เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ไพ่ใบสุดท้ายของ ‘เพื่อไทย’

18 มี.ค. 2567 - 09:25

  • การผลักดันตั้งกาสิโนในประเทศมีมาต่อเนื่อง แต่ก็ถูกตีตกไป

  • ครั้งนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด จากโครงการ เอนเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์

  • รวมเข้ากับการสร้างรายได้ และการผลักดันของเพื่อไทย อาจได้เห็นเร็ว ๆ นี้

DEEP-SPACE-Entertain-Complex-SPACEBAR-Hero.jpg

กว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ผลงานด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยไม่สมราคาคุย จนถูก ‘แซะ’ ว่าเป็นครึ่งปีที่ ‘สูญเปล่า’ เพราะ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ผ้าขาวม้าหลากสี  ‘หลง’ ใช้เวลาหมดไปกับการเป็น ‘เซลล์แมน’ เดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศ และลงพื้นที่ในต่างจังหวัดเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ นโยบาย ‘เรือธง’ หลายอย่างไม่คืบหน้า โดยเฉพาะ ‘นโยบายแจกเงินดิจิตอลวอลเล็ต’  ที่ปล่อยให้ชาวบ้านตั้งตารอ จนถูกทวงถามทุกเช้าเย็นหลังอาหาร

ขณะเดียวกันนโยบายเรื่องซอฟท์พาวเวอร์ ที่จะใช้เป็นแผน ‘ปั้น’ คุณหนู ‘อุ๊งอิ๊ง’  แพทองธาร ชินวัตร ให้มีผลงานและสร้างการยอมรับ เพื่อปูทางไปสู่เก้าอี้ใหญ่ในอนาคต แต่ไปๆมาๆก็กลับไปเน้นเรื่องการจัดงานอีเวนต์สร้างภาพ โดยจะมีงานใหญ่ ‘มหาสงกรานต์ Water Festival 2024’  ในเดือนหน้า ในขณะที่การผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ด้านอื่นๆ แทบจะไม่มีความคืบหน้าเลยว่า ได้ลงมือทำอะไรกันไปบ้างแล้ว 

ประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาเวอร์แห่งชาติ ที่อุ๊งอิ๊ง เป็นประธาน แต่ละครั้ง ก็มีแต่เรื่องแต่งตั้ง อนุกรรมการซอฟต์พาเวอร์ด้านต่างๆ เท่านั้น

เมื่อนโยบายหลักที่เป็นเรือธงทำทำท่าจะเกยตื้น หนทางที่เหลืออยู่ที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดให้ได้ ก็จำเป็นต้องอาศัยการท่องเที่ยวและภาคบริการ ที่เป็นเหมือน ‘ความหวังของหมู่บ้าน’  หรือ เครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อน และน่าจะเป็น Quick Win ที่ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด 

ในงานแถลงข่าว IGNITE Thailand นายกฯเศรษฐา วาดฝันที่สุดแสนทะเยอทะยาน ‘เว่อร์วัง อลังการ’ ว่า ในปี 2570 จะทำให้ต่างชาติมาเที่ยวไทยถึง 120 ล้านคน โดยหวังว่าจะช่วยสร้างรายได้ให้ถึง 3 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งจะช่วยให้ GDP ของไทยขยายตัวขึ้นจากระดับ 17.9 ล้านล้านบาท

แต่การจะไปให้ถึงจุดนั้นได้จำเป็นต้องการมีการสร้าง Eco-System หรือสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยในหลายๆด้าน โดยเฉพาะเรื่อง Infrastructure ที่จะรองรับอย่างเช่น สนามบินนานาชาติ รถไฟความเร็วสูง Land Bridge และถนนหนทาง รวมทั้งมาตรการในการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในด้านต่างๆ 

นายกฯเศรษฐาถึงกับประกาศว่าจะดันการท่องเที่ยวไทยให้เป็นวาระแห่งชาติ ในปี 2568 และจะสร้างไทยให้เป็น Tourism Hub โดยจะร่วมกับภาคเอกชนระดับโลกในการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมใหญ่ๆระดับนานาชาติ โดยล่าสุดก็เสนอตัวจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถ Formula E ที่เชียงใหม่ ในช่วงต้นปี 2568

แต่ทั้งหมดก็คงไม่มีพลังเท่ากับ ‘แม่เหล็ก’ ตัวสำคัญที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเมืองไทย นอกเหนือจากจุดขายเดิมที่มีอยู่แล้ว คือ การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร หรือ Entertainment Complex ที่มีกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย

ที่ผ่านมา หลังจากมีการรับไม้ต่อจากสภาฯชุดที่แล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ก็มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ดึงธุรกิจเสีเทาขึ้นมาบนดิน เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ โดยมี รมช.คลัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นประธาน 

การพิจารณาในคณะกรรมาธิการเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว และเพิ่งสรุปรายงานผลการศึกษาเสร็จเรียบร้อยและเตรียมส่งให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ซึ่งถึงแม้จะไม่ทันสมัยประชุมนี้ที่กำลังจะปิดสภาฯในวันที่ 9 เมษายน แต่ก็คาดว่าคงจะมีเร่งรัดส่งเรื่องให้สภาฯพิจารณาในสมัยประชุมหน้าในเดือนกรกฎาคม 

ตามร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร จะมีทั้งหมด10 หมวด 68 มาตรา โดยจะมีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาดูแล และกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจ โดยจะมีการเปิดประมูลให้สัมปทานในระยะแรก สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท และต้องมีขนาดการลงทุนระดับ XL คือไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท โดยจะมีอายุสัมปทาน 20 ปี ต่อได้คราวละ 5 ปี

ภายในสถานบันเทิงครบวงจร นอกเหนือจาก กาสิโนแล้ว ควรจะต้องมีสถานบันเทิงด้านอื่นๆเป็นองค์ประกอบ เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต สนามกีฬา สวนสนุก และพื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมและสินค้า OTOP ของไทย รวมทั้งศูนย์สุขภาพครบวงจร 

พื้นที่เป้าหมายจะต้องอยู่ใกล้สนามบินในรัศมีไม่เกิน100 กม. ซึ่งคาดว่าเป้าหมายแรกน่าจะเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

ทั้งนี้ผู้ได้สัมปทานจะต้องนำส่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายให้กับรัฐในรูปภาษี ‘กาสิโน’ ในอัตรา 17% จากเงินวางเดิมพัน ขณะที่จะมีการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราก้าวหน้า 20-30%

ขณะเดียวกันก็จะมีมาตรการต่างๆที่จะป้องกันไม่ให้ ‘กลุ่มเปราะบาง’ เข้าใช้บริการ และมีการตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากการพนัน 

จนถึงนาทีนี้คาดว่ารัฐบาลคงจะเหยียบคันเร่งในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากกระแสคัดค้านในเรื่องนี้ไม่รุนแรงเหมือนในอดีต เพราะแม้แต่พรรคฝ่ายค้านก็มีท่าทีสนับสนุน 

สิ่งที่ต้องจับตามองต่อไปก็คือ ในที่สุดแล้ว กลุ่มทุนกลุ่มไหนจะมีความพร้อมและสามารถคว้าสัมปทานในการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีกาสิโนแบบถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย เพราะมันคือ ‘ขุมทรัพย์’ ที่เชื่อว่าบรรดากลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติหลายๆราย กำลังจ้องกันตาเป็นมัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์