การออกมาเปิดไทม์ไลน์แจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตรอบใหม่ของรัฐบาล ช่างมาได้ถูกเวลาเหมือนกับล็อคเอาไว้ เพราะเลือกเอาวันเดียวกับที่วุฒิสภาเปิดอภิปรายทั่วไป และเป็นหนึ่งใน 7 หัวข้อ ที่ถูกสภาสูงจับรัฐบาลขึ้นขาหยั่งพอดี จึงทำให้เป็นคำตอบของคำถามเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตได้อยู่บ้าง
แต่การออกมากางไทม์ไลน์ดังกล่าวของ ‘จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์’ รมช.คลัง ที่ว่าเป็นฉาก ๆ นั้น ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายว่าถึงเวลาแล้วชาวบ้านจะได้เงินหมื่นบาทเข้ากระเป๋า เพราะยังต้องข้ามน้ำข้ามทะเลผ่านอีกหลายด่าน
ไล่ไปตั้งแต่การประชุมคณะกรรมการดิจิทัลชุดใหญ่ 27 มีนาคมนี้ ที่จะรับฟังรายละเอียดผลการศึกษา และความเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้ง ข้อเสนอแนะของป.ป.ช.ก่อนสรุปความเห็นทั้งหมดเข้าที่ประชุมใหญ่ชุดเดียวกันนี้ในครั้งต่อไปวันที่ 10 เมษายน เพื่อสรุปรายละเอียดโครงการทั้งหมดส่งให้ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
ตรงด่าน ครม.นี่แหละ ที่จุลพันธ์ เริ่มออกอาการ ‘แกว่งๆ’ ว่าคงใช้เวลาไม่นาน แต่ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าอย่างไร ต้องถามใจพรรคร่วมรัฐบาลว่า จะยอมเป็น ‘ครม.เลือดสุพรรณ’ ไปกับพรรคเพื่อไทยด้วยหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้แต่ละพรรคพูดเหมือนกันว่า ถ้าจะทำก็ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก
ถามว่ากฎหมายอันไหน ก็ต้องเป็นกฎหมายที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ป.ป.ช.และผู้ตรวจการแผ่นดิน มีความเห็นไว้นั่นแหละ
เมื่อเป็นดังนี้ โครงการแจกเงินหมื่น อาจมีอันต้องสะดุดลงตั้งแต่ด่านแรกนี่แหละ เว้นเสียแต่จะมีข้อเสนอที่เป็น ‘ออฟชั่นพิเศษ’ ไม่ต้องกู้เงินมาแจกอย่างที่เป็นข่าว แต่ไปแสวงหาช่องทางอื่นแทน ก็คงทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเบาใจ ยอมเปิดทางให้ผ่านครม.ไปได้
แต่คำถามใหญ่คือ จะนำเงินจากแหล่งไหนมาใช้ ซึ่งสังเกตจากการตอบคำถามนักข่าวของจุลพันธ์แล้ว ยังบอกไม่ได้ว่า จะออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงินหรือออกเป็นพระราชกำหนดกันแน่ เพียงแต่ยืนยันว่ามีเงินมาให้ประชาชนแน่
‘ขอให้มั่นใจว่า มีเงินให้กับประชาชนแน่นอน โดยที่ไม่เสี่ยง แต่ยังไม่ขอบอกที่มา เพราะไม่สามารถชี้แจงก่อน อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย’
‘ย้ำอีกครั้งว่า จะไม่เลื่อนการแจกเงินอีกแล้ว’
ไม่เฉพาะจุลพันธ์ ที่ออกมาแถลงอย่างมั่นอกมั่นใจข้างต้น ‘พิชิต ชื่นบาน’ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ยังออกมาสำทับอีกว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่จุลพันธ์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงแถลง และยืนยันว่าทำได้และทำสำเร็จแน่นอน
‘ยืนยันว่ารัฐบาลมีทีเด็ดในการบริหารจัดการใช้จ่ายงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ขอย้ำว่าเรื่องนี้ทำได้แน่นอนและการดำเนินการเป็นไปโดยชอบตามกฎหมาย’
แม้ทั้งสองคนจะออกมายืนยันหนักแน่น แต่โครงการแจกเงินหมื่นของรัฐบาล ถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจากเดือนกุมภาพันธ์ ขยับมาเป็นเดือนพฤษภาคม ล่าสุดลากยาวไปไตรมาส 4 ก่อนสิ้นปีนี้ จึงทำให้ไทม์ไลน์ที่แถลง ไม่มีน้ำหนักพอให้เชื่อถือ และค่อนไปทางบริหารความคาดหวังคนที่รอคอยเงินหมื่นของรัฐบาลเสียมากกว่า
สุดท้ายแล้วก็ทำไม่ได้ จากนั้น ค่อยหาช่องทางอื่นชี้แจงประชาชนเอา มีหลายคนเชื่อแบบนี้
เพราะหากจะให้ใช้ช่องทางกู้เงินมาแจก ไม่ว่าจะตราเป็น พ.ร.บ.หรือพระราชกำหนด ก็ต้องผ่านสภาอยู่ดีและต้องไปสิ้นสุดที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระบวนการต้องใช้เวลานาน ดังนั้น จึงเป็นไปได้ยากมากหากจะใช้ช่องทางนี้
แต่อีกด้าน เมื่อพิจารณาจากเหตุผลทางการเมือง ที่รัฐบาลอยู่ระหว่างฟื้นศรัทธา ช่วงชิงคะแนนนิยมกับพรรคก้าวไกล ซึ่งจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับ อบจ.ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ดังนั้น คงไม่ยอมให้นโยบายเรือธงนี้มาทำให้เสียคะแนนอย่างแน่นอน
จากเหตุผลที่ว่า จึงทำให้ต้องย้อนกลับไปดูความมั่นใจของคนในรัฐบาลทั้งสองคนข้างต้น โดยเฉพาะคำพูดของ ‘ทนายถุงขนม’ ที่ยืนยันว่า ‘รัฐบาลมีทีเด็ด’ ในการบริหารจัดการงบประมาณ ก็คงพอทำให้เงี่ยหูฟังได้อยู่บ้าง
เอาเป็นว่า ไทม์ไลน์แจกเงินหมื่นล่าสุดของรัฐบาลที่แถลง นาทีนี้คนส่วนใหญ่ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ถ้าจะให้เป็นไปได้คงต้องใช้เงินจากงบประมาณปี 2568 ที่จะเริ่มต้นนับหนึ่งปีปฏิทินกันในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ส่วนจะได้กันกี่มากน้อย ทั้ง 50 ล้านคน หรือต้องไปปรับเงื่อนไขการแจกกันใหม่ ต้องดูกันอีกที
สุดท้ายท้ายสุด นโยบายเรือธงแจกเงินหมื่นบาทให้ชาวบ้าน รัฐบาลจะใช้วิธีบริหารอารมณ์ความคาดหวังสังคมไปแบบยาว ๆ หรือรอไปใช้งบปี 2568 แจกแบบหวังผลก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่นต้นปีหน้า อีกไม่นานคงได้รู้กัน
