ภารกิจกู้จักรวาลของ แอน JKN - เงิน 10,000ดิจิทัล ไปไม่ถึง กลับไม่ได้ – เพื่อไทยปั้น ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ ได้จริงหรือ

5 ธ.ค. 2566 - 08:45

  • ภารกิจกู้จักรวาลของ แอน JKN เริ่มEP ใหม่ ต้องมาลุ้นว่าไปถึงจุดหมาย หรือล่มสลาย

  • เงิน 10,000 ดิจิทัล ไปไม่ถึง กลับไม่ได้ เลื่อนแล้ว เลื่อนอีก จนคนรอใช้เงินถอดใจไปแล้ว

  • เพื่อไทยปั้น ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ ได้จริงหรือ ต้องถามนักปั้นนายกฯ ที่จัดเตรียมไว้

DEEP-SPACE-003-SPACEBAR-Hero.jpg

ภารกิจกู้จักรวาลของแอนJKN (EP.ใหม่)

หลังจากเสร็จสิ้นการประกวด Misss Universe 2023 เอลซัลวาดอร์ และพานางงามจักรวาลคนล่าสุด เชย์นิส ปาลาซิโอส จากนิการากัว บินไปเปิดตัวที่ เม็กซิโก ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดในปีหน้า หญิงข้ามเพศพันล้าน แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ก็บินกลับมา ‘พักใจ’ ณ อาณาจักร JKN Global Groupที่ซอยแบริ่ง อย่างเงียบ ๆ เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน

ในโลกแห่งความเป็นจริงทางธุรกิจที่แสนโหดร้าย คงถึงเวลาแล้ว ที่ แอน จักรพงษ์ ต้องตัดสินใจเผชิญหน้าในการแก้ปัญหาด้านการเงินของกลุ่ม JKN ที่ตัวเธอเองเป็นคนกดปุ่ม ‘ระเบิดพลีชีพ’ ยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอเข้าแผนฟื้นฟูกิจการเอาไว้เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ก่อนลัดฟ้าไปยังเอลซัลวาดอร์ 

การตัดสินใจเข้าแผนฟื้นฟูในตอนนั้น เป็นการตัดสินใจแบบปุบปับ และฉุกละหุกเอาการ เพียงเพื่อหวังซื้อเวลา ‘หยุดเลือด’ เพราะสภาพคล่องหรือกระแสเงินสดกำลังจะไหลออกจนหมดตัว ซึ่ง วิธีการนี้ทำเอาบรรดาเจ้าหนี้ และนักลงทุน ตกอยู่ในอาการ ‘ช็อค’ ตาค้างจนตกเก้าอี้ไปตาม ๆ กัน

เมื่อศาลรับคำร้องเพื่อเข้าสู่โหมดของการเข้าแผนฟื้นฟู ข้อดีสำหรับ JKN ก็คือ สามารถหยุดจ่ายหนี้ให้กับบรรดาเจ้าหนี้ไปได้ชั่วคราว มากพอที่จะได้พักหัวใจที่อ่อนล้าเต็มทีของ แอน จักรพงษ์ และเพื่อตั้งสติหาหนทางในการที่จะปีนกลับขึ้นมาจาก ‘หุบเหวแห่งหนี้สิน’ นับ 4-5 พันล้านบาท ที่เธอสร้างเอาไว้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา

การทำแผนฟื้นฟูฯ ของแอน จักรพงษ์ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะถึงแม้ภาพลักษณ์ในทางสังคม แอน จักรพงษ์ อาจจะเป็นเซเลบริตี้ คนดังที่เป็นข่าวในแวดวงบันเทิง และเป็น ไฮโซ ตัวแม่ระดับแนวหน้า ชนิดทะลุไประดับจักรวาลหนึ่งเดียวของไทย แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่เธอกลับไม่มีเพื่อนฝูงมากมายนักในแวดวงธุรกิจ จึงไม่น่าประหลาดใจที่ การเลือกเดินเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการในคราวนี้ เธอเลือกที่จะขอให้ ‘ซ้ง’ ทรงพล ชัญมาตรกิจ อดีตซีอีโอ ของ ทีวี ไดเร็ค และทีมงานเข้ามาช่วยในการจัดทำแผนฟื้นฟู ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน

