ใครเอ่ย มีแต่ใจ ฝีมือไม่มี • กกต. ควักใบแดง สอย สส.ภูมิใจไทย

28 ธ.ค. 2566 - 09:02

  • ใครเอ่ย มีแต่ใจ ฝีมือไม่มี การสวนกลับนายกฯ เศรษฐา ของแฟนคลับทีมปีศาจแดง

  • กกต. ควักใบแดงแรกหลังการเลือกตั้ง สอย สส. ภูมิใจไทย ส่งท้ายปี 2566

DEEP-SPACE-20-SPACEBAR-Hero.jpg

ใครเอ่ย มีแต่ใจ ฝีมือไม่มี

สำหรับคนที่เป็นคอการเมืองและเป็นแฟนบอลของทีมสุดรักในดวงใจชนิดเข้าเส้นเลือดจะทราบดีว่า ถึงแม้พรรคการเมืองหรือ ทีมฟุตบอลที่เรารักจะโชว์ผลงาน ‘ห่วยแตก’ หรือหลุดฟอร์มขนาดไหน ก็คงไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆ

หากคู่อริในสนามการเมืองหรือสนามบอลจะมาประทุษร้ายด้วยวาจา ‘เชือดเฉือน’ กันในที่สาธารณะ เพราะเรื่องแบบนี้กลายเป็นชนวนเหตุ ให้ คน ‘ฆ่ากันตาย’ ก็มีมามากแล้ว

เพราะอย่างนี้อาการ ‘หัวร้อน’ ชนิด ‘อุณหภูมิร้อนปรอทแตก’ จึงบังเกิดกับบรรดาสาวกปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปตาม ๆ กัน  เมื่อจู่ ๆ คนระดับนายกรัฐมนตรี แฟนพันธุ์แท้ของ ทีมเครื่องจักรสีแดง Red Machine เศรษฐา ทวีสิน คู่อริตลอดกาล จะออกมาวิจารณ์ฟอร์มของทีมรักแบบไม่เกรงอกเกรงใจ แถมยัง ‘หยามยัน’ กันเสียขนาดนี้ 

นายกฯ เศรษฐา ลงไปพูดคุยกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลแบบเป็นกันเองเมื่อวานนี้ (27ธันวาคม 2566) โดยในบางช่วงบางตอน ผู้สื่อข่าวชวนคุยถึงตารางคะแนนศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หลังทีมโปรดของนายกฯ อย่าง ลิเวอร์พูล บุกเอาชนะเบิร์นลีย์ ไป 2:0 ทะยานขึ้นจ่าฝูงชั่วคราว 

อาจเป็นเพราะมีบรรดาผู้สื่อข่าวหลายคนก็เป็นแฟนบอลทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด นายกฯ เศรษฐาก็อดไม่ได้ที่จะแซว **‘เด็กผี’**ไปแบบเจ็บ ๆ แสบ ๆ ว่า

‘แมนยูฯมีแต่ใจอย่างเดียว ฝีมือไม่ค่อยมี’

เท่านั้นยังไม่พอยังไปวิจารณ์ฟอร์มการเล่นของผีแดงอีกว่า ทำไมถึงต้องให้กองกลางตัวรับมาทำประตู แถมเหน็บแนมต่ออีกว่าแมนยูฯ เป็นทีมที่มีมูลค่าเป็นแสนล้าน แต่มีกองหน้าชื่ออะไรใครรู้บ้าง ซึ่งไม่มีใครรู้ ‘ฮอยลุนด์’ กองหน้าที่ยิงได้เมื่อคืน ดีใจจนร้องไห้ 

บรรดาสาวกปีศาจแดง ที่เป็นคอการเมือง ได้ยินอย่างนี้ก็เลยอดไม่ได้ที่จะ ‘สวนกลับ’ ว่า ใครกันแน่ที่มีแต่ใจอย่างเดียว ฝีมือไม่ค่อยมี และ เปรียบเปรยว่าตัวนายกฯ เศรษฐาเอง ถึงจะมีบัญชีทรัพย์สินมั่งคั่งระดับพันล้าน แต่ถามชาวบ้านดูซิ มีใครรู้บ้างว่า รัฐบาลชุดนี้มีใครเป็นศูนย์หน้า หรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะถึงแม้จะง้างเท้า ‘สับไก’ ยิงไปแล้ว ก็ยังทำประตูไม่ได้สักประตู ไม่ว่าจะเรื่องแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต หรือ เรื่องค่าแรง 400 บาท

