ห้ำหั่น...ขบเหลี่ยม และช่วงชิงการเป็นเบอร์หนึ่งในเวทีประกวดขาอ่อนกันมานาน ระหว่าง แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ฉายาหญิงข้ามเพศพันล้าน กับ บอส ณวัฒน์ อิสรไกรศีล แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่มาถึงวันนี้ชะตาชีวิตของทั้งสองคนดูจะพลิกผันชนิดต่างขั้วกันสุด ๆ
เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ชีวิตของทั้งสองคนต่างมีที่มาและเส้นทางที่แตกต่างกัน แต่ต่างมีความฝันเป้าหมายและความทะเยอทะยานในชีวิตที่เหมือนกันอย่างน่าประหลาด
แอน จักรพงษ์ หญิงข้ามเพศพันล้าน ผู้เป็น ‘ศูนย์กลางแห่งจักรวาล’
คนหนึ่งอาจจะมีชีวิตในวัยเด็กที่สับสนในเพศสภาพ แต่ก็ใช้สิ่งนั้นเป็นพลังในการผลักดัน ในการ ‘ทรานส์ฟอร์ม’ เปลี่ยนแปลงพลิกชีวิต ให้กลายเป็นนักธุรกิจหญิงข้ามเพศพันล้านที่มี ‘แสง’ ในตัวเอง และทำตัวให้เป็น ‘ศูนย์กลางแห่งจักวาล’ จนเป็นที่รู้จักในระดับโลก
ด้วยวัยเพียง 45 ปี ต้องยอมรับว่า แอน จักรพงษ์ สามารถสร้างจักรวาล JKN ของเธอให้เป็นที่รู้จักได้อย่างน่าศึกษา เพราะหลังจากรับช่วงธุรกิจร้านเช่าวีดีโอต่อจากครอบครัวตอนอายุ 21ปี เธอสามารถพลิกธุรกิจให้ก้าวกระโดด เมื่อสามารถขาย ดีวีดี สารคดี Walking with Dinosaurs ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาได้นับสิบล้านบาท และเป็น ‘สารตั้งต้น’ ที่ทำให้เธอสามารถขยายธุรกิจไปในไลน์ของการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ละคร และซีรีย์ดัง ๆ จาก เกาหลี และอินเดีย มาป้อนให้กับบรรดาสถานีโทรทัศน์ในไทยเกือบทุกสถานี
ในช่วงยุคแรกของทีวีดิจิตอล แอน จักรพงษ์ กลายเป็น ‘เจ้าแม่คอนเทนต์’ สามารถสร้างรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ซีรีย์เกาหลี และอินเดีย ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำและกลายเป็นแหล่งรายได้หลัก ก่อนจะเริ่มขยายไลน์ธุรกิจไปในการขายสินค้า Home Shopping ผ่านสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ โดยใช้รูปแบบการสื่อสารการตลาดที่อาศัยภาพลักษณ์ Key Opinion Leader (KOL) ของตัวเธอเองเป็นหลักในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ
แอน จักรพงษ์ นำ JKN เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี2560 และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาเพียง7 ปีที่ผ่านมา
ไม่เพียงขยายไลน์ผลิตสินค้าต่าง ๆ ออกขายมากมาย โดยอาศัยจุดขายคือตัวแอนเองที่มี FC ติดตามหลายล้านคน เธอยังเริ่ม ‘คิดใหญ่’ ถึงขนาดสร้างช่อง Home Shopping ผ่านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม และใจถึงมากพอที่จะ ซื้อ ‘ไลเซนส์’ ทีวีดิจิตอล มาจากกลุ่มเดลินิวส์ ของ ‘คุณนายแดง ประภา เหตระกูล’ ในปี 2564 และเปลี่ยนชื่อเป็น JKN 18
แอน จักรพงษ์ ยังไม่หยุดยั้งที่จะเดินตามความฝัน และมันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ ‘บ้าบิ่น’ และทะเยอทะยานถึงขีดสุด เมื่อเธอตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์ขององค์กรนางงามจักรวาล Miss Universe Organization หรือ MUO จาก กลุ่ม IMG ของสหรัฐฯ มาครอบครอง สานฝันการก้าวขึ้นสู่ระดับจักรวาลของเธอ
