โฆษกรัฐบาลปั่นข่าวจีดีพีต่ำ ดิสเครดิต ‘แบงก์ชาติ’

24 ม.ค. 2567 - 08:41

  • มีแต่คนถามหามารยาทจากโฆษกรัฐบาล ในการนำเอกสารลับมาแถลงข่าว

  • เป้าหมายของการแถลงข่าว คือ การตั้งเป้าถล่มธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง GDP

  • ผลที่ตามมา คือ หุ้นไทยรับข่าวร้ายร่วง ตามคาด

economy-bot-finance-money-SPACEBAR-Hero.jpg

ภารกิจการโยนฟืนใส่กองไฟ สุมไฟให้ลุกโชน เพราะหวังจะเร่งให้น้ำเดือดเพื่อให้ปฎิบัติการ ‘กบต้ม’ ของรัฐบาลบรรลุเป้าหมาย เพื่อใช้เป็นเหตุผลหลักของการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เอามาแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท คงสำเร็จสมใจท่านโฆษกฯ รัฎฐาธิปัตย์ ‘ชัย วัชรงค์’ ไปเรียบร้อยแล้วระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมแลกกับบาดแผลทั่วตัว

เพราะทันทีที่ปล่อยข่าวเรื่องตัวเลข GDP ปี 2566 ของไทย ที่จัดทำโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ออกมาก่อนกาล  1 วัน ในช่วงเช้าของวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ก็ส่งผลให้หุ้นไทยทรุดลงไปทันตาเห็น  ทำเอาบรรดาโบรกเกอร์ต่างประเทศส่วนใหญ่ ‘ดาวน์เกรด’ หุ้นไทยไปเรียบร้อยแล้ว

ความเคลื่อนไหวของหุ้นไทยเมื่อวานอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวันและปิดตลาดไปที่ดัชนี 1,356.54 จุด ร่วงลงไปอีก 17.44 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายราว 4.8 หมื่นล้านบาท โดยต่างชาติก็คงยังขายหนัก เนื่องจากตอกย้ำมุมมองเป็นลบกับตลาดหุ้นไทยที่เป็นแบบนี้มาแรมปี เห็นได้ชัดจากการที่มีแรงเทขายเมื่อปีแล้วเกือบสองแสนล้านบาท และปีนี้แค่เดือนเดียวกับมีการเทขายไปกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท 

ภารกิจดังกล่าวยังเท่ากับเป็นการยอมรับของรัฐบาลไทยว่า เศรษฐกิจไทย กำลังย่ำแย่มีอัตราการเติบโตต่ำกว่าภูมิภาค และยังคงไร้วี่แววว่าจะฟื้นตัว ซึ่งเหมือนการทำอัตวินิบาตกรรม ฆ่าประเทศตัวเองอย่างเลือดเย็น เพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทีต้องการออก พ.ร.บ.กู้เงิน จึงจำเป็นต้องหาเหตุผลรองรับว่า ประเทศกำลังวิกฤติ !!!

การปล่อยข่าวออกมาแบบก่อนกาล ‘ปาดหน้า’ กระทรวงการคลังของโฆษกฯชัย ยังทำให้เกิดคำถามขึ้นอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับบทบาทของตัวเขาในฐานะโฆษกฯรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างแรงถึงแรงที่สุดของโฆษกฯนายกรัฐมนตรีในการเข้าไปล้วงข้อมูลจากกระทรวงการคลังเอาไปแถลงตัดหน้าเจ้าของหน่วยงานก่อน

ยิ่งผิดปกติมากขึ้นไปอีก เพราะข่าวดังกล่าวไม่ได้เป็นข่าวเชิงบวก ที่จะทำให้รัฐบาลต้องลุกออกมาป่าวประกาศความสำเร็จ หนำซ้ำข่าวนี้กลับเป็นผลลบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทยเสียด้วยซ้ำไป จึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องเร่งออกข่าวในฐานะโฆษกรัฐบาล ที่แปลกประหลาดอีกอย่างก็คือ รายงานของ สศค.ดังกล่าวก็ยังไม่ได้ส่งถึงมือ นายกฯ เศรษฐา ที่สวมหมวกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกตำแหน่งเลย แต่ทำไมหลุดไปถึงมือโฆษกฯรัฐบาลก่อน  

คงเพราะเหตุนี้ ในเวลาต่อมาหลังจากข่าวดังกล่าวได้สร้างความย่อยยับให้กับบรรดานักลงทุนไปแล้ว ในช่วงสาย ๆ โฆษกฯ ชัย ที่คงเพิ่งได้สติ จึงออกมาชี้แจงผ่านกลุ่มไลน์ของบรรดานักข่าวทำเนียบฯ ใหม่ที่เล่นเอา ‘มันก็ยังงง ๆ ไปตาม ๆ กัน เพราะกลับระบุว่าข้อมูลที่ออกมาเป็นเพียงข้อมูลฉบับร่าง ต้องตรวจทานความถูกต้อง ขออย่าเผยแพร่จนกว่าจะได้รับการยืนยันจากกระทรวงการคลัง !!!