ย้อนกลับเอาแบบ แสบ ๆ คันๆ แบบนี้ คงทำให้นายกฯ เศรษฐา ทุกข์ใจไม่น้อย และช่วงวันหยุดปีใหม่ที่จะไปพักผ่อนที่หัวหิน คงต้องไปนอนคิดเป็นการบ้านว่าจะแก้เกมอย่างไร ที่จะพลิกฟอร์มนรกให้กลับมาได้เสียที

คงต้องยอมรับว่า การเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในคราวนี้ คนส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และด้วยชื่อชั้นของ นายกฯ เศรษฐา ที่เคยเป็นถึงเจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทยอย่าง แสนสิริ ก็น่าจะมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ตัวเองเห็นว่าวิกฤตให้ฟื้นตัวกลับมา

ก่อนหน้าจะเข้ามาเป็นรัฐบาล นายกฯ เศรษฐา พร่ำบอกหลายครั้งว่า เศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤติ ถึงขนาดจำเป็นต้องมีมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ด้วยการแจกเงินประชาชนผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และต้องการจะแก้ไขอีกสารพัดปัญหาทางเศรษฐกิจ 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลดรายจ่าย โดยการตรึงราคาพลังงาน ทั้งไฟฟ้า และน้ำมัน หาทางเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยการผลักดันให้มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และเงินเดือนปริญญาตรี รวมทั้งขยายตลาด โดยการทำตัวเป็นเซลล์แมนอย่างที่เป็นอยู่

แต่ช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เรากลับเห็นบทบาทเด่นเพียงอย่างเดียวของนายกฯ เศรษฐาในฐานะ ‘เซลล์แมน แสตนด์ชิน​’ ที่เดินสาย ‘โรดโชว์’ บินไปเปิดตลาดการค้าและการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก 

ในที่สุดปี 2566 ปีกระต่ายที่กำลังจะผ่านไป จากเดิมที่เราเคยคาดหวังว่า GDP หรือ เศรษฐกิจไทยน่าจะมีอัตราการเจริญเติบโต ได้ไม่ต่ำกว่า 3-4% แต่สุดท้ายก็ทำท่าจะโตได้เพียงแค่ประมาณ 2.4-2.5% 

ถึงแม้จะอธิบายได้ว่า เศรษฐกิจไทยโดนผลกระทบจากปัญหาเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ จากกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือ สงคราม อิสราเอล-ฮามาส และปัญหาเศรษฐกิจของจีน แต่หากดูแนวโน้มภาพใหญ่เศรษฐกิจโลกก็เริ่มฟื้นตัว และรัฐบาลกลางหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และเริ่มส่งสัญญาณเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย

ตอบแบบตรงไปตรงมา ต้องยอมรับว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทย ยังมีการฟื้นตัวช้า เปราะบาง และมีความไม่แน่นอน ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากรัฐบาลของนายกฯ เศรษฐาเองโดยตรง เนื่องจากมีการฟอร์มรัฐบาลได้ช้าและยังไม่สามารถผลักดันมาตรการด้านเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ได้ตามที่ตั้งใจไว้ 

พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 คาดว่าจะผ่านสภาฯ และมีเม็ดเงินออกมาก็น่าจะราวเดือนเมษายน ในขณะที่ พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ก็ยัง ‘ลูกผีลูกคน’ ต้องรอผ่าน 2 สภาฯ ในราวเดือนพฤษภาคม

ทั้งหมดจึงทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงตั้งแต่ไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2566 อยู่ในอาการซึมลง ไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากยังไม่มีเม็ดเงินออกมาจากภาครัฐ และยังหวังพึ่งรายได้จากการส่งออกไม่ได้ ต้องพึ่งพาแรงส่งจากการท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ก็เกิดอาการสะดุดจากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย  

เมื่อมองไปในปีมังกรทอง 2567 ปัญหาความเสี่ยงในเรื่องปัจจัยเศรษฐกิจจากภายนอก หลายฝ่ายเชื่อว่าไม่น่าจะแย่กว่าปีที่ผ่านมา โจทย์สำคัญจึงน่าจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารนโยบายของรัฐบาลนายกฯ เศรษฐาว่าจะนำพารัฐนาวา ฝ่าคลื่นพายุเศรษฐกิจไปได้ไกลแค่ไหน จะดีกว่าช่วงสามเดือนที่ผ่านมาหรือไม่  

ปี 2567 จึงจะเป็นบทพิสูจน์ที่แท้จริงของนายกฯ เศรษฐา ในบทบาทของการกำหนดและดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจว่าจะสามารถแก้วิกฤติเศรษฐกิจที่ตัวเองเชื่อว่าประเทศไทยกำลังประสบปัญหาอยู่ได้หรือไม่

ไม่อย่างนั้นอาจต้องตอบคำถามสังคมว่าใครเอ่ย?

