งูเห่า ทรท. แผนสังหาร ‘หญิงหน่อย’

การโหวตสวนมติฝ่ายค้านของ 3 สส.พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ในค่ำคืนวันศุกร์ 5 มกราคมที่ผ่านมา ระหว่างลงคะแนนรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ของสภาผู้แทนราษฎร
มองเผิน ๆ เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดตำนานงูเห่าภาคใหม่ของสภาชุดที่ 26 ซึ่งต่อจากนี้คงจะมีเลื้อยตามมาอีกเยอะ เมื่อมีกฎหมายสำคัญ ๆ เข้าสู่การพิจารณาของสภา เช่น ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่ปั่นกระแสกันอยู่
แต่ที่คอการเมือง อดแปลกใจไม่ได้ ทำไมหวยมาออกที่ สส.พรรคไทยสร้างไทย ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกประทับตราเป็นพรรคอะไหล่ รอการกวักมือเข้าร่วมรัฐบาลอยู่
แน่นอนว่างานนี้คนที่หน้าม้าน รู้สึกเหมือนถูก 3 สส.ลูกพรรคตบหน้าเข้าฉาดใหญ่ คือ ‘หญิงหน่อย’ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย
ทว่า ‘ฐากร ตัณฑสิทธิ์’ โชว์ความเป็นเสือปืนไวกว่า ประกาศไขก๊อก! ทิ้งตำแหน่งเลขาธิการพรรค ทสท.แสดงความรับผิดชอบทันทีในวันรุ่งขึ้น
ตามมาติด ๆ ด้วยการลาออกจากวิปฝ่ายค้านของ ชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด อ้างเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถทำหน้าที่ควบคุมเสียง สส.ของพรรคได้
ชัชวาล ยังทิ้งไพ่ใบที่สอง ด้วยการทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรค ทสท. ขอลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคฯ ตามไปด้วย
เมื่อเหตุการณ์เดินมาถึงฉากนี้ จึงน่าจะมีอะไรซ่อนอยู่ ที่ไม่ใช่แค่การแหกมติธรรมดา และน่าจะมีเกมใหญ่ขนาด ‘มาฆบูชาการเมือง’ ย่อม ๆ ใน ทสท.กันเลยทีเดียว
ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามา จากการตรวจสอบข่าวเชิงลึกระดับวงใน ทสท.ยืนยันว่า เดิมมีข้อตกลงกันว่า หญิงหน่อย ซึ่งลาออกจาก การเป็น สส.บัญชีรายชื่อไปแล้ว จะประกาศวางมือการเมือง ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แล้วใช้ ‘ไพบูลย์ โมเดล’ คือ ยุบพรรคตัวเอง เหมือนไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ยุบพรรคตัวเอง
จากนั้น เจ้าของพรรคตัวจริง ก็จะนำพลพรรค 6 สส.ลี้ภัยการเมือง เลื้อยเข้าไปอยู่ในชายคาพรรคเพื่อไทย ที่มีคนจัดเตรียมเก้าอี้ใหญ่ใน ครม.รออยู่
เก้าอี้ใหญ่ที่ว่านี้คือ เจ้ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือกระทรวงดีอี ซึ่งประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นเจ้าของตำแหน่งอยู่
แต่หญิงหน่อยไม่เล่นด้วย ไม่ยอมลาออก แพลนบี แผนสองบันได 3 ขั้น จึงถูกงัดออกมาใช้ บันไดขั้นแรก คือ สส. ทสท. 3 คนโหวตสวนมติฝ่ายค้าน รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ประมาณ ขั้น 2 เลขาฯและรองเลขาฯ พรรคลาออกอ้างว่า แสดงความรับผิดชอบ ขั้น 3 คือการประชุมพรรคในวันที่ 9 มกราคมนี้ จะใช้วิธีขับอออกจากพรรค เพื่อให้มีช่องทางย้ายไปรวมกับพรรคเพื่อไทย
มีรายงานข่าวจากพรรคไทยสร้างไทยว่า หญิงหน่อยจะใช้วิธีลอยแพ โดดเดี่ยว สส. ทั้ง 3 คน ‘ขัง’ ไว้ในพรรค ไม่ให้ย้ายพรรคได้ แต่มีการมองข้ามช็อตกันไปแล้วว่าจะใช้มติ 3 ใน 4 จากที่ประชุมร่วมของกรรมการบริหารและสส.ของพรรคทำพิธีกรรมขับออก