สำหรับแนวทางในการจัดทำแผนฟื้นฟูฯ แน่นอนว่า ผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นบรรดาเจ้าหนี้ ทั้งเจ้าหนี้การค้า สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อ และบรรดาเจ้าหนี้หุ้นกู้ ที่คาดว่ามีหนี้รวม ๆ กันไม่น่าจะต่ำกว่า 7-8 พันล้านบาท ที่จะต้องยอมเจ็บปวดจากการขอ Hair Cut ปรับลดหนี้ และยืดหนี้ออกไป ในข้อเสนอปรับโครงสร้างหนี้ 

ถึงแม้จะขายทรัพย์สินที่มีอยู่ออกไปก็คงได้กลับมาไม่มากนัก เพราะสินทรัพย์ของ JKN มีมูลค่าทางบัญชีระดับหมื่นล้านบาทก็จริง แต่ก็เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน เช่น พวกลิขสิทธิ์ ค่าความนิยม สารคดี ซีรีย์อินเดีย สูงถึง 70% ซึ่งเมื่อมีการตีราคา ณ ปัจจุบัน ก็อาจจะเหลือมูลค่าไม่มากนัก 

คำถามสำคัญก็คือ อนาคตของ JKN จะเป็นอย่างไร? ยังคงมีศักยภาพมากพอที่จะทำธุรกิจ เพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ได้หรือไม่ เป็นโจทย์ที่สาหัสมากสำหรับแอน จักรพงษ์ และที่สำคัญแผนฟื้นฟูฯ ที่จะเสนอ จะได้รับการโหวตผ่าน หรือไม่ในสถานการณ์ ที่เธอ สูญเสียเครดิตในแวดวงธุรกิจไปจนเกือบหมดแล้ว

ถึงนาทีนี้ สิ่งเดียวที่ดูเหมือนยังทำให้ แอน จักรพงษ์ ยังคงยืนหยัดต่อไป ก็เหลือเพียง จักรวาล มิสยูนิเวิร์ส ที่เธอหวงแหนชนิด ‘เสียอะไรเสียไป แต่ขอรักษาจักรวาลเอาไว้’ แต่คำถามก็คือ จะรักษาไว้ได้อย่างไร?

สิ่งที่ต้องตอบโจทย์ให้ได้ก็คือ จริง ๆ แล้ว Miss Universe จะเป็นธุรกิจหลักที่จะพลิกฟื้น ทำให้อาณาจักร JKN สามารถ Turn Around ปีนกลับขึ้นมาจาก ‘หลุมดำ’ แห่งหนี้สินได้จริงหรือ? 

ล่าสุดถึงแม้อาจจะมีข่าวดีเล็ก ๆ ว่า เธออาจจะสามารถหว่านล้อม ‘ราอูล โรชา’ ซีอีโอใหญ่ของ กลุ่ม Legacy Holding Group จากเม็กซิโก ที่มีธุรกิจด้าน โรงแรมและคาสิโนรายใหญ่ในแถวละตินอเมริกา ให้รับเป็นเจ้าภาพการจัดประกวดนางงามจักรวาล ครั้งที่ 73 ที่เม็กซิโก รวมทั้งเสนอให้เข้ามาร่วมทุนใน JKN Metraverse Inc.  แต่ก็คงไม่ได้ช่วยให้เธอสามารถปลดเปลื้องหนี้สินจำนวนมหาศาลที่สร้างเอาไว้ได้หมดแน่ ๆ

ยังไม่นับคดีความต่าง ๆ ที่เธอจะต้องเผชิญ จากการฟ้องร้องของบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลาย โดยเฉพาะเจ้าหนี้หุ้นกู้ และอาจจะเลยเถิดไปถึง คดีความที่เธอถูกกล่าหาว่าฉ้อฉล หรืออาจจะตกแต่งบัญชี ที่มีการร้องไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ กลต. และตลท. 

