ตลาดหุ้นไทย หมดยุค ‘ซึมเศร้า’

9 ก.ค. 2567 - 10:43

  • ตลาดหลักทรัพย์ ฯ กำลังจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง

  • หลังจากช่วงที่ผ่านมา ต้องพบกับวิกฤตมากมาย นักลงทุนถอดใจ

  • ผู้บริหารตลาดฯ ชุดใหม่ถูกคาดหวังให้พลิกฟื้นสถานการณ์โดยเร็ว

economy-set-stock-fall-thailand-investment-SPACEBAR-Hero.jpg

ช่วงสัปดาห์นี้ดูเหมือน ตลาดหุ้นไทย เริ่มมีบรรยากาศที่ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และเริ่มเห็นสัญญาณบวกในทางเทคนิคที่ไปในทางบวก สะท้อนจากระดับดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นมายืนอยู่เหนือระดับ 1,320 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง

ถึงแม้มูลค่าการซื้อขายจะลดลงมาอยู่ในระดับวันละ 3-4 หมื่นล้านบาท แต่ก็เป็นผลมาจากแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่เกิดจากการขายแบบ ‘ชอร์ตเซล’ ที่ไม่พึงปรารถนา ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ามาตรการ UPTICK RULE หรือกฎที่กำหนดให้ขาย SHORT SELL หรือการยืมหุ้นมาขายในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย

พร้อมมาตรการควบคุมโปรแกรมการซื้อขายหรือ ROBOT TRADE ที่หวังจากสกัดการ ‘ชอร์ตเซล’ ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีของตลาดหุ้นในหลายด้าน

ที่เห็นได้ชัดก็ช่วย ‘หยุดเลือด’ ให้กับบรรดาเจ้าของหุ้นที่เคยเดินเกมผิดพลาด ‘หลง’ ไปติดกับดักของกองทุนหรือโบรกเกอร์ต่างชาติ ‘ตัวแสบ’ บางรายจากการเอาหุ้นของตัวเองไป ‘ตึ๊ง’ หรือวางค้ำประกัน เพื่อเอาเงินออกมาสร้างราคาซื้อหุ้นของตัวเองหรือบริษัทในกลุ่มร่วมกับเจ้ามือ **‘ขาใหญ่’**ในตลาดบางราย แต่กลับโดน ‘ดัดหลัง’ เมื่อถูกถล่มขาย ‘ชอร์ตเซล’ จนราคาหุ้นของตัวเองร่วงติดฟลอร์ และต้องถูก ‘ฟอร์ตเซล’ ให้บังคับขายหุ้นตัวเอง จนบาดเจ็บปางตายไปตามๆกัน 

มาถึงนาทีนี้บรรยากาศการลงทุนที่เคย ‘ซึมเศร้า’ เริ่มกลับสู่ความคึกคักได้อีกครั้ง ดัชนีหุ้นบวกติดต่อกันมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว จนทำให้นักลงทุนต่างชาติซึ่งเคยเทขายหุ้นมาตลอด จำเป็นต้องกลับมาซื้อหุ้นคืนเพื่อ ‘Cover Short’ ลดการขาดทุน

ดัชนีหุ้นส่วนใหญ่เริ่มกลับเข้าสู่ปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็นมากขึ้น ประกอบกับเริ่มมี **‘สัญญาณบวก’**มาจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ปรับตัวลงมาที่ระดับ 4.3% จากความเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯน่าจะเริ่ม ‘ลดอัตราดอกเบี้ย’ ลงในเร็วๆนี้ ซึ่งน่าจะทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้ใหม่อีกครั้ง

คงต้องยอมรับว่า ผลจากการปรับมุมมองของตลาดหลักทรัพย์ฯในการกำหนดนโยบายกำกับธุรกรรมการซื้อขายให้เท่าทันกับกลยุทธ์ของนักลงทุนต่างชาติ ที่อาศัยเทคนิคของการ ‘ชอร์ตเซล’ และใช้โปรแกรมการซื้อขายหรือ Robot Trade มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ความปั่นป่วนที่เคยเกิดขึ้นในตลาดหุ้นก่อนหน้านี้คลี่คลายลง

มาตรการฟื้นฟูตลาดหุ้น เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ถึงแม้จะ ‘มาช้าก็ดีกว่าไม่มา’ และเริ่มเห็นผล จนทำให้นักลงทุนต่างชาติที่เคยถล่มขายหุ้นตลาดหุ้นไทย จนดัชนีทรุดหนักลงไปกว่า 100 จุด จากต้นปีเริ่มปรับมุมมองใหม่และ ‘ทยอยกลับ’ มาซื้อหุ้นแล้ว
รายการ SHORT SELL ซึ่งเดือนมิถุนายนมีสัดส่วนเฉลี่ย 12.88% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ลดฮวบลงมาเหลือเพียง 3-5% เช่นเดียวกับสัดส่วนของ ROBOT TRADE ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมูลค่าซื้อขายเหลือเพียงราว 35 % ของมูลค่าซื้อขายรวม 
การเล่น ‘หุ้นขาลง’ ของบรรดากองทุนและโบรคเกอร์ต่างชาติ โดยการขาย ‘ทุบราคา’ ไม่ว่าการขาย SHORT หรือการทำ NAKED SHORT คือการขายโดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์อาจตรวจสอบไม่พบ และเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ดัชนีหุ้นปักหัวลงกำลังปิดฉากลง

จากนี้ไปคงต้องจับตามองว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯใน ‘ยุคผลัดใบ’ ที่มีทั้งประธานกรรมการ คือ ‘กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์’ กรรมการกรรมการตลาด **‘วราห์ สุจริตกุล’**และกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ ‘อัสสเดช คงสิริ’ ที่กำลังจะเข้ามาพร้อม ๆ กัน จะมีการเร่งออกมาตรการกระตุ้นตลาดหลักทรัพย์ฯในด้านอื่นตามมาได้เร็วขนาดไหน เพื่อให้สอดคล้องกับ ‘โมเมนตัม’ ที่กำลังเริ่มเหวี่ยงขึ้นไปในทิศทางที่ดีขึ้น 

นอกเหนือจากการเร่งผลักดันการ ‘ปรับเปลี่ยน’ รูปแบบของกองทุน Thai ESG กองทุนลดหย่อนภาษีที่ลงทุนในหุ้นยั่งยืน ซึ่งจะเพิ่มวงเงินในการซื้อเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 30% โดยซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาท พร้อมทั้งลดเวลาการถือครองลงเหลือเพียง 5 ปี ที่คาดว่าจะช่วย ‘กระตุ้น’ ให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้นแล้ว

การปัดฝุ่นนำ ‘กองทุนวายุภักษ์’ กลับมาใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นตลาดหุ้นก็น่าจะเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะกระตุ้นให้ตลาดหุ้นที่เป็นตลาดแห่งความคาดหวังฟื้นชีพกลับมาสู่ ‘ขาขึ้น’ ได้อีกครั้ง...

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์