ความเคลื่อนไหวภายหลังจากศาลล้มละลายกลางได้เปิดไต่สวนพิจารณาคำร้องขอเข้าแผนฟื้นฟูกิจการของ JKN Global Group เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา และ นัดฟังคำสั่งว่าจะยกคำร้องหรืออนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการหรือไม่ในวันที่ 23 เมษายน 2567
ล่าสุดได้มีการเปิดเผยบันทึกลับที่น่าตกใจ ซึ่งอาจจะทำให้ JKN Legacy บริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล (Miss Universe organization : MUO) อาจจะหลุดไปอยู่ในมือของ มหาเศรษฐีเม็กซิกัน ราอูล โรชาร์ คานทู (Mr. Raul Rocha Cantu) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ Legacy Holding Group USA Inc.
บันทึกลับดังกล่าวเป็นการสื่อสารกันระหว่าง แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ กับ ราอูล ในราวปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งมีการสอบถามถึงเรื่องแผนในอนาคตที่ทั้งคู่ต้องการนำ JKN Legacy ที่ถือลิขสิทธิ์ MUO ไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ค
โดย ‘ราอูล’ มีการตั้งคำถามแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ของ JKN ที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน และอาจเป็นเหตุให้ ‘แอน’ เสียการควบคุม หรือต้องเข้าสู่ภาวะล้มละลายจะทำให้มีความเสี่ยงต่อแผนธุรกิจหรือไม่
แอน จักรพงษ์ ได้เสนอข้อตกลงเพิ่มเติมแนบท้ายสัญญาซื้อหุ้น MUO เปิดทางว่า ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว จะยินยอมให้ราอูลสามารถใช้สิทธิ์ Call Option ซื้อหุ้นที่เหลืออีก 50% จาก JKN ในราคายุติธรรม แต่ไม่เกิน 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยแอนจะยังคงร่วมงานเป็นพันธมิตรทางธุรกิจต่อไป แต่จะลดบทบาทมาเป็นผู้บริหารหลักเหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้ข้อตกลงในการขายหุ้นครึ่งหนึ่งให้กับ Legacy Holding Group ทาง JKN ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า มีการปรับโครงสร้างของ JKN Legacy โดยขายหุ้นทั้งหมดใน JKN Legacy ให้กับ JKN Global Content ที่อยู่ในเครือของJKN Global Group ในราคา 14.5 ล้านเหรียญ และนำหุ้น JKN Legacy จำนวนครึ่งหนึ่งขายให้กับ LHG ของราอูล โดยมีการชำระมาแล้ว 7 ล้านเหรียญ
บันทึกแนบท้ายที่ระบุถึง Call Option ในการให้สิทธิ์ LHG ซื้อหุ้นส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งดังกล่าว ทำให้กลุ่มเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้มีความกังวลว่า หากสัญญาแนบท้ายข้อตกลงซื้อขายดังกล่าวมีผลทางกฎหมาย อาจทำให้องค์กรนางงามจักรวาล MUO ที่อาจจะเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุดของ JKN เวลานี้อาจจะหลุดไปอยู่ในมือของ เศรษฐีเม็กซิกัน ที่เป็นพันธมิตรที่แนบแน่นของแอนจักรพงษ์ ก็เพียงเปลี่ยนบทบาทจากเจ้าของมาเป็นผู้บริหาร ทิ้งภาระอื่นๆของ JKN ให้เจ้าหนี้จัดการกันเอง
ปัจจุบันจากปัญหาด้านการเงินของ JKN ที่เข้าขั้น ‘ใกล้ล้มละลาย’ จนถึงกับต้องยื่นขอเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ ก็เนื่องจากมีภาระหนี้สูงมากหลายพันล้านบาท ในขณะที่ทรัพย์สินที่มีส่วนใหญ่ นอกจากอาคารสถานที่ ที่ศาลายานครปฐม และสตูดิโอ ที่แบริ่ง ซึ่งติดจำนองสถาบันการเงินแล้ว ทรัพย์สินในส่วนอื่น เช่น ลิขสิทธิ์ สารคดี ซีรีย์เกาหลี อินเดีย หรือแม้แต่ สัญญาสัมปทาน ทีวีดิจิตอล ช่อง JKN-18 ก็เป็น Intangible Assets ที่มีมูลค่าต่ำมาก
ลิขสิทธิ์องค์กรนางงามจักรวาล MUO อาจจะเป็นทรัพย์สินเดียวที่มีมูลค่า และโอกาสทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งหากถูกตัดขายออกไปให้กับราอูล มหาเศรษฐีเม็กซิโก JKN ก็แทบจะเหลือแต่ ‘ซาก’ ที่มองไม่เห็นหนทางฟื้นฟู
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระแสข่าวว่า แอน จักรพงษ์ กำลังเปิดเจรจาดีลลับ ที่จะเปลี่ยนสัญญาเช่าเวลาของ JKN 18 กับ TOP Newsมาเป็นรูปแบบการขายทิ้งให้กับกลุ่มของคีรี กาญจนพาส์น ในราคาประมาณ 200 ล้านบาท จากเดิมที่จ่ายในรูปแบบเช่าเวลาผลิตรายการ ในราคาเดือนละ 5 ล้านบาท
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่า ในระหว่างที่ JKN ยังต้อรอคำสั่งจากศาลล้มละลายกลาง และบรรดาเจ้าหนี้ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆได้ ฝ่ายบริหารของ JKN ต้องขออำนาจจากศาลก่อนที่จะทำข้อตกลงใดๆที่อาจเป็นการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ซึ่งจะทำให้เกิดผลประโยชน์ได้เสียอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะการเงินของบริษัทหรือไม่?
ที่ผ่านมาการยื่นคำร้องเพื่อขออนุมัติเข้าแผนฟื้นฟูต่อศาลล้มละลายกลางของ JKNไม่ได้รับการยอมรับจากบรรดากลุ่มเจ้าหนี้ที่มีถึง 14 กลุ่ม โดยส่วนใหญ่ยื่นคัดค้านทั้งเจ้าหนี้การค้า สถาบันการเงิน และเจ้าหนี้หุ้นกู้ โดยอยากให้ศาลยกคำร้อง หรือหากศาลยอมให้ฟื้นฟูกิจการ ตัวแทนฝั่งเจ้าหนี้ก็อยากเข้าไปเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูฯ มากกว่า
เพราะไม่มั่นใจ และไม่เชื่อใจกระบวนการทำงานของฝ่ายบริหารของ JKN ที่ดูจะไม่ชัดเจนและโปร่งใส และพยายามเรียกร้องให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กลต. และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI เข้ามารับดำเนินคดี และเร่งตรวจสอบบัญชี แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
อีก 7 สัปดาห์จากนี้ไป จึงเป็นห้วงเวลาที่จะ ‘ชี้เป็นชี้ตาย’ ว่าอาณาจักร JKN ของแอน จักรพงษ์ จะล่มสลายลงหรือไม่ และที่สุดแล้ว เธอจะยังคงสามารถพิทักษ์องค์กรนางงามจักรวาลให้ยังคงอยู่ในมือได้หรือไม่...