อาศัยชื่อเสียงและการยอมรับในฐานะหญิงข้ามเพศพันล้าน ทำให้ แอน จักรพงษ์ สามารถระดมทุนผ่านทั้งการเพิ่มทุน และการออกหุ้นกู้ เพื่อนำมาขยายธุรกิจตามความฝันของเธอได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาย้อนกลับมาในที่สุด เนื่องจากธุรกิจที่ลงทุนไปในหลาย ๆ ด้าน ไม่สามารถทำเงินกลับมาได้อย่างรวดเร็วอย่างที่เธอคิด ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าผ่าน Home Shopping หรือ ช่อง JKN 18 และที่สำคัญคือ การทุ่มถึงกว่า 800 ล้านบาท ในการซื้อลิขสิทธิ์ MUO ที่ยังไม่สามารถทำรายได้อย่างที่คิด
เมื่อการลงทุนยังไม่สามารถสร้างรายได้กลับมาในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ตรงกันข้าม JKN กลับก่อนหนี้ระยะสั้น โดยเฉพาะหนี้หุ้นกู้ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เมื่อตลาดหุ้นกู้เริ่มมีปัญหา ทำให้ JKN เริ่มมีอาการสะดุดในการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ เพื่อ Rolloverหุ้นกู้ชุดเดิมในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้วงจรด้านการเงินของ JKN ถึงจุด ‘ล่มสลาย’ ขาดสภาพคล่องรุนแรง และเริ่ม Default ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้หลายชุดที่ถึงกำหนด จนต้องต้องตัดสินใจขอเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ ต่อศาลล้มละลายกลาง ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากเจ้าหนี้ ที่ตั้งข้อกังขาในเรื่องตัวเลขทางการเงินหลายอย่าง และต้องรอลุ้นฟังคำส่งศาลในวันที่ 23 เมษายนนี้
บอส ณวัฒน์ ผู้สวมบท เจ้ามือและเจ้าของ MGI
ในอีกด้านของโลกคู่ขนาน ‘บอส ณวัฒน์’ วัย 50 เด็กต่างจังหวัดจากดำเนินสะดวก ราชบุรี ที่เข้ามาแสวงหาชีวิตดี ๆ ในกรุงเทพฯ สนใจทำงานในฐานะผู้ดำเนินรายการมาตั้งแต่สมัยเรียนที่บดินทร์เดชา หลังจบจากหอการค้าไทย และเริ่มชีวิตการทำงานโดยการเป็นมัคคุเทศก์ และต่อมาเริ่มตั้งบริษัททัวร์และผลิตรายการด้านการท่องเที่ยว ก่อนจะเข้าสู่วงการโทรทัศน์เต็มตัว โดยเป็นผู้บริหารของ ไอทีวี ในยุคแรก และต่อมาตั้งบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ของตัวเอง
ณวัฒน์ เข้าสู่วงการนางงาม เมื่อไปนั่งเป็นผู้อำนวยการกองประกวดนางงามมิสไทยแลนด์เวิลด์ในปี 2550-2554 ซึ่งทำให้ ณวัฒน์ เริ่มเห็นโอกาสในการสร้างฝันจากธุรกิจนางงาม จนลองติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ MOU จากสหรัฐฯ แต่ถูกปฎิเสธแบบไร้เยื่อใย
แทนที่จะเริ่มต้นจากการซื้อลิขสิทธิ์ระดับโลกแพงๆมา ณวัฒน์ พลิกมุมคิดและหันมาเริ่มต้นจากศูนย์ โดยเริ่มคิดแบบ Think global, Act local โดยสถาปนาเวทีประกวดนางงามของตัวเองขึ้นมา คือ ‘เวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์’ ในปี 2556 และสร้างการยอมรับในระดับท้องถิ่นจากการจัดการประกวดคัดเลือกระดับจังหวัด ก่อนที่จะมาชิงมงกุฎระดับประเทศที่กรุงเทพฯ และยกระดับก้าวสู่เวทีสากล โดยการจัดประกวด ‘มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล’ ก่อนที่จะเพิ่งนำ MGI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อ 14 ธันวาคมปีที่แล้ว
