‘แกงผักหวาน’ เมนูครม.พะเยา กับปัญหาหมอกควันไฟป่า

19 มี.ค. 2567 - 07:46

  • ไฟป่า ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ จะมาตรงเวลานัดทุกปี

  • ครม.สัญจร จังหวัดพะเยา ก็ถกปัญหานี้กัน และระบุสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการหาของป่า

  • แค่มองปัญหา ดูทิศทางแล้วว่า ไม่น่าจะไปถูกทาง

economy-forest-burning-chiangmai-SPACEBAR-Hero.jpg

วันนี้ เศรษฐา ทวีสิน พร้อมคณะรัฐมนตรี ยังเดินสายประชุมครม.สัญจร อยู่ที่เมืองกว๊าน จ.พะเยา โดยหนึ่งในเรื่องที่นำมาพูดถึงยังเป็นปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน ที่ช่วง 2-3 วันก่อนอยู่ในจุดที่เกินกว่าจะป้องกัน จนต้องหันไปดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่แทน

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายการเมืองต่างพร้อมใจกันลงไปดูปัญหาในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งผ่านมาถึงวันนี้แล้วยังตอบโต้กันไปมาไม่จบ เมื่อฝ่ายค้านหาว่ารัฐบาลไม่มีแผนในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 พร้อมบอกถ้าตัวเองเป็นรัฐบาลจะทำอะไร อย่างไรบ้าง

อีกฝั่งเลยต้องกางแผน ลำดับเรื่องให้ฟังละเอียดยิบว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง โดยนำพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 จำแนกกันรายมาตรา พร้อมเหน็บแนมส่งท้ายกลับไปว่า

อันข้อแนะนำต่าง ๆ ที่เสนอมานั้น เอาไว้ให้ได้เป็นรัฐบาลเมื่อไรค่อยมาทำเองก็แล้วกันปัญหาหมอกควันในภาคเหนือ เดิมจำกัดวงอยู่เพียงไม่กี่จังหวัด และบางแห่งได้หยิบมาเป็นจุดขายเหมือนเป็นเสน่ห์ของจังหวัดด้วยซ้ำ เช่น แม่ฮ่องสอน ที่นำมาใช้เป็นคำขวัญจังหวัดว่า ‘เมืองสามหมอก’ แต่ตอนนี้กลายเป็นปัญหาของทั้งภาค และทางการไม่กล้าประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ เพราะกลัวกระทบเรื่องการท่องเที่ยว 

จากอดีตถึงปัจจุบัน ชาวบ้านยังตกเป็นจำเลยตลอดกาลของปัญหานี้ ด้วยเหตุแห่งความยากจน ปัญหาปากท้อง จึงต้องเข้าไปหาของป่า เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ ทั้งเห็ดเผาะ ผักสาบ ผักหวาน ล้วนแตกยอดอ่อนมาเก็บขายได้ หลังผ่านการเผาป่าไปแล้วทั้งนั้น

อันผักหวานป่าที่ว่านี้ ก็เป็นเมนูเดียวกับ ‘แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง’ ในงานเลี้ยงมื้อค่ำครม.คืนที่ผ่านมา

นายกฯ เศรษฐา บอกถึงสองสาเหตุปัญหาหมอกควันในภาคเหนือวันก่อนไว้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการเผาป่าของชาวบ้านที่ว่า และอีกส่วนเป็นหมอกควันข้ามแดนที่ลอยข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งต้องมาหารือกันทำอย่างไรให้ประเทศเพื่อนบ้านหยุดเผา พร้อมกับดำริอาจต้องสั่งห้ามนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านไปจนถึงปลายเดือนเมษายนนี้

ทำให้นึกถึงคำว่า ตั้งโจทย์ไม่ถูก กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ไม่สามารถหาคำตอบที่แท้จริงได้

อุปมาอุปไมยที่ว่าเป็นฉันใด การแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือก็ฉันนั้น โดยงานนี้ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ น่าจะพูดได้ตรงจุดกว่าใคร นั่นคือ ปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขก็ต่อเมื่อมี ‘พ.ร.บ.อากาศสะอาด’ ออกมาบังคับใช้

ตอนนี้ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภา ซึ่งหากมีกฎหมายฉบับนี้ออกมาบังคับใช้ ก็จะสามารถจัดระเบียบต้นตอปัญหาหมอกควันได้ เหล่านักการเมืองที่เป็นผู้แทน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกแรงไปช่วยดับไฟป่า เพราะเป็นการใช้แรงงานผิดประเภท 

ส่วนที่นายกฯ เศรษฐา นำมาอธิบายโดยเฉพาะปัญหาการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพื่อนบ้านนั้น ไปดูตัวเลขพื้นที่การปลูกข้าวโพดที่รวบรวมกันไว้ ปรากฎว่าส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างที่เข้าใจกัน ได้แก่ พม่า 3.7 ล้านไร่ ลาว 1.25 ล้านไร่ กัมพูชา1.12 ล้านไร่ และไทย 6.95 ล้านไร่ โดยประเทศไทย ปลูกมากที่สุดในภาคเหนือ 68% รองลงมาภาคอีสาน 20% และภาคกลาง 12%

เห็นอย่างนี้แล้ว จึงไม่แปลกใจที่ปัญหาใหญ่ของหมอกควันจะอยู่ที่ภาคเหนือ ส่วนจะแก้โดยการ‘ประกาศวาระแห่งชาติรายปี’ กันอย่างไรก็ว่ากันไป ที่สำคัญต้องตั้งโจทย์ให้ถูก อย่าเอาแต่โทษชาวบ้านเผาป่าหาของป่าเลี้ยงชีพ

เพราะหากยังเกาไม่ถูกที่คัน ประเภทกินแกงผักหวานใส่ไข่มดแดงที่ไม่รู้มาจากป่าไหนไป ปากก็พร่ำบอกสาเหตุของไฟป่าไป ปัญหาก็คงไม่จบไม่สิ้นเสียที

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์