พรรคไทยสร้างไทยมี สส. เขต 5 คน คือ สุภาพร สลับศรี สส. ยโสธร, หรั่ง ธุรพล สส. อุดรธานี, อดิศักดิ์ แก้วมงคุณทรัพย์ สส. อุดรธานี, ชัชวาล แพทยาไทย สส. ร้อยเอ็ด และรำพูล ตันติวณิชานนท์ สส. อุบลราชธานี, สส. บัญชีรายชื่อ 1 คน คือ ฐากร
ตามแผนเดิม สส. เขตทั้ง 5 คน จะโหวตรับร่าง งบประมาณฯ แต่ไม่รู้ว่าเกิดขัดข้องทางเทคนิค อย่างไร จึงมีแค่ 3 คนโหวตรับ อีก 2 คน คือ ชัชชาล และรำพูล รวมทั้งฐากร ลงมติไม่รับร่าง
เมื่อเกิดการผิดคิวกันอย่างนี้ การลงมติขับ สส.พ้นพรรค หากเกิดขึ้นจริง จึงขับได้เพียง 3คนเท่านั้น อีก 2 คน รวมทั้งฐากร ยังคงอยู่กับพรรคต่อไป ยกเว้นว่า จะคิดอ่านหาวิธีการทำให้พรรคไทยสร้างไทยไม่มีอยู่อีกต่อไป
######
เศรษฐา เกาะ ‘หนุ่ม เมืองจันท์’ ปั่นกระแสเศรษฐกิจวิกฤต

ดูเหมือน ศึกรอบใหม่ ระหว่าง นายกฯ-รมต.คลัง เศรษฐา ทวีสิน กับผู้ว่าแบงก์ชาติ-เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพฒิ กำลังปะทุขึ้น หลังจากเศรษฐา โพสต์ข้อความบน X (ทวิตเตอร์) เมื่อค่ำวานนี้ ( 7 มกราคม 2567) ตำหนิการดำเนินนโยบายด้านการเงินของแบงก์ชาติ ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย สวนทางกับอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบ
แต่หากจับร่องรอยดูให้ดี จะพบว่ากระแสข่าวในเรื่องนี้ เหมือนผ่านการวางแผน การนำเสนอออกมาเป็นชุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อปั่นกระแส เกือบจะทันทีที่ หนังสือตีตราลับของ กฤษฎีกา ส่งเรื่องความเห็น กรณีที่รัฐบาลจะขอออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการแจกเงิน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ไปถึงกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา
ปฎิบัติการดังกล่าว เริ่มขึ้นจากโพสต์ ที่เจตนาจะตั้งคำถามไปถึงแบงก์ชาติ ของ ‘หนุ่ม เมืองจันท์’ สรกล อดุลยานนท์ คอลัมนิสต์ชื่อดัง อินฟลูเอนเซอร์ในโลกโซเชียลที่มีแฟนคลับมากมาย จะกลายร่างเป็น ‘อินฟู เอนเซอร์’ คนสำคัญในเรื่องของกำไรของบรรดาแบงก์รายใหญ่ ๆ ของไทยที่ ‘อู้ฟู่’ ชนิดที่มีตัวเลขสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 2 แสนล้านบาท สวนทางกับเศรษฐกิจไทยที่กำลังมีปัญหาในทุกหย่อมหญ้า และมีการขานรับต่อกันมาเป็นทอด ๆ ตั้งแต่ โฆษกรัฐบาล ชัย วัชรงค์ และ ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โต้ง กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่พุ่งคมหอกคมดาบสาดใส่แบงก์ชาติชนิดแบบไม่เกรงอกเกรงใจ
ผู้นำหมายเลข 1 อย่างเศรษฐาก็รับลูก ร่วมกันปั่น ‘คอนเทนต์’ ที่ หนุ่ม เมืองจันท์ เป็นคนจุดคนแรก
ดูไม่ยากหรอกว่า เป้าหมายของ หนุ่ม เมืองจันท์ คืออะไร
ทันทีที่จับเรื่องนี้มาเป็นประเด็น กระแสความไม่พอใจในเรื่องนี้บนโลกโซเชียลก็พุ่งเข้าถล่มแบงก์ชาติ และบรรดาแบงก์พาณิชย์ จนกลายเป็น ‘ผู้ร้าย’ ไปในพริบตา เพราะถูกมองว่าทำตัวไม่ต่างอะไรกับ ‘เสือนอนกิน’ ที่หากินกับ ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยขากู้กับขาฝาก ฟันกำไรมหาศาล ในขณะที่ลูกค้าทั้งรายย่อยและ SMEs ต้องตกเป็นเหยื่อล้มหายตายจากกันไปเป็นเบือ
