พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 กำลังจะถูกพิจารณาในวาระ 2-3 ในสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 3-5 กันยายนนี้ แต่จนถึงนาทีนี้ รัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณในปี 2568 เพื่อมาใช้ในโครงการนี้ได้เพียงราว 1.8 แสนล้านบาท ครอบคลุมการแจกให้กับประชาชนในรูปเงินสดหรือดิจิตอลได้เพียง 18 ล้านคน และยัง ‘มืดแปดด้าน’ ที่จะหางบประมาณเพื่อแจกให้ครบ 45-50 ล้านคน
ชะตากรรมของคนที่ลงทะเบียนไปแล้ว และคนที่ยังรอลงทะเบียน ที่ไม่ได้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จึงยังตกอยู่ในภาวะ ‘ลูกผีลูกคน’ ไม่แน่ว่าจะได้รับแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่
โครงการดิจิทัลวอลเล็ต กลายเป็นโครงการที่กำลังตกอยู่ในภาวะ **‘ยากลำบาก’**ที่จะเดินหน้าหรือถอยหลัง ถึงแม้จะมีการปรับเปลี่ยนทั้งปกและเนื้อในของโครงการมาแล้วหลายรอบ โดยล่าสุดมีสัญญาณจาก ‘พ่อนายกฯ’ ทักษิณ ชินวัตร ที่ครอบครองแต่ไม่ครอบงำ นายกฯ ‘อิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร ให้ใช้งบประมาณปี 2567 ลุยเดินหน้า
โดยจะใช้งบกลางปีที่เพิ่มขึ้นราว 1.45 แสนล้านบาท ไปแจกให้กับกลุ่มเปราะบาง 13.5 ล้านคน และคนพิการอีก 1 ล้านคน รวม 14.5 ล้านคน ที่ถือ ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ เพื่อเป็นการขายผ้าเอาหน้ารอด แจกให้ทันก่อนสิ้นปีงบประมาณ 30 กันยายนนี้
ส่วนที่เหลือเดิมรัฐบาลอาจจะวางแผนไว้ว่าเมื่อถึงเดือนตุลาคม ในปีงบประมาณ 2568 คนที่ลงทะเบียนกับ ‘ทางรัฐ’ ทั้งหมดที่คาดว่าจะมีราว 45 ล้านคน ก็จะถูกคัดว่าคุณสมบัติครบหรือไม่ ซ้ำกับกลุ่มเปราะบางหรือผู้พิการหรือไม่ เหลือเท่าไรก็เอางบฯปี 2568 ไปจ่ายให้กับกลุ่มที่ลงทะเบียนที่เหลือ เพื่อให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้สามารถเดินต่อไปได้
แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ เพราะเดิมรัฐบาลวางกรอบวงเงินงบประมาณในปี 2568 ที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเอาไว้สูงถึง 2.85 แสนล้านบาท โดยแยกเป็น 2 ก้อน
ก้อนแรกมีการตั้งเอาไว้ในงบกลาง 152,700 ล้านบาท โดยมีการ **‘เพิ่มงบกลาง’**ขึ้นมาสูงถึง 805,745 ล้านบาท โดยอยู่ในรายจ่ายในการดำเนินการภาครัฐ ที่มีการตั้งงบเอาไว้เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดหมาย สำหรับกรณีฉุกเฉิน รวมถึงการสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ
อีกก้อนจะมาจากการบริหารจัดการงบประมาณที่มีการจัดสรรไปแล้วอีกราว132,300 ล้านบาท โดยจะมีการ ‘เกลี่ยงบฯ’ ที่จัดสรรไปแล้วให้กับหน่วยราชการต่างๆ เพื่อดึงมาใช้ในโครงการนี้แทน
ปัญหาที่ทำให้ถึงทางตันมาจากงบฯในส่วนที่จะต้องไปปรับลดและเกลี่ยจากหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไปแล้ว เพื่อนำมารวมกองให้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะปรากฏว่าในชั้นกรรมาธิการงบประมาณที่มีการแปรงบฯ ไม่สามารถขอเกลี่ยงบฯมาได้ และต้องไปใช้วิธี ‘ดึง’ มาจากงบกลางที่จัดสรรไว้จัดการหนี้ภาครัฐ โดยมีการขอปรับลดการจ่ายหนี้ที่คงค้างอยู่กับ สถาบันการเงินของรัฐ 5 แห่ง ในวงเงินราว 3.5 หมื่นล้านบาทมาเพิ่มในงบกลาง
เม็ดเงินจะมาจากการ ‘ลดการจ่ายหนี้คืน’ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. จำนวน 31,322 ล้านบาท ธนาคารออมสิน 2,682 ล้านบาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 592 ล้านบาท ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย SMEd Bank 330 ล้านบาท และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย EXIM Bank อีก 72 ล้านบาท
เมื่อรวมเม็ดเงินที่หามาได้ในตอนนี้จึงมีเพียง 187,700 ล้านบาท จากกรอบวงเงินงบประมาณเดิมที่ตั้งไว้ 285,000 ล้านบาท ยังขาดอยู่อีกสูงถึง 97,300 ล้านบาท ที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะเกลี่ยงบฯมาจากไหน เพื่อให้เพียงพอที่จะแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้กับคนที่เหลือ
ยิ่งไปกว่านั้น หากรัฐบาลมีสมมุติฐานว่าจะมีคนที่สิทธิ์ได้รับแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 45 ล้านคน หากใช้งบในปี 2567 ได้ทัน โดยแจกให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มพิการไปก่อน 14.5 ล้านคน ก็หมายความว่า ยังเหลือคนที่รอแจกในเฟสต่อไปในปี 2568 อีกถึงราว 30.5 ล้านคน แต่มีงบฯที่จัดสรรมาได้เพียง187,700 ล้านบาท หรือ ราว 18.77 ล้านคน ยังขาดอีกถึง 117,300 ล้านบาท หรือ ราว 11.73 ล้านคน
ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลที่ ‘ไหม’ ศิริกัญญา ตันสกุล ตั้งคำถามว่า ชะตากรรมของคนที่เหลือที่ลงทะเบียนเอาไว้แล้ว 30 ล้านคน ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ผ่านสมาร์ทโฟน และที่กำลังจะลงทะเบียนเพิ่มสำหรับคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนอีกราว 15 ล้านคน จะเป็นอย่างไร
ทั้งหมดคงต้องรอฟังคำชี้แจงของคณะกรรมาธิการงบประมาณที่จะชี้แจงในสภาฯในระหว่างการประชุมในวันที่ 3-5 กันยายนนี้ แต่ทั้งหมดดูเหมือน ยิ่งพยายาม ‘ดิ้นรน’ ที่จะทำโครงการนี้มากเท่าไร
นอกจากจะไม่สามารถ ‘ปลดล็อก’ เข็นโครงการให้ไปต่อได้ แต่กลับกลายเป็นยิ่งเดินลึกเข้าไปถึงทางตันมากขึ้นทุกที ยิ่งพยายาม ‘เปลี่ยนปก เปลี่ยนเนื้อ’ กันรายวัน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็น ‘กระสุนด้าน’ที่ยิงไม่เข้าเป้าไม่ตอบโจทย์ทั้ง 3 ข้อของ พ่อนายกฯไปเสียแล้ว