‘มีแต่ใจอย่างเดียว ฝีมือไม่ค่อยมี’

กกต.ควักใบแดง ‘สอย’ สส.ภูมิใจไทย ส่งท้ายปี66

ถ้าผ่านพ้นปีนี้ไปแล้ว จะเหลือเวลาอีกไม่เกิน 5 เดือน สำหรับให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตามสอย สส.ที่ ‘ปล่อยผี’ เข้าสภาไปก่อน จำนวน 71 เขตเลือกตั้ง ซึ่งทั้งหมดมีเรื่องร้องคัดค้าน แต่ กกต.พิจารณาไม่ทันภายใน 60 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จึงต้องรับรองไปก่อน

กระทั่งเวลาผ่านไปนานจะร่วมปี กกต.ก็ยังเป็นเสือปืนฝืด ไม่มีการสอย สส.ที่รับรองไปก่อนแม้แต่รายเดียว จนมี สว.บางคนออกมากระทุ้งเป็นระยะ ๆ แต่ก็ไม่เป็นผล ได้รับการชี้แจงเพียงว่า กฎหมายเก่ากับกฎหมายใหม่แตกต่างกัน ของเดิมแค่ ‘มีเหตุอันควรเชื่อหรือสงสัย’ ก็แจกใบเหลือง ใบแดงได้

แต่ของใหม่ต้องมีหลักฐานแน่นหนาด้วยถึงจะเอาผิดได้ ประมาณนั้น

ทำให้ที่ผ่านมา กกต.จึงจัดการได้เฉพาะรายเล็กรายน้อย หรือมากหน่อยก็เป็นอดีตผู้สมัคร ที่ไม่ใช่ 71 สส.ในบัญชีร้องคัดค้านที่ปล่อยผีเข้าสภาไปก่อน

ล่าสุดมีรายงานว่า ที่ประชุม กกต.นัดส่งท้ายปี 2566 วันอังคาร 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีมติให้ใบแดง ‘มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล’ สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย ที่เอาชนะ ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ ลูกสาวนายชินวรณ์ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ เข้าสภาไปได้ และเป็นหนึ่งในสองเขตของภูมิใจไทย ที่ตอกเสาเข็มลงในพื้นที่ จ.นครศรธรรมราช ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า สส.มุกดาวรรณ ถูกร้องคัดค้านเรื่องการแจกเงินไปลงคะแนนให้ตัวเอง หัวละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 25,000 บาท และยังแจกเงินไปฟังการปราศรัยด้วย โดยขั้นตอนหลังจากนี้ กกต.จะส่งคำร้องไปยังศาลฎีกา เพื่อดำเนินการต่อไป 

ทั้งนี้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 138 บัญญัติไว้ว่า

‘ภายหลังประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง หรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น ให้คณะกรรมการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น’

และที่สำคัญคือ กฎหมายกำหนดเรื่องการ ‘หยุดปฏิบัติหน้าที่’ เอาไว้หลังศาลรับคำร้องไว้พิจารณาด้วย ซึ่งอยู่ในวรรคท้ายของมาตรา 138 ระบุไว้ว่า

‘เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ถ้าผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ผู้นั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่าผู้นั้นมิได้กระทำความผิด ในกรณีที่ศาลฎีกาพิพากษาว่าบุคคลตามวรรคหนึ่งกระทำความผิดตามที่ถูกร้อง ให้ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น และในกรณีที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้สมาชิกภาพของผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้คณะกรรมการจัดให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง’

กรณีของ สส.มุกดาวรรณ จึงเป็นใบแดงแรกของ กกต.ที่แจกให้กับ สส.ที่รับรองเข้าสภาไปแล้วตามสอยในภายหลัง ส่วนจะมีรายอื่น ๆ ตามมาอีกหรือไม่ ยังมีเวลาให้ กกต.พิจารณาไปจนถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า

สำหรับ สส.มุกดาวรรณ หลังปีใหม่เมื่อ กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแล้ว ก็ต้องไปต่อสู้พิสูจน์ความจริงกันในศาล แต่ทันทีที่ศาลรับคำร้องไว้ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สส.จนกว่าจะมีคำตัดสินออกมา และระหว่างนั้น พรรคภูมิใจไทย ที่มี สส.ในสภา 71 เสียง ก็จะหายไปหนึ่งเสียง

สุดท้ายหากต้องมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้นในเขตเลือกตั้งที่ 8 จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งประกอบไปด้วย อำเภอนาบอน อำเภอช้างกลาง อำเภอฉวาง และอำเภอพิปูน ก็จะเป็นโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่จะได้พิสูจน์ศรัทธาคนภาคใต้ที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้อรอนานถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์