แต่ ‘สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใช่’ เพราะแบงก์ชาติอาจเป็นเพียง ‘เป้าหลอก’ แต่เป้าหมายที่ไกลกว่านั้นของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย คือ นอกจากต้องการจะเปิดแผลของรัฐบาลลุงตู่ในอดีต และแบงก์ชาติว่าบริหารในเชิงนโยบายเศรษฐกิจล้มเหลวแล้ว ยังต้องการตอกย้ำว่านโยบายเรื่องดอกเบี้ยของแบงก์ชาติเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยกำลังเดินไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จนจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการออกพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อเอาเงินดิจิตอลมาแจกให้คนไทยทั้ง 50 ล้านคน
ที่ต้องมุ่งเป้าไปแบบนี้ ก็เพราะในหนังสือกฤษฎีกาที่ตอบกลับมาไม่ได้ ‘ฟันธง’ ว่าการกู้เงินจะทำได้หรือไม่? เพียงแต่อธิบายในข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.การเงินการคลัง 2561 และย้ำชัดว่าการจะออกพ.ร.บ.กู้เงิน ตามมาตรา 53 การกู้เงินจะกระทำได้ก็แต่โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายที่ตราขึ้นเป็นการเฉพาะ และเฉพาะกรณีจำเป็นเร่งด่วน และอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ โดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน
สรุปง่าย ๆ ก็คือ เงื่อนไขสำคัญในการออกเป็น พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก.เงินกู้ รัฐบาลจะต้องพิสูจน์ให้ประจักษ์ว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนและต้องการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ
เพราะเหตุนี้ ตลอดสี่เดือนที่ผ่านมา นายกฯ นิด ถุงเท้าสลับสี จึงเป็นผู้นำของโลกคนเดียวที่พร่ำบอกย้ำแล้วย้ำอีกกับทุกคนบนโลกใบนี้และตัวเองว่า เศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤต จนยิ่งนับวันก็ดูเหมือนจะยิ่งทำลายความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทย และกำลังฉุดกระชากลากประเทศไทยให้จมลงสู่ห้วงวิกฤตจริง...
######
เปรมชัย กรรณสูต กับภารกิจอุ้มเสือลำบาก ITD

เพิ่งจะพ้นวิบากกรรมคดีล่าเสือดำได้รับการลดโทษ ปล่อยตัวจากเรือนจำ ทองผาภูมิ ได้ไม่ถึง 3 เดือน เปรมชัย กรรณสูต ก็ต้องรับมือกับมรสุมใหญ่ที่กำลังถาโถมโหมเข้าใส่ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD อยู่ในตอนนี้
วันที่ 8 มกราคม ITD ทำหนังสือแจ้งเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ว่า ขอเลื่อนจ่ายเงินต้นไถ่ถอนหุ้นกู้ทุกรุ่นออกไปอีก 2 ปี โดยจะจ่ายดอกเบี้ยให้ตามปกติ
หุ้นกู้ ITD มีด้วยกัน 5 รุ่น มูลค่ารวม 14,455 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนตั้งแต่วันที่ 15กุมภาพันธ์นี้ ไล่ไปจนถึงวันที่ 2 มิถุนายนปีหน้า
การเลื่อนจ่ายเงินต้นหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ทุกราย ถ้ายอมก็จบ ITD ได้ยืดเวลา หาเงินมาชำระได้ ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอม ITD ต้องจ่าย ถ้าไม่จ่ายคือ ผิดนัดชำระหนี้ ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่นเดียว ถือว่าผิดนัดหุ้นกู้ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นเรื่องร้ายแรงมาก สำหรับตลาดเงิน ตลาดทุน รวมถึงความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย และจะมีผลต่อหนี้แบงก์ 2.5 ล้านบาท ที่อาจกลายเป็นหนี้มีปัญหาทันที