ดูทรงแล้ว ความพยายามในการรักษาจักรวาลของเธอเอาไว้ คงต้องอาศัยพลังจักรวาลอย่างสูง ซึ่งล่าสุด มีข่าวว่า เธอตัดสินใจที่จะเปิดแถลงข่าว เพื่อชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ทุกสายตาที่ทั้งรักทั้งชัง แอน จักรพงษ์ คงต้องติดตามกันด้วยใจระทึก...

โครงการเงินดิจิทัล 10,000 ไปไม่ถึง กลับไม่ได้  

หลังประชุม ครม. สัญจร ที่จังหวัดหนองบัวลำภู (4 ธันวาคม)  นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน แถลงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า จะส่งหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ถึงการออกพระราชบัญญัติกู้เงิน ภายในสัปดาห์นี้

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำอีกทีว่า ส่งคำถามถึงความชอบด้วยกฎหมายของโครงการนี้  ไม่ใช่ส่งตัวร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน 500,000ล้านบาท ที่จะใช้ในโครงการนี้  

ย้อนหลังกลับไป วันที่ 14 พฤศจิกายน ภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า ได้ส่งร่าง พ.ร.บ. กู้เงินให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความแล้ว โดยปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซี่งเป็นกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ก็อยู่ในที่ประชุม และรับเรื่องไปแล้ว  ร้อนถึง เลขาฯ กฤษฎีกา โดนทัวร์ลงถูกด่าว่า ดึงเรื่องไว้ทำไม เจ้าตัวต้องอออกสื่อชี้แจงว่า ไม่มีใครส่งอะไรมาให้ทั้งนั้น  

ส่งหรือยัง ส่งเมื่อไร ส่งอะไร ส่งคำถาม หรือส่ง ร่างกฎหมาย  พูดกันไปคนละทิศ คนละทาง ยิ่งทำให้ โครงการนี้ มีความไม่แน่นอน ไม่ชัดเจนมากขึ้น  พรรคเพื่อไทยเองก็รู้ดี ถึงได้ซื้อเวลา เลื่อนกำหนดการแจกเงินออกไปเรื่อย ๆ จากเดิมจะแจกเดือนพฤศจิกายน เลื่อนเป็นต้นปีหน้า  เลื่อนอีกเป็นสงกรานต์ ล่าสุดคือ เดือนพฤษภาคมปีหน้า 

ความคืบหน้าล่าสุดของโครงการ จากปากของเศรษฐา  และจุลพันธ์ ที่บอกว่า จะส่งคำถามไปที่กฤษฎีกาสัปดาห์นี้ ก็แสดงว่า  เกือบ 1 เดือน หลังจากเศรษฐา แถลงใหญ่ เรื่องโครงการเงินดิจิทัล10,000 บาท เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย เพิ่งจะมาบอกว่า จะถามกฤษฎีกาว่า ทำได้ไหม  ต่อเมื่อถูกนักข่าวถาม

เลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกา ก็เป็นกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทที่เศรษฐา เป็นประธาน  ทำไมไม่ถามกันในที่ประชุม จะไปส่งหนังสือถามไปตอบมาให้เสียเวลาทำไม การตั้งตัวแทนหน่วยงานด้านต่าง ๆ เข้ามาเป็นกรรมการ ก็เพื่อมีข้อสงสัยว่า อะไรทำได้ ทำไม่ได้ จะได้ตอบกันให้จบในที่ประชุมเลย

โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท  กลายเป็นเรื่องกลืนไม่เข้า คายไม่ออก จะเดินหน้าก็ไปไม่ถึง จะถอยก็ไม่ได้ เพราะรัฐบาลได้สร้างความคาดหวังให้กับประชาชน 50 ล้านคนแล้วว่า จะแจกเงินหมื่นให้ไปสร้างเนื้อสร้างตัวกัน  

จะหาข้อแก้ตัวว่า ทำไมถึงทำไม่ได้อย่างไร ก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว

เพื่อไทยปั้น "อุ๊งอิ๊ง" เป็นนายกฯ ได้จริงหรือ?

