ‘โจ๊ก’

29 ต.ค. 2567 - 09:44

  • โยงใยกันพัลวันกันหลายชั้นหลายวง

  • ย้อนรอยไปดูก่อนเกิดคดี The Icon

  • รัฐบาลอิ๊งค์1 น่าจะเห็นปมร้อนของความขัดแย้ง

Deep Space เทวดา VS เทวดา #EP2 ไขปริศนากล่องดวงใจ ‘โจ๊ก’-SPACEBAR-Hero.jpg

กลยุทธ์เหยียบกล่องดวงใจ ที่ถูกเปิดเข้าใส่ 2 คนใกล้ตัวของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ทั้งทนายตั้ม ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ และ มาดามกุ๊บกิ๊บ ‘ศิรินัดดา หักพาล’ ล่าสุดเหมือนจะประสบความสำเร็จไปแล้วหนึ่งราย เพราะทนายตั้ม กำลังถูกขยายแผล และขยายผลในหลายคดี หลังชะล่าใจก้าวย่างลงไปในหลุมพรางที่ถูกขุดดักเอาไว้ 

คดีฉ้อโกงเงินเจ๊อ้อย 71 ล้านบาท เป็นเพียงชิ้นเนื้อชิ้นเล็กๆ ที่โยนลงมาให้เหยื่ออย่าง ทนายตั้ม งับด้วยความเชื่อในข้อมูลของตัวเอง และเชื่อสายสัมพันธ์ในอดีตที่มีกับ เจ๊อ้อย ผู้ที่ทนายตั้มบอกว่าเคารพเหมือนผู้ใหญ่ในครอบครัว 

ทนายตั้ม เชื่อว่า ถ้าตัวเองได้เจอ เจ๊อ้อย แบบตัวต่อตัว จะสามารถเจรจาและตกลงกันได้ 

ความชะล่าใจตรงนี้ ทำให้ทนายตั้มไม่รู้และประมาท จนไม่ได้ตรวจสอบว่า เรื่องราวทั้งหมดถูกกำหนดเกมไว้ 

เจ๊อ้อย ไม่ได้กำลังจะกลับมาเมืองไทย…

แต่เจ๊อ้อยมาเมืองไทยก่อนแล้ว พร้อมข้อมูลที่เกี่ยวกับ ทนายตั้ม หอบใหญ่ การเปิดเรื่องราวเบื้องต้นด้วยคดีที่ถูกแจ้งความที่ สภ.ปากช่อง เป็นหลุมพรางขนาดใหญ่ ล่อให้ทนายตั้มเดินออกมาเล่น 

ทันทีที่หลวมตัวออกมาโต้ตอบ และมั่นใจถึงขั้นกล้าประกาศสงครามกับสื่ออาวุโสอย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล

ชุดข้อมูลที่เหลือก็พรั่งพรูออกมา พร้อมๆกับการออกมาเปิดตัวของ เจ๊อ้อยและคนใกล้ชิด ถึงพฤติกรรมและข้อตกลงระหว่างทนายตั้มและเจ๊อ้อย  

ข้อมูลจากปาก เจ๊อ้อย กระเทือนต่อตัวทนายตั้มอย่างหนัก หนักจนสร้างความโน้มเอียงให้กับสังคม โน้มเอียงไปในทางที่เชื่อว่า ทนายตั้ม อาจมีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา

ขณะที่หมากตัวที่สองทำงาน หมากตัวที่สามก็ตามมาทันที และเป็นหมากเด็ดที่พร้อมจะขยี้ทนายตั้มให้จมดิน เมื่อ ‘บิ๊กเต่า’ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาให้ข้อมูลผ่านสื่อว่า กำลังตรวจสอบคลิปเสียงจำนวนมากที่ปรากฏอยู่ในโทรศัพท์มือถือของ บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์กุลและพบว่า หนึ่งในคลิป เป็นเสียงของนักกฎหมายคนดัง กำลังเจรจาเรียกเงินจำนวนหนึ่งจาก บอสพอล

แม้จะไม่บอกว่า นักกฎหมายคนดังกล่าวเป็นใคร และสื่อมวลชนพยายามสอบถามว่าเป็นทนายตั้มหรือไม่ แต่ บิ๊กเต่า ก็ไม่บอกตรงๆ มีเพียงคำอวยพรผ่านสื่อไปยัง ทนายตั้ม ว่า ขอให้แคล้วคลาด และปลอดภัย แต่ก็ไม่ระบุว่า แคล้วคลาดจากเรื่องใด 