ไม่น่าเชื่อว่า ITD ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าเสือก่อสร้างไทย จะกลายเป็นเสือลำบาก มีปัญหาสภาพคล่อง ต้องขอยืดหนี้ออกไปนานถึง 2 ปี ทั้ง ๆ ที่ ITD ได้งานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการรัฐ ทั้งที่สร้างเสร็จไปแล้ว และกำลังก่อสร้างอยู่ เช่น รถไฟทางคู่ เฟส 1 ITD คว้างานไปมากที่สุด 3 สัญญา จาก 9 สัญญา มูลค่า 2.26 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟเด่นชัย- เชียงของ รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ โคราช รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ฯลฯ
พูดง่าย ๆ ว่ากิจการไปได้ดี มีงานใหญ่ ๆ เข้ามาไม่ขาดมือ แต่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน เงินไหลเข้า ไม่สมดุลกับเงินไหลออก ซ้ำยังขาดทุนมาตลอด 4-5 ปีนี้ เพราะบางงานใช้วิธีหั่นราคา ให้ต่ำกว่าราคากลางมากๆ เพื่อให้ได้งานมา แต่ทำงานไปแล้ว ขาดทุน หรือกำไรไม่คุ้ม
งานก่อสร้างของภาครัฐ มีกำหนดระยะเวลาการก่อสร้าง และการเบิกจ่ายค่างวด ถ้าสร้างไม่เสร็จตามกำหนด ก็เบิกไม่ได้ ซ้ำยังอาจจะถูกปรับด้วย ตรงนี้ต้องอาศัยผู้บริหารที่ เจรจาต่อรอง วิ่งเต้นกับผู้มีอำนาจ ขอยืดเวลา ขอให้รับงานไปก่อน แล้วจ่ายเงินมา ของดเว้นค่าปรับ
ดูอย่างโครงการแอร์พอร์ต ลิงค์ ล่าช้าไปกว่ากำหนดมาก ผู้รับเหมาไม่โดนปรับ แต่กลับได้ค่าเสียหายความล่าช้า จากการรถไฟแห่งประเทศไทย อีกต่างหาก กลายเป็นว่า กำไรจากการสร้างช้ากว่ากำหนด
ITD น่าจะมีปัญหาตรงนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่ เปรมชัย โดนคดีล่าเสือดำ คงไม่มีสมาธิกับธุรกิจเท่าไร และช่วงที่อยู่ในเรือนจำ 1 ปี 10 เดือน องค์กรก็เหมือนเรือที่ไร้หางเสือ ต้องมอบหมายให้ลูกชายเข้ามาดูแลแทน
ITD ยังมีความผิดพลาดในการลงทุน ทำให้เงินไปจมอยู่หลายพันล้าน เช่น โครงการท่าเรือน้ำลึก และนิคมอุตสาหกรรมที่ทวาย เมียนมาร์ ซึ่งได้สัมปทานจากรัฐบาลเมียนมาร์ ก่อนเมียนมาร์เปิดประเทศไม่นาน เป็นโครงการใหญ่มากต้องพึ่งพา ผู้ร่วมทุนทั้งไทยและต่างชาติ แต่พอเมียนมาร์ผ่อนคลายทางการเมือง ทุนต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น เข้าไปลงทุนเองได้ ทำให้โครงการทวายไม่เกิด
ยังมีโครงการเหมืองโปแตช ที่อุดรธานี ซึ่ง ITD ถือหุ้น 90% ลงทุนไปแล้ว 3,250ล้านบาท แต่ไม่มีความคืบหน้าเพราะถูกต่อต้านจากประชาชน
โครงการอย่าง รถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ซึ่งกลุ่มซีพี เป็นแกนหลัก ผ่านไปแล้ว 4 ปี ยังไม่ได้ลงมือก่อสร้างเลย หรือโครงการรถไฟสายสีส้มตะวันตกที่ ITD ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บีอีเอ็ม ยังเป็นคดีในศาล ความล่าช้าของ 2 โครงการนี้ ทำให้รายได้ที่คาดว่าจะได้ ไม่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของ ITD ตอนนี้ คือปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งเกิดจากการบริหารการเงินที่ผิดพลาด เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ ถ้าเจ้าหนี้เห็นใจ ให้ความร่วมมือ ITD ยังมีฐานะที่ดี มีงานใหญ่ ๆ มีรายได้ที่จะเข้ามาในอนาคตเรื่อย ๆ เปรมชัย คงไม่ปล่อยให้ธุรกิจก่อสร้างชั้นนำของประเทศ อายุร่วม 60 ปี ที่หมอชัยยุทธ กรรณสูต สร้างขึ้น มีอันเป็นไปในยุคของตัวเอง