ทริปผ้าขาวม้าไทย ท่องโลกกับนายกฯ ไทย

12 มี.ค. 2567 - 09:20

  • ลงทุนกับการนำ ผ้าขาวม้า ไปเปิดโลกการค้า ในเมืองหลวงแห่งแฟชั่น

  • ผ้าขาวม้า กับ นายกรัฐมนตรี ใครจำอะไรได้มากกว่ากัน

  • ประวัติศาสตร์ผ้าขาวม้าน่าสนใจ แต่นายกฯ เศรษฐา เลือกที่จะพลิกข้ามไป

economy-loincloth-settha -france-SPACEBAR-Hero.jpg

นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จะกลับบ้านวันพรุ่งนี้ สิ้นสุดการเดินทางเยือนออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ 4-13 มีนาคม

แม้ตัวนายกฯ เอง และโฆษกรัฐบาล ชัย วัชรงค์ จะสื่อสารกับสังคมว่าไปเพื่อชักจูงนักลงทุนในประเทศเหล่านั้น ให้มาลงทุนในประเทศไทย และส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย 

แต่ภาพจำของคนไทยที่มีต่อการไปต่างประเทศคราวนี้ของนายกฯ เศรษฐา มีแต่ ‘ผ้าขาวม้า’ ที่นายกฯ ใช้เป็นผ้าพันคอ เพื่ออวดชาวโลก ว่านี่แหละคือ ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย

กลายเป็น ‘ทริปผ้าขาวม้าท่องโลก’  แบบไม่ตั้งใจ 

มิหนำซ้ำโฆษกชัย ยังออกมาตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไปทำไม ไปแล้วได้อะไรว่า การชักชวนการลงทุนจากต่างชาติ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3  ปี จึงจะเห็นผลว่า ที่ไปชวนนั้น เขาจะมาหรือไม่  ก็เลยยิ่งตอกย้ำภาพจำของทริปผ้าขาวม้าให้หนักแน่นชัดเจนยิ่งขึ้น 

เพราะถ้าต้องใช้เวลา 2-3 ปี จึงจะเห็นผล แล้วนายกฯ จะเสียเวลา ประเทศชาติเสียภาษีสำหรับการเดินทางไปทำไม ทำไมไม่ให้เป็นหน้าที่ของบีโอไอ หรือ ผู้แทนการค้าไทยอย่าง ‘หม่อมปืน’  หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ที่ร่วมทริปนี้ไปด้วย ตัวนายกฯจะได้อยู่แก้วิกฤตเศรษฐกิจในประเทศไทย

การเดินทางครั้งนี้ ใช้เครื่องบินเหมาลำของการบินไทย  ครั้งที่นายกฯ เศรษฐา บินไปประชุมยูเอ็น เมื่อเดือนกันยายน การบินไทยคิดค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 30 ล้านบาท ครั้งนี้ไป 10 วัน บินไปออสเตรเลียก่อน กลับมาเติมน้ำมันที่สิงคโปร์ แล้วค่อยบินไปเยอรมัน

ค่าใช้จ่ายน่าจะเกือบหรือมากกว่า 40 ล้านบาท สำหรับการบินไปขาย ‘ผ้าขาวม้า’ ของนายกฯ เศรษฐา

ผ้าขาวม้านั้น ไม่ใช่ของไทยชาติเดียว แต่เป็นผ้าอเนกประสงค์ของผู้คนในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนล่าง คือ ไทย ลาว และกัมพูชา 

ไทยใช้เคียนเอวหรือคาดเอว ลาวใช้โพกหัว กัมพูชาใช้เป็นผ้าพันคอ เรียกว่า ‘กรอมา’

ผ้าขาวม้าพันคอ เป็นสไตล์นิยมหรือแฟชั่นของ เขมรแดง ภาพผู้นำเขมรแดงในยุคครองอำนาจ  ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ช่วงปี 2518 -2522  มักจะมีผ้าขาวม้าคล้องคอ ภาพยนตร์เรื่อง ‘ทุ่งสังหาร’  หรือ The Killing Field  ที่สะท้อนภาพความโหดร้ายในยุคเขมรแดงจากบันทึกของนักข่าวชาวอเมริกัน  ดาราที่แสดงเป็นนักข่าวใช้ ผ้าขาวม้าพันคอ ซึ่งหลังจากนั้น กลายเป็นแฟชั่น เครื่องแบบประจำตัวของศิลปิน   คนทำงานเอ็นจีโอบางกลุ่ม

ปีที่แล้ว กัมพูชา เสนอให้ ยูเนสโกขึ้นทะเบียน  ‘กรอมา’  หรือผ้าพันคอทอมือ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้  ก่อนหน้านั้นไม่นาน ไทยก็ได้เสนอ ผ้าขาวม้า ขึ้นทะเบียนมรดกโลกเช่นเดียวกัน

ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566  ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ มีการแจก ‘กรอมา’ เป็นที่ระลึกแขกต่างประเทศและสื่อมวลชนที่ไปทำข่าว เพื่อสื่อถึงวัฒนธรรมในอดีตของกัมพูชา 

เพราะฉะนั้น  ผ้าขาวม้า ที่นายกฯ เศรษฐา เอาไปพันคออวดชาวโลกว่า เป็น ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยนั้น ไม่ใช่ของไทยชาติเดียว แต่เป็นเครื่องนุ่งห่มของไทย ลาว และกัมพูชา และไม่มีวันเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้เลย เป็นได้แค่เครื่องแต่งกายประจำถิ่นที่กำลังจะสูญหายไป

เป็นได้อย่างเดียว คือ ผ้าพันคอที่แพงที่สุดในโลก

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์