ปี 2551ในยุคที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล สมัคร สุนทรเวชเป็นนายกรัฐมนตรี บริษัทดูไบพอร์ต เวิลด์ หรือ ดีพีเวิลด์ ของรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ออกเงินให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ว่าจ้างบริษัทเนเธอร์แลนด์ ชื่อ Royal Haskoning ศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมอ่าวไทยกับอันดามัน
ในครั้งนั้นสุลต่านอาห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกรรมการดีพีเวิลด์ บินมาลงนาม ในเอ็มโอยูด้วยตัวเอง
ผลการศึกษาระยะที่ 1 ในเชิงแนวความคิด สรุปออกมาในปี 2552 ระบุว่า
‘การขนส่งผ่านไทยแลนด์ แลนด์บริดจ์ มีต้นทุนสูงกว่าการเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกา สำหรับการขนส่งจาก เอเชียตะวันออกไกลไปยุโรป โดยประเมินว่า ต้นทุนในการขนถ่ายตู้ และบรรทุกรถไฟ อยู่ที่ 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 เที่ยว’
ผลการวิเคราะห์นำไปสู่ข้อสรุปว่า แลนด์บริดจ์ของไทย จะไม่สามารถดึงดูด เรือในเส้นทาง เอเชียตะวันออก-ยุโรป, เอเชียตะวันออก-ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออก-อินเดีย ให้มาใช้บริการแทนการเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกาได้
เดือนมีนาคม 2559 สุลต่านอาห์เหม็ด บิน สุลาเย็มมาไทยอีก และได้เข้าพบสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
สุลต่านอาห์เหม็ด แจ้งกับรองนายกรัฐมนตรีว่า ดีพีเวิล์ดสนใจจะเข้ามาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนแลนด์บริดจ์เชื่อมชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย รวมทั้ง ท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย
สมคิดได้ขอดีพีเวิล์ดทำรายละเอียด แนวคิดที่จะลงทุนแลนด์บริดจ์ สงขลา สตูล และ นิคมอุตสาหกรรมทวาย ให้ชัดเจนว่าจะทำที่ไหน ทำอย่างไร
ต้นปีนี้ระหว่างไปร่วมประชุม เวิลด์ อีโคโนมิกฟอรั่มที่สวิตเซอร์แลนด์ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้พบกับผู้บริหารดูไบ เวิลด์ เพื่อชวนให้มาลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง
โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นหนึ่งในโครงการเรือธงของรัฐบาล ที่ได้รับการโปรโมทอย่างหนัก จากนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ไปประชุมต่างประเทศที่ไหน จะต้องจัดโรดโชว์ เชื้อเชิญนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนในโครงการนี้
ทว่าจนถึงบัดนี้ มีแต่ข่าวคราวที่ออกมาจากทางรัฐบาลฝ่ายเดียวว่า ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศสและดูไบ แต่ไม่เคยมีเสียงจากฝั่งนักลงทุนต่างชาติแม้แต่ประเทศเดียว ที่บอกว่า จะเข้ามาลงทุนในโครงการนี้เลย
โครงการแลนด์บริดจ์ จึงอยู่ในสภาพเดียวกับอีก 2 โครงการเรือธงของพรรคเพื่อไทย คือ โครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต และโครงการ 1 ซอฟต์พาเวอร์ 1 ครัวเรือน คือ คิดได้ แต่ทำไม่ได้ ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แม้ว่า จะเป็นรัฐบาลมาแล้วเกือบปี
ล่าสุด สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทวงคมนาคม แจ้งความคืบหน้าว่าวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ สุลต่านอาห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานดีพีเวิลด์ จะมาพบกับนายกฯ เศรษฐา เพื่อหารือเรื่อง การลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร ระนอง
การมาเยือนไทยของประธานดีพีเวิลด์เจ้าเดิมครั้งนี้ ห่างจากครั้งที่มีผลการศึกษาความเป็นไปได้ โครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมอ่าวไทยกับอันดามันสรุปว่า มีต้นทุนแพงกว่าการเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกา ถึง 15 ปี
ข้อมูลต่าง ๆ บริบททางเศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์คงเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งทำให้โครงการแลนด์บริดจ์ ที่เคยเป็นไปไม่ได้เมื่อ 15 ก่อน จะยิ่งเป็นไปไม่ได้มากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจีน ซึ่งมีการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกามากที่สุด และเป็นลูกค้าเป้าหมายของแลนด์บริดจ์ มีทางเลือกที่จะไม่ต้องใช้ช่องแคบมะละกา เพียงเส้นทางเดียวแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ที่มีทางรถไฟขนส่งสินค้าเชื่อมกับยุโรปทางตอนเหนือ โครงการท่อน้ำมันและท่อแก๊สจากรัฐยะไข่ เมียนมาร์ ไปคุนหมิงที่เปิดใช้แล้ว โครงการระเบียงเศรษฐกิจ จีน ปากีสถาน รวมทั้งเส้นทางเดินเรือผ่านช่องแคบซุนดา ของอินโดนีเซีย ถ้าช่องแคบมะละกาใช้ไม่ได้
การเข้าพบนายกฯ เศรษฐาของสุลต่านอะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ จึงไม่มีอะไรมากไปกว่า มาแสดงความสนใจในโครงการแลนด์บริดจ์ แต่ไม่ลงทุน