จับกลุ่มทุน ‘เศรษฐีใหม่’ ปลดล็อก รถเก่า – งานศิลป์ - โทเคน

การประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์ที่ผ่านมา (12 มีนาคม 2567) ซึ่งมีสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอาจจะดูเงียบเหงาเป็นพิเศษ เนื่องจาก เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ผ้าขาวม้าหลากสี ยังคงปฎิบัติภารกิจการเดินสายอยู่ที่ เยอรมัน และฝรั่งเศส จึงทำให้สื่อไม่ค่อยให้ความสนใจกับผลการประชุม และมติคณะรัฐมนตรีที่ออกมาสักเท่าไรนัก

แต่หากไปพลิกดูมติ ครม.ที่สำคัญ ๆ จะพบว่ามีหลายเรื่องที่น่าสนใจ และสะท้อนวิธีคิดของรัฐบาลชุดนี้ที่ต้องการเปิดเสรีภาคบริการของไทยในหลาย ๆ ด้าน เพื่อรองรับการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และบริการแห่งอนาคต    

นอกจากมติ ครม.เรื่องสำคัญคือ การรับหลักการร่าง พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีการปลอดล็อคในหลาย ๆ ด้าน ที่ดูจะเปิดกว้างในการขายแบบไม่กำหนดเวลา สถานที่ และ การผ่อนปรนเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยให้เหตุผลหลักๆเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว 

ในการประชุม ครม.คราวนี้ยังมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอในการดำเนินมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (ClassicCars)

ส่วนของมาตรการส่งเสริมงานศิลปะจะมีมาตรการส่งเสริมให้บรรดาเศรษฐีที่นิยมสะสมงานศิลปะและภาพเขียน สามารถนำค่าซื้องานไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทในปีภาษี สำหรับการซื้องานศิลปะ

นอกจากนี้ยังมีมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะให้ศิลปินผู้ผลิตงาน สามารถเป็นหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย ตามมาตรา 40(6) ได้เพิ่มขึ้น จาก 30% เป็น 60% ของมูลค่าชิ้นงาน รวมทั้งจะมีมาตรการยกเว้นภาษีนำเข้างานศิลปะที่มีการนำมาเพื่อจัดแสดง

ทั้งหมดเพื่อส่งเสริมกิจกรรมด้านการซื้อขายงานศิลปะในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้ศิลปินในประเทศไทยผลิตงานศิลปะ และประเทศไทยจะมีทุนทางวัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งช่วยส่งเสริมแนวคิดในส่งเสริมการจัดแสดงงานศิลปะระดับประเทศและระดับนานาชาติในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวขยายตัวทางอ้อมไปด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ซึ่งคาดว่ามีศักยภาพในการขยายตัวโดยการใช้ทุนวัฒนธรรมกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน ภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เช่น ภาคการท่องเที่ยว แฟชั่น การออกแบบ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ โดยจะยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์โบราณ (Classic Cars) และเปลี่ยนมาจัดเก็บในรูปภาษีสรรพสามิตแทน

ครม.ยังมีมติเห็นชอบในหลักการที่ จะออกมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัล (Digital Token) เพื่อการลงทุนตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยจะยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินส่วนแบ่งกำไรหรือเงินปันผล หรือผลประโยชน์อื่นที่ได้ถือหรือครอบครองโทเคนเพื่อการลงทุน พร้อมทั้งหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 โดยไม่ต้องนำเงินดังกล่าวมาคำนวณภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

คงต้องยอมรับว่า กรอบความคิดของรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีมาจากนักธุรกิจ จะมีมุมมองในเชิงเปิดเสรีมากกว่ารัฐบาลที่มาจากทหาร ข้าราชการ หรือแม้แต่จากนักการเมือง

เฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งหากเราพยายามปะติดปะต่อ ‘จิ๊กซอว์’ ชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมว่า นายกฯเศรษฐา และพรรคเพื่อไทย กำลังจะนำพาประเทศไทยไปในทิศทางไหน เราจะพบว่ามันคือการสานต่อความฝันของ ‘โทนี่ ’ ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณของพรรค ที่เพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เชียงใหม่ ในการที่จะ ‘ปักหมุด’ ประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ต้น ๆ ของอาเซียน โดยมีสิงคโปร์ เป็นทั้งต้นแบบและคู่แข่งที่ต้องเอาชนะในหลาย ๆ ด้าน 

การประกาศวิสัยทัศน์ IGNITE Thailand ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่ง และศูนย์กลางทั้ง 8 ด้านของอาเซียน  คือ หมุดหมายสำคัญ ซึ่งจะเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งสำคัญของไทย ที่หวังจะพลิกโฉมจากประเทศที่เน้นการผลิตเพื่อส่งออกไปสู่ ประเทศที่จะเน้นภาคบริการ หรือการท่องเที่ยว ซึ่งได้กลายเป็นจุดแข็ง และเป็นความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยในอนาคต 

เพราะเหตุนี้ เราจะเห็นภาพของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่จะมุ่งไปสู่การเปิดเศรษฐกิจเสรีภาคบริการ โดยมีอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นแกนกลาง ต่อยอดขยายไปสู่ภาคบริการด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร ในทุกเซกเม้นท์ ตั้งแต่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ กาสิโน ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ กิจกรรมคอนเสิร์ต สปอร์ต เอนเตอร์เทนเม้นท์ งานแสดงสินค้า ศิลปะ มิวเซียม ไปจนถึง ศูนย์สุขภาพ ซึ่งทั้งหมดจะตอบโจทย์ในการสร้างกลุ่มทุนรุ่นใหม่ที่อยู่ภายใต้เครือข่ายของพรรคเพื่อไทย...