จากคดีฉ้อโกงเงินเจ๊อ้อย 71 ล้าน มาถึงเรื่องที่ถูกพาดพิงว่า อาจจะเป็นคนในคลิปเรียกเงินบอสพอล ล่าสุดทนายตั้ม ก็ยังโดนอดีตเรียกหา ในคดี ‘แตงโม‘ ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ อีกเรื่อง ทุกคดี กระเทือนต่อความเชื่อมั่น กระเทือนต่อเครดิตต่อตัวทนายตั้มโดยตรง และแน่นอนว่า กระเทือนต่อทุกคดีที่กำลังดำเนินการอยู่ 

โดยเฉพาะคดี The Icon ที่ทนายตั้มประกาศตัวอยู่ข้างผู้เสียหาย และพยายามเปิดโปงขบวนการเทวดาที่อยู่เบื้องหลังบอสพอล  

เพราะหากเสียงในคลิปที่มีการเจรจาต่อรองเรื่องเงินจำนวน 7 ล้านจาก บอสพอล เป็นตัวทนายตั้มจริง ย่อมเปลี่ยนสถานะจากตัวแทนผู้เสียหาย มาเป็นผู้ถูกกล่าวหาทันที 

ซึ่งนั่นหมายถึง ทนายตั้ม ย่อมหมดความชอบธรรมที่จะเดินหน้าเปิดโปง หรือสาวต่อข้อมูลในคดี The Icon และอาจรวมถึงคดีอื่นที่ตัวเองกำลังดำเนินการอยู่

ประการสำคัญ คือ อยู่ในภาวะสะดุด สะดุดจนไม่อาจรับงานอื่นใด หรือออกหน้าเป็นทีมทำงานให้กับ เพื่อนสนิทอย่าง ‘บิ๊กโจ๊ก‘ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ได้อีก…นั่นหมายถึงกลยุทธ์เด็ดหัว มือทำงานระดับหมู่ทะลวงฟันอย่างทนายตั้มประสบผลอย่างยิ่ง 

ส่วน ’มาดามกุ๊บ‘ ที่ถูกเปิดด้วยข้อกล่าวหาลักทรัพย์ พ่วงประเด็นชู้สาว แม้ถึงวันนี้ ข้อมูลที่ออกมาตามหน้าสื่อจะเริ่มไม่มีน้ำหนัก เมื่อคู่กรณีอย่าง ‘หนิง‘ ธนัฏฐา ยอดเยี่ยม เริ่มให้ข้อมูลสับสน และวกวน จนถูกตั้งคำถามว่า อะไร คือ ความจริงกันแน่

คำถามถูกพุ่งเป้าไปยัง ’หนิง’ ทั้งประเด็นทองคำและเงินสดที่กล่าวอ้างว่า มาดามกุ๊บ ขโมยออกไปจากห้องพักของเธอที่คอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง และความสัมพันธ์ที่ หนิง อ้างว่า มาดามกุ๊บ แอบมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสามีของเธอ

กระนั้นแม้ข้อมูลทั้งสองประเด็นอาจลดน้ำหนักความน่าเชื่อถือลงไป ด้วยความสับสนในข้อมูลของ ’หนิง’ เอง 

แต่เป้าหมายหลัก ที่ต้องการให้สังคมตั้งคำถามถึงถุงสีรุ้ง ที่ถูกอ้างว่าเป็นถุงที่มีเงินสดจำนวนมากบรรจุอยู่ ยังไม่ได้ถูกหักล้างและยังรอการพิสูจน์ว่า แท้จริงในถุงทั้ง 5 ใบที่วางอยู่ในห้อง อะไรอยู่ข้างในกันแน่ ระหว่าง ‘เงินสด‘ ตามที่หนิงบอก หรือ ’จักร’ และ ’กระเป๋าสาน’ ตามที่มีข้อมูลว่า มาดามกุ๊บ ระบุในคำให้การกับพนักงานสอบสวน  

อย่างน้อยเรื่องทั้งหมด ก็ยังต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานในห้อง ที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักพิสูจน์หลักฐานตำรวจ หรือ สพฐ. ลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตัวเองว่า มีร่องรอยอย่างไร หรือไม่ที่เกี่ยวข้องกับตัว มาดามกุ๊บ

และอย่างน้อยที่สุด ประเด็นที่พุ่งเป้าเข้าสู่ มาดามกุ๊บ ก็น่าจะมีผลต่อการหยุด ‘บิ๊กโจ๊ก’ ไม่ให้เคลื่อนไหวได้สะดวกมากขึ้น เพราะต้องกังวล และพะวงหลังว่า จะมีแรงกระแทกจากทางไหนเข้ามายังกล่องดวงใจของตัวเองอีกหรือไม่ 

