วันพรุ่งนี้ 14 มิถุนายน 2567 จะมีการประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ นัดสำคัญ เพราะคาดว่าจะมีการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่จะมาทำหน้าที่ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนที่ 14 ที่จะมาแทน ‘ภากร ปีตธวัชชัย’ ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้
ซึ่งในโค้งสุดท้ายปรากฏชื่อ ‘แคนดิเดต’ ในการชิงตำแหน่งเหลือเพียงสองคน คือ ‘กวาง อัสสเดช คงสิริ’ หัวหน้าทีมที่ปรึกษาทางการเงิน ‘ดีลอยท์ ประเทศไทย’ ที่ยืนเป็นเต็งหนึ่ง และอีกรายคือ ‘อัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์’ อดีต CEO บริษัทเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ซึ่งคาดว่าจะถูกปัดตกในนาทีสุดท้าย
ในขณะที่ชื่อของ ‘แมนพงศ์ เสนาณรงค์’ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ‘หลุดโผ’ ในรอบสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่เคยยืนเป็นเต็งหนึ่งมาตั้งแต่แรก และทำให้ล่าสุดเจ้าตัