นาทีนี้ใครต่อใครต่างเชื่อโดยสนิทใจว่า พรรคก้าวไกล ต้องถูกยุบแน่ๆ บ้างบอก 1,000% บ้างยังเผื่อเอาไว้หน่อย 99% แต่จับอารมณ์ดูแล้วต่างให้น้ำหนักไปทางเดียวกันหมดว่า งานนี้คงไม่รอด ไม่ต่างอะไรกับผีถึงป่าช้า ไม่เผาก็ต้องฝัง ประมาณนั้น
เหลือแต่รอเวลาว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
บางรายบอกคงไม่ต้องไปสืบเสาะอะไรกันใหม่ให้เสียเวลาอีก สามารถต่อยอดจากคำวินิจฉัยวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา แล้วตัดสินกันไปได้เลย เพราะเป็นความผิดชัดเจนตามที่ได้วินิจฉัยเอาไว้ อีกทั้งมีคำว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันกับทุกองค์กร ประทับตรารองรับเอาไว้ด้วย
จึงไม่มีทางเป็นอย่างอื่นสำหรับก้าวไกล ต้องถูกยุบพรรคสถานเดียวเท่านั้น
บางคนดูเหมือนจะใจร้อนกว่า บอกทุกอย่างน่าจะจบลงในเดือนพฤษภาคมนี้ แถมมองไม่เห็นจะมีข่าวดีตรงไหนให้กับพรรคก้าวไกล และดีไม่ดีอาจเล่นเกมเร็ว ชนิดที่ไม่เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกล ได้โชวร์ผลงานอภิปรายรัฐบาลส่งท้ายที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ด้วยซ้ำ
ความเห็นอย่างหลังนี้ดูจะเร็วเกินงามไปสักหน่อย
แต่บางรายบอกเรื่องยุบพรรคกก้าวไกล เป็นคนละคำร้องกับกรณีมาตรา 112 ดังนั้น เมื่อเป็นคำร้องใหม่ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ว่ากันตามขั้นตอนต่าง ๆ ใหม่หมด ซึ่งอย่างหลังนี้จะทำให้พรรคก้าวไกล มีเวลาหายใจหายคอ ไปวางแผนออกแบบชีวิตได้อยู่บ้าง
จาก ‘ปุจฉา’ ข้างต้นที่ว่า ถามไถ่ผู้รู้ในแวดวงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ได้รับการ ‘วิสัชชนา’ ที่พอเห็นแนวทางคำตอบได้อยู่บ้างว่า
1.คดีนี้จะไม่รวดเร็วเหมือนกรณีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ เพราะต่างสถานการณ์ และต่างอารมณ์กัน
2.เป็นกฎหมายคนละฉบับกัน โดยบางความผิดอยู่ในรัฐธรรมนูญ และบางความผิดอยู่ในกฎหมายลูก ดังนั้น จะเอาการยุบพรรคใดพรรคหนึ่งในอดีตมาเป็นตัววัดไม่ได้ เช่นเดียวกับความผิดที่แยกไว้ในที่หนึ่ง ก็ไม่สามารถเอามาใช้กับอีกที่หนึ่งได้เช่นกัน
3.ต้องให้โอกาสในการต่อสู้ ชี้แจงข้อเท็จจริง แม้จะไม่ต้องมีการสืบเสาะอะไรมากมายก็ตาม แต่จะเร็วมากน้อยขนาดไหนยังไม่สามารถบอกได้ เพราะยังไม่ได้เห็นคำร้อง
ฟังอย่างนี้แล้ว คนใน ‘พรรคสีส้ม’ คงผ่อนคลายหายขาสั่นลงไปเยอะ เพราะอย่างน้อยยังมีโอกาศได้ต่อสู้ แถมได้ลุ้นต่อว่าความผิดตามรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไปนั้น อาจไม่เข้าลักษณะยุบพรรคตามที่กฎหมายลูกกำหนดไว้ก็ได้
สถานการณ์ของพรรคก้าวไกลชั่วโมงนี้ จึงไม่ได้อยู่ในภาวะ ‘ผีถึงป่าช้า’ อย่างที่พูดกัน แต่เป็นผีที่ยังไปไม่ถึงป่าช้า