อะไร คือ เหตุผลที่ต้องหยุดความเคลื่อนไหวของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ และใคร ที่ต้องการหยุด ‘บิ๊กโจ๊ก’ และ **’บิ๊กโจ๊ก‘**ถูกระแวงว่า กำลังเคลื่อนไหวเรื่องอะไร…ทำไมถึงต้องทำให้หยุด  

นับจากการเมืองที่ร้อนระอุขึ้นจากการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ นำโดย ‘นายกฯอิ๊งค์‘ แพทองธาร ชินวัตร อันไม่มี ’พรรคพลังประชารัฐ’ เป็นพรรคร่วมรัฐบาล และส่งผลให้พรรคพลังประชารัฐตกอยู่ในสถานะเป็นพรรคฝ่ายค้านครั้งแรกนับจากตั้งพรรค ถือเป็นจุดเปลี่ยน และจุดหักเหสำคัญทางการเมืองอีกครั้ง

การเมืองในยุค รัฐบาลอิ๊งค์1 แตกออกเป็น 3 ขั้ว…

ขั้วหนึ่ง คือ ขั้วรัฐบาลผสม ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ 

อีกขั้วหนึ่ง เป็น ขั้วฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาชน

ขณะที่อีกขั้ว แม้จะมีสถานะเป็นฝ่ายค้าน แต่ พรรคพลังประชารัฐ ที่นำโดย ’ลุงป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลับธำรงสถานะ เสมือนฝ่ายตรงข้ามเฉพาะกับพรรคเพื่อไทยเท่านั้น

เพราะทั้งผลจากการถูกปฏิเสธไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล จนสูญเสียเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ 

ทั้งผลจาก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จำนวนหนึ่งนำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ตีจากอ้อมอกของลุงไปซบเพื่อไทย ทั้งที่ยังเป็นสมาชิกพรรค  

แค่สองประเด็นนี้ ก็เพียงพอที่จะสร้างความบาดหมาง และร้าวลึกมากพออยู่แล้ว…

แต่ค่ำคืนในงาน Vision For Thailand 2024 การให้สัมภาษณ์ของ ทักษิณ ชินวัตร ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ ลุงป้อม หรือการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านั้นที่พาดพิงถึง คนในป่า ยังเป็นการประกาศสงครามกลาย ๆ ระหว่างเขากับลุงป้อมเป็นระยะ ๆ 

ความบาดหมางที่ชัดมากขึ้น และแตกหักในวันที่พรรคพลังประชารัฐไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล 

ทั้งที่ส่งรายชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีไปยังพรรคเพื่อไทยแล้ว 

ทั้งที่ส่งตัวแทนเข้าร่วมหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้า 

ทั้งที่ยกมือโหวตสนับสนุน แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

การประกาศสงครามมหาเทพ จึงเริ่มขึ้น พร้อม ๆ กับความเคลื่อนไหวจากนักร้องสายหลัก เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่รวบรวมทุกเรื่องที่มีช่องโหว่ทางกฎหมายเข้ายื่นคำร้อง การเปิดเวทีอภิปราย และการเดินสายให้สัมภาษณ์สื่อที่นำโดย จตุพร พรหมพันธ์ ที่แม้ไม่ชัดเจนว่ายืนอยู่ฝ่ายไหน แต่ชัดยิ่งว่า ยืนอยู่ตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย 

ทั้งหมดเป็นเกมรุกที่เปิดกระหน่ำเข้าใส่รัฐบาลอิ๊งค์1 และพรรคเพื่อไทย

ช่วงต้นเกม ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยจะซวนเซ และตั้งรับไม่ทัน แต่หลังจากจับทางติด เกมโต้กลับก็เริ่มเกิดขึ้น 

ทั้งการตรวจสอบการทำงานในฐานะ ส.ส.ของ พล.อ.ประวิตร ทั้งคลิปเสียงคล้ายลุงพูดคุยกับลูกพรรค ถึงการต่อรองตำแหน่ง เรื่องผลประโยชน์ ที่ถูกมือดีปลายไปยังสื่อ 

จนมาถึง คดี The Icon ที่จากเดิมเหมือนจะเป็นการทลายขบวนการแชร์ลูกโซ่ แต่กลับพลิกไปหาคลิปเสียงเรียกร้องผลประโยชน์ที่ว่ากันว่า คล้ายกับเสียงของ นาย ส. คนใกล้ชิดพล.อ.ประวิตร

