บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เคยเป็นดาวรุ่งธุรกิจแห่งอนาคต เพราะอยู่ในอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าคือ ผลิตรถบัส รถเมล์ หัวรถลาก รถบรรทุก รถแท็กซี่ เรือ ไฟฟ้า ลงทุนตั้งโรงงานทำแบตเตอรี่ ตั้งสถานีชาร์จไฟรถไฟฟ้า
ราคาหุ้นเคยขึ้นสูงทะลุ 100 บาทก็มีให้เห็นมาแล้ว
แต่ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา หุ้น EA ก็ร่วงลงมาเรื่อย ๆ และมา ‘ทรุดหนัก’ ตอนต้นปีนี้ ไหลลึกแบบกู่ไม่กลับ จนล่าสุดเหลือแค่ 12-13 บาท และมีแนวโน้มว่า จะร่วงต่อไปอีก
สมโภชน์ อาหุนัย ซีอีโอ ต้องแถลงข่าวชี้แจงสาเหตุที่หุ้นตกว่า เพราะถูกเจ้าหนี้ force sell คือ ขายหุ้นที่สมโภชน์เอาไปค้ำประกันเงินกู้ เพราะหุ้นราคาตกจนมูลค่าหลักประกันต่ำกว่ามูลหนี้
แต่นักลงทุนที่เน้นเรื่องปัจจัยพื้นฐาน และนักลงทุนสถาบัน ‘รู้มานาน’ แล้วว่า EA อยู่ในช่วงขาลง เพราะรายได้จากธุรกิจหลัก คือ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ของ EA ซึ่งเป็นเสือนอนกินอยู่หลายปี เพราะได้รับ ‘เงินอุดหนุนหรือ ค่า Adder’ จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้าฝ่ายภูมิภาค กำลังทยอยหายไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ปีนี้ จนถึง ปี 2570
‘adder’ หรืออัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม คือเงินที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ่ายเพิ่มให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนน หน่วยละ5-8 บาท แล้วแต่ประเภทของพลังงานทดแทน ตลอดอายุสัญญา
ที่ผ่านมาทั้ง 2 การไฟฟ้าฯต้องจ่ายเงินอุดหนุนให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ ซี่งมีอยู่ประมาณ 45 โรงปีละหลายหมื่นล้านบาท เหมือนน้ำซึมบ่อทรายที่สร้างกำไรให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ แต่ ‘ถูกผลักภาระ’ ไปให้ผู้ใช้ไฟในรูปค่าเอฟที
EA มีกำลังการผลิต ของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ได้รับค่า adder มากที่สุดคือ 314 เมกะวัตต์จาก 6 โครงการ เป็นไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการ ได้รับค่า adder หน่วยละ 6.5 - 8 บาท และพลังลม 3 โครงการได้รับค่า adder หน่วยละ 3.50 บาท
โรงไฟฟ้าเหล่านี้ ทยอยหมดอายุสัญญาที่จะได้รับค่า adder ตั้งแต่ปี 2562 -2570 ซึ่งหมายความว่า ‘จะขายไฟไม่ได้’ อีกแล้ว เพราะต้นทุนแพงมาก เนื่องจากไม่มีเงินอุดหนุนแล้ว ถ้าจะขายไฟต่อ
‘ก็ต้องใช้ฝีมือ’ ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ ให้ต้นทุนลดลง จะทำตัวเป็นเสือนอนกินต่อไปไม่ได้
ปีที่แล้ว EA ปิดโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ ที่นครสวรรค์ เพราะไม่มีค่า adder แล้ว และไม่คิดจะทำต่อ เพราะขาดทุน
โรงไฟฟ้าที่นครสวรรค์ ทำรายได้ให้ EA ปีละประมาณ 1,500 ล้านบาท จากการขายไฟฟ้า ให้ กฟผ. และรับเงินค่า adder 10 ปี ตั้งแต่ปี 2556 -2566
เมื่อไม่ได้ค่า adder แล้วกำไรไตรมาส 1 ปีนี้ ลดลงถึง 61% จากไตรมาส 1 ปีที่แล้ว คือลดฮวบจาก 2,319 ล้านบาทเหลือแค่ 888 ล้านบาทเท่านั้น
EA ยังมีโรงไฟฟาพลังลมอีก 3 โรงที่หมดอายุรับค่า adder ในปี 2570
EA พยายามหาแหล่งรายได้ใหม่ ชดเชยรายได้จากการขายไฟฟ้า บวกค่า adder ที่กำลังจะหมดไปในอีก 3 ปีข้างหน้า นอกเหนือจากการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เช่น การตั้งโฮลดิ้งคัมปะนี ร่วมกับ รัฐบาลลาว เพื่อบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในลาว
ซึ่งมีคำถามว่า คืออะไรเพราะพลังงานสะอาดในลาว คือไฟฟ้าจากเขื่อนซึ่งมีนักลงทุนต่างชาติทั้งไทย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฯลฯ หมดแล้ว ส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อการส่งออก จึงมีคำถามว่าบริษัทซูเปอร์ โฮลดิ้งที่ EA ไปร่วมทุนตั้งขึ้นมา จะทำอะไร
หรือการประกาศว่า จะร่วมมือกับพันธมิตรจีน ‘ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่’ กักเก็บไฟฟ้า ก็ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนที่บ่งบอกถึงความเป็นไปได้
จึงดูเหมือนกับว่า EA พยายามสร้าง ‘เรื่องเล่า’ มาขายให้นักลงทุนรายย่อยมากกว่า
ถ้าเป็นรถอีวี EA ก็อยู่ในอาการแบตเตอรี่เสื่อม เพราะแบตฯ ที่ให้พลังดันราคาหุ้นให้พุ่งทะยานมาก่อนหน้านี้ คือ ค่าadder กำลังจะหมดอายุ ทำให้หุ้นร่วงต่อเนื่อง ใกล้จะถึงเลขหลักเดียว จำเป็นต้องหาแบตฯ ใหม่มาเปลี่ยนโดยเร็ว เว้นเสียแต่ว่าเจ้าของรถจะทิ้งรถ ทยอยขายหุ้นทิ้ง อย่างที่ลือกัน