ต้องยอมรับว่าข้อมูลตัวเลข GDP ที่โฆษกฯชัยเปิดเผยออกมานั้น นอกจากจะเป็นตัวเลขที่ ‘ช็อค’ และ ‘ผิดปกติ’ ในสายตาของบรรดาผู้คนในแวดวงตลาดเงิน-ตลาดทุนอย่างแรงแล้ว เนื้อหาที่นำเสนอยังมีข้อสงสัยในเจตนาของ โฆษกฯชัยที่ดูเหมือนต้องการตอกย้ำให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยกำลังมีปัญหา แต่ยังใช้โอกาสนี้ยังยิงลูกแคนนอนไป ‘ดิสเครดิต’ แบงก์ชาติไปในคราวเดียวกันแบบหน้าตาเฉย

โฆษกฯชัย คงต้องการตอกย้ำว่า เศรษฐกิจไทยกำลังมีปัญหาสะท้อนจากตัวเลข GDP เมื่อปีที่แล้ว ที่เติบโตต่ำมากเพียง 1.8% เทียบกับที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ คาดไว้เมื่อต้นปี 2566 ว่าจะเติบโตถึง 3.6% เป็นการเติบโตที่ถดถอยจากปี 2565 ที่เติบโตราว 2.6% 

แต่ตัวเลขดังกล่าวของ สศค.ก็มีความผิดปกติอย่างมาก เพราะเป็นตัวเลขที่ไม่สอดคล้องกับตัวเลขการประมาณการของอีก 2 หน่วยงานภาครัฐ และ ตัวเลขของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ไอเอ็มเอฟ ที่มีการออกตัวเลขในวันเดียวกัน 

ตามปกติ 3 เสาหลัก ที่จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทย ได้แก่ สศค.ของ กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ฯ และ แบงก์ชาติ ซึ่งปกติจะสอดคล้องกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสภาพัฒน์ฯ และแบงก์ชาติ ต่างออกมาประมาณการตัวเลข GDP ปี 2566 ที่ผ่านมาว่าจะอยู่ในระดับ 2.5-2.6% ในขณะที่ IMF เพิ่งออกตัวเลขประมาณการปีที่แล้วว่าอยู่ที่ระดับ 2.5% 

ตัวเลขของ สศค.ที่ระบุว่า GDP ไทยเมื่อปีที่แล้วโตเพียง1.8% จึงเป็นตัวเลขที่ต่ำผิดปกติ ซึ่งหากเป็นตัวเลขดังกล่าวจริงก็แสดงว่า GDP ในไตรมาสที่ 4ของปีที่แล้วต้องโตต่ำมาก ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยว และส่งออกที่น่าจะทำให้ตัวเลข GDP ดีขึ้น

ยิ่งเป็นการแถลงออกมาก่อนกาล โดยโฆษกฯรัฐบาลแบบนี้ จึงยิ่งทำให้เกิดคำถามตามมาถึงความเป็นอิสระ และวาระซ่อนเร้น ของการแถลงฯดังกล่าว สังเกตได้จากการที่ โฆษกฯชัย เอาตัวเลขของ สศค.ไปเปรียบเทียบกับแบงก์ชาติ ซึ่งตามมารยาทแล้วไม่ควรทำ นอกเสียจากมีเจตนาจะ ‘ดิสเครดิต’ ความน่าเชื่อถือ จึงระบุว่าแบงก์ชาติเคยคาดการณ์ไว้ตอนต้นปี 2566 ว่าเศรษฐกิจไทยจะโตราว 3.6% ทั้ง ๆ ที่หากจะเปรียบเทียบก็ควรเปรียบเทียบประมาณการในช่วงปลายปีเหมือนกัน  

แต่สุดท้าย เพราะปฎิบัติการทั้งหมดของ โฆษกฯ ชัย ‘ที่อยากเกรียนแต่ไม่เนียนพอ’ จึงถูกจับได้ และกลับกลายเป็นการย้อนกลับมา ‘ดิสเครดิต’ ตัวเองครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่เคยพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง จนได้รับฉายาว่า โฆษกฯ รัฎฐาธิปัตย์ จนถึงวันนี้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์