คลิปแต่ละคลิป ดูคล้าย นาย ส. จะเป็นคนเชื่อมโยงประโยชน์ระหว่างบอสพอลกับผู้ใหญ่ในระดับที่เรียกว่า เทวดา เพราะเป็นผู้ดลบันดาลทุกขั้นตอนในการเป่าคดี เป่าเรื่องร้องเรียน การตั้งกลุ่มรับเรื่องร้องเรียน เพื่อเบรกความเคลื่อนไหวของผู้เสียหาย 

ทั้งกระบวนการที่สนับสนุนการเติบโตของ The Icon กระบวนการปกปิดเรื่องราวน่าสงสัยของบริษัท

เกมรุกที่เปิดเข้าบดขยี้ The Icon ในระยะแรก รุนแรง รวดเร็ว และเข้าเป้า จน The Icon ตกอยู่ในสภาวะกึ่ง ๆ ต้องยุติการดำเนินการ 

นั่นหมายถึง เม็ดเงินที่เคยไหลเข้าไปยังกลุ่มผลประโยชน์ที่เคยปกป้อง The Icon ก็ถูกสกัด และกลายเป็นการทลายแหล่งเงินสำคัญของกลุ่มนี้ ซึ่งว่ากันว่า อาจเป็นแหล่งเงินใหญ่แหล่งสุดท้ายที่ใช้ในการเคลื่อนไหว  

ความเคลื่อนไหวตอบโต้รุนแรง ตรงเป้า และสร้างความเสียหายโดยตรง ทั้งจากคลิปเสียงคนคล้ายลุง คลิปเสียงคล้ายคนใกล้ชิดลุง ในคดี The Icon ถูกตั้งคำถาม และหาคำตอบว่า เรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่ใช่คนใน และไม่ใช่คนที่ใกล้ชิด ใครจะรู้ตื้นลึก หนาบางได้มากขนาดนี้ 

ทำไมหลาย ๆ เรื่องถึงมี ทนายตั้ม เข้ามาเกี่ยว เข้ามารับเรื่อง ทนายตั้มได้ข้อมูลมาจากใคร เพราะเรื่องคลิปเสียงคนคล้ายลุง ได้ถูกปล่อยไปยังสื่อบางสำนัก แบบเจาะจง  

มาตรการการตอบโต้ถึงเริ่มต้นการเอาคืน และการสกัดเกมที่อาจจะมีการเคลื่อนไหวเพิ่ม โดยเริ่มพุ่งเป้าไปยังคนที่เชื่อว่า อาจจะเกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวทั้งหมด 

แต่เมื่อยังไม่มีหลักฐานชัดว่า ใช่คนที่คิดหรือไม่ และเมื่อยังเล่นงานโดยตรงต่อเป้าหมายไม่ได้ กลยุทธ์ตัดมือ ตัดไม้ และกระทืบกล่องดวงใจ จึงถูกเปิดขึ้น 

คดีทนายตั้มที่มีข้อมูลหลุดเข้ามาในมือ 

ข้อกล่าวหา มาดามกุ๊บ ที่อยู่ ๆ ก็เจาะพบ แม้ยังไม่มีหลักฐานแบบจะจะ หรือไม่มีข้อมูลที่ชัดมาก แต่อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณเตือนไปยังเป้าหมายว่า อย่าคิดอ่านทำอะไรมากไปกว่านี้ เพราะเมื่อไก่เห็นตีนงู งูก็เห็นนมไก่เช่นกัน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อกำลังจะเข้าสู่ฤดูการทำบัญชีโยกย้ายนายตำรวจครั้งใหญ่ และมีข้อมูลว่า เป้าหมายคนสำคัญ อาจมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลกับคนทำบัญชี เกมนี้จึงยิ่งต้องเปิด และเปิดใส่แบบไม่ให้เจรจา มีทางเลือกเดียวคือต้องหยุด ก่อนที่เกมจะเปิดใส่คนใกล้ชิด รุนแรง และหนักหน่วงมากกว่านี้

’บิ๊กโจ๊ก’ จะใช่คนที่ถูกตั้งข้อสงสัยหรือไม่ เพราะเขาใกล้ชิดกับวงในคนเหล่านี้มานานกว่า 9 ปี และแม้จะไม่มีหลักฐานที่เกี่ยวพันถึง แต่เมื่อเป้าที่ถูกถล่ม ล้วนแต่เป็นคนใกล้ชิด ’บิ๊กโจ๊ก‘ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปฏิบัติการเหยียบกล่องดวงใจรอบนี้ มีเป้าหมายไปที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ โดยตรง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์