เทียบฟอร์มมือปั้นนายกฯ ตระกูลเทียนทอง จาก ‘ป๋าเหนาะ-สรวงศ์’ และคนถูกปั้นจาก ‘บรรหาร-ชวลิต-ทักษิณ’ ถึงทายาท ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร

วันนี้เริ่มพูดกันหนาหูมากขึ้น ถึงความพยายามในการปั้น ‘อุ๊งอิ๊ง’ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวัย 30 ต้น ๆ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของไทย ต่อจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 โดยใช้โครงการซอฟต์พาวเวอร์ ที่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ดูแลอยู่เป็นบันไดค้ำถ่อ

ขณะที่การก้าวขึ้นสู่เก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ก็เลือกเอา ‘สรวงศ์ เทียนทอง’ ทายาท ‘ป๋าเหนาะ’ นายเสนาะ เทียนทอง นักการเมืองรุ่นลายคราม ที่ได้ชื่อเป็นนักปั้นนายกฯ ระดับมือทอง มาทำหน้าที่เลขาธิการพรรคเพื่อไทย 

นัยว่าต้องการให้ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’ ซึ่งเป็นนักการเมืองรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ เป็นตัวเชื่อมคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าในพรรคเพื่อไทยเข้าด้วยกัน แถมเป็นสายเลือดของนักการเมืองนักปั้นนายกฯ มือทอง จึงน่าจะเป็นมงคลนามทางการเมือง มาช่วยเป็นพลังขับให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ไปสู่เป้าหมายใหญ่ได้

ย้อนไปดูฝีมือการปั้นนายกฯ ของ ‘เสนาะ เทียนทอง’ ในอดีต เริ่มจากส่งให้บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ต่อด้วยการผลักดันให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 22 และเมื่อมาร่วมงานการเมืองกับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นในเวลาต่อมา ก็ได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 23

ฉายานักปั้นนายกฯ มือทองของ ‘ป๋าเหนาะ’ จึงไม่ใช่แค่อุปโลกน์กันขึ้นมาเอง แต่เป็นนักการเมืองคู่บุญ ที่มีส่วนอย่างสำคัญในการปั้น ‘บรรหาร-ลุงจิ๋ว’ เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนกับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’แม้จะไม่ใช่เป็นแรงผลักจาก ‘ป๋าเหนาะ’ โดยตรง แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งในฟันเฟืองการเมือง ที่ให้  ‘ทักษิณ’ ได้ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี

เมื่อดูตามท้องเรื่องที่ว่ามาแล้ว แน่นอนทั้งคนปั้น-คนถูกปั้น ต่างมีความพร้อม มีระยะผ่านทางการเมือง ที่พร้อมสำหรับการปั้นและการถูกปั้นให้ขึ้นรูปได้ไม่ยาก หากเทียบกับการปั้นของรุ่นลูกในพ.ศ.นี้ ทั้งคนปั้น-คนถูกปั้น ‘สรวงศ์-แพทองธาร’ ถือว่ายังเยาว์วัยด้วยกันทั้งคู่

ดังนั้น ลำพังโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั้งความเหมาะสมและงบประมาณจำนวนมากที่ถูกนำไปใช้แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ คงไม่มีพลังพอที่จะส่งให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เพื่อสร้างประวัติศาสตร์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของไทย และเป็นนายรัฐมนตรี คนที่ 4 ของตระกูลชินวัตรได้ง่าย ๆ

จากหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย สู่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย วันนี้แม้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ จะมีความชอบธรรมจากการเป็นหนึ่งในแคนดิเดทบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แต่ยังต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น โดยเฉพาะประสบการณ์ในทางการบริหาร ที่ต้องผ่านการบ่มเพาะอีกนาน

ลำพังการมาเป็นหัวขบวนขับเคลื่อนโครงการซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล ที่ต้องการขายวัฒนธรรมประเพณี วิถีไทย แบรนด์ไทย และอะไรที่เป็นแบบไทยๆ น่าจะยังไม่เพียงพอ แถมมีคนสังเกตว่า บรรดาเสื้อผ้าแพรพรรณ อาภรณ์ประดับกายในตัว ‘อุ๊งอิ๊ง’ เองแท้ๆ แทบจะไม่มีชิ้นใดที่ไม่ใช่ของนอก?!

งานนี้จะปั้นได้ไม่ได้อย่างไร สาธุชนไปใคร่ครวญกันเอาเองเถิด...

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์