บอส ณวัฒน์ อาจจะมีแนวคิดในการต่อยอดธุรกิจนางงามในการสร้างรายได้ หรือ Business Model ไม่แตกต่างจากแอน จักรพงษ์ คือใช้นางงามเป็นตัวแทน KOLภายใต้แนวคิด 3 C คือ Contest-Content-Commerce โดยอาศัย Social Media เป็นอาวุธอันทรงพลัง เพียงแต่กลวิธีในการใช้อาจจะแตกต่างกัน ทำให้ดูเหมือน ณวัฒน์จะสามารถสร้างฐาน FC นางงามที่มีส่วนได้เสียร่วมกับ มิสแกรนด์ฯ มากกว่า มิสยูนิเวิร์สของ แอน เพราะถึงจุดหนึ่ง แอน จักรพงษ์ กลับดูถูก ‘โดดเดี่ยว’ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการทำตัวเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาลของเธอที่มากจนเกินพอดี
ตรงข้ามกับณวัฒน์การชูบทบาทมิสแกรนด์ฯ อย่าง ‘อิงฟ้า วราหะ’ และบรรดานางงามในสังกัด ที่สามารถพลิกชีวิต ทำให้เวทีมิสแกรนด์ฯ มีฐาน FC ระดับชาวบ้าน และกลายเป็นเวทีซึ่งถูกจริตกับชาวบ้านในสังคมอุดม ‘ดรามา’ แบบไทย ๆ มากกว่า และทำให้หุ้น MGI ที่ถูกปั่นกระแสในตลาดได้รับความสนใจ จนก่อให้เกิดสภาพการแปลงร่างจาก FC นางงามไปเป็น ผู้ถือหุ้นนางงามกันทั้งประเทศ
เพราะเหตุนี้ หลังจากเข้าตลาด หุ้น MGI จึงสามารถสร้างปรากฎการณ์อันน่าตื่นตะลึง ทำลายสถิติหลายด้าน ราคาของหุ้น MGI พุ่งขึ้นจากระดับหุ้นละ 4.95 บาท ขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 65.25 บาท กลายเป็นหุ้นมหัศจรรย์ 12 เด้งภายในเวลาเพียงสองเดือน จนตลาดหลักทรัพย์ฯต้องงัดยาแรงสารพัด ถึงขั้นขึ้นเครื่องหมาย P พักการซื้อขายถึง 3 ครั้งติดต่อกัน จึงพอจะสยบการพุ่งขึ้นของราคาหุ้น MGI ที่ราคาสูงจนเกินปัจจัยรองรับลงได้ระดับหนึ่ง
แต่ก็ต้องเผชิญแรงต้านจาก เจ้าของและเจ้ามือ คือ ณวัฒน์ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกหลายคน ที่ปลุกบรรดา FC นางงาม ให้กลายร่างเป็นผู้ถือหุ้น เล่นบทผู้พิทักษ์ MGI ที่พยายามดันราคาเอาไว้สุดฤทธิ์
การเล่นบทเชียร์หุ้นผ่าน Social Media ของตัวเองและเครือข่ายในลักษณะแบบนี้ เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เพราะตัว ณวัฒน์ และบรรดาผู้ถือหุ้นที่ออกมาดาหน้าเชียร์หุ้น ต้องถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯยังไม่มีมาตรการที่จะสกัดและยับยั้ง จนเกิดคำถามถึงประสิทธิภาพในการปกป้องและคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยที่อาจตกเป็นผู้สูญเสียในที่สุด
จนถึง ณ นาทีนี้ ดูเหมือน แอน จักรพงษ์ จะต้องเผชิญวิบากกรรม ที่อาจจะมีบทสรุปที่เลวร้ายสุด ๆ ถึงขนาดมิอาจรักษาจักรวาลที่หวงแหนเอาไว้ได้ แต่ บอส ณวัฒน์เอง ก็กำลังเผชิญกับ วิบากกรรมจากการเล่นบท ‘เหาะเหินเกินลงกา’ เชียร์หุ้นตัวเองจนเกินงาม ซึ่งอาจจะนำไปสู่บทสรุปที่ไม่สวยงามเช่นกัน ทั้งกับตัว ณวัฒน์เองและบรรดา FC นางงามผู้กลายร่างเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหลาย
อีกไม่นานคงมีคำตอบ ...