ปฏิรูปตำรวจ ต้องเปลี่ยนฝ่ายการเมืองก่อน

28 มีนาคม 2567 - 08:07

economy-royal-thai-police-SPACEBAR-Hero.jpg
  • สงครามสีกากีของ 2 นายพลใหญ่ จบเหมือนไม่จบ

  • บนเวที กอดรัด โอบเอว สมานฉันท์ ทุกอย่างจบแล้ว แต่เบื้องหลังยังคุกรุ่น

  • แนวคิดการปฎิรูปตำรวจ เริ่มกลับมาอีกครั้ง

ทุกครั้งที่มีปัญหาเกิดขึ้นในวงการตำรวจ ไม่ว่าจะเกิดจากตำรวจกับประชาชนหรือตำรวจกับตำรวจด้วยกันเอง อย่างที่ตกเป็นข่าวฉาวอยู่เวลานี้ ที่ ผบ.ตร.กับ รองผบ.ตร.เปิดศึกกัน จนถูกย้ายไปช่วยราชการทำเนียบรัฐบาลทั้งคู่

แม้การย้ายจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง แต่ดูเหมือนปัญหาจะไม่จบ ทั้ง ๆ ที่ ‘กอดกันแล้ว บอกละครเลิกแล้ว’ แต่ยังใช้สงครามตัวแทนฟาดฟันกันต่อ จนทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรที่แย่อยู่แล้ว เสียหายหนักเข้าไปอีก ไม่ต่างอะไรกับองค์กรอาชญากรรมดี ๆ นี่เอง

เวลาตำรวจมีปัญหากันที ก็มักจะพูดถึงเรื่องปฏิรูปกันทีหนึ่ง พอเรื่องซาก็ปล่อยให้เงียบหายเข้ากลีบเมฆไป เป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ ทั้ง ๆ ที่การปฏิรูปตำรวจได้ถูกนำมาปัดฝุ่น เริ่มลงมือทำอย่างจริงจังอีกครั้งในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่ยังเป็นรัฐบาล คสช.ซึ่งใช้เวลาร่วม 9 ปี

แต่การปฏิรูปยังทำแบบ ‘ลูบ ๆ คลำ ๆ’ ไม่สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในองค์กรตำรวจได้ สาเหตุเพราะหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่การปฏิรูปผ่านผลการศึกษาและยกร่างกฎหมายขึ้นมานั้น ถูกนำไปปรับรื้อแก้ไขในชั้นของตำรวจ จนไม่เหลือเค้าโครงการปฏิรูปเดิมให้เห็น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีการแตะเรื่องโครงสร้าง ที่รวมศูนย์ทุกอย่างไว้ที่ส่วนกลางทั้งหมด

ดังนั้น แม้จะมี พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ออกมาบังคับใช้แล้ว ก็ไม่สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาตำรวจที่เป็นกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำได้ เรื่องนี้ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการตำรวจมานานอย่าง ‘พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร’ เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ถึงกับปรามาสว่า 

อย่าไปหวังว่าการปฏิรูปตำรวจจะเกิดขึ้นได้ในยุคนี้

เพราะผู้ที่จะทำเรื่องนี้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจ คือ นายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน นอกจากจะไม่เข้าใจเรื่องการปฏิรูปและคำว่าสังคายนาแล้ว ยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มีอำนาจเต็ม จึงหวังได้ยากที่จะให้ทำเรื่องการปฏิรูปตำรวจ

พ.ต.อ.วิรุตม์ ได้แจกแจง 4 เรื่องหลัก ที่เป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปตำรวจไว้ คือ 

หนึ่ง ให้ลดการใช้ยศแบบทหาร เพราะตำรวจมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขประชาชน ไม่ใช่ไปออกรบ 

สอง นำตำรวจไปขึ้นกับจังหวัด ให้ผู้ว่าฯ ให้คุณให้โทษกับตำรวจได้ 

สาม กระจายหน่วยตำรวจเฉพาะทาง ไปอยู่ตามหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนั้น ๆ เช่น ตำรวจท่องเที่ยว ไปอยู่กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตำรวจที่ปราบปราบอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ไปอยู่กับกระทรวงการคลัง เป็นต้น 

สี่ ให้มีอำนาจสอบสวนควบคู่กันไป รวมทั้งให้พนักงานอัยการเข้ามามีอำนาจสอบสวนคดีสำคัญ ๆ ร่วมกับตำรวจด้วย

และที่สำคัญไม่ควรให้มีตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นอดีตตำรวจหรือผู้ที่เป็นตำรวจอยู่ปัจจุบันเข้ามาปฏิรูปตัวเอง เพราะจะทำให้การปฏิรูปไม่สามารถเกิดขึ้นได้

สุดท้ายแม้การปฏิรูปตำรวจที่วันนี้ไม่ใช่แค่ถึงเวลา แต่ได้เลยเวลามานานแล้วนั้น ในมุมมองของ พ.ต.อ.วิรุตม์ เห็นว่า 

ยังสามารถทำได้อยู่ นั่นคือให้ผู้มีอำนาจจากฝ่ายการเมืองเป็นคนเข้ามายกเครื่องใหม่ หากไม่ใช้คำว่าปฏิรูปหรือสังคายนา

เพียงแต่ตอนนี้ ยังไม่เห็นพรรคไหนในรัฐบาลที่มีนโยบายปฏิรูปตำรวจ ดังนั้น จึงต้องรอการเลือกตั้งครั้งหน้า หากมีพรรคการเมืองไหนมีนโยบายปฏิรูปตำรวจก็ให้เลือกพรรคนั้นเข้ามาเป็นรัฐบาล

วันนี้การปฏิรูปตำรวจยังไม่สายเกินเพล เพียงแต่ต้องเปลี่ยนฝ่ายการเมืองก่อน หลังการเลือกตั้งได้รัฐบาลที่มีนโยบายปฏิรูปตำรวจแล้ว ค่อยมาสังคายนาวงการสีกากีกันเอาตอนนั้น

ข่าวที่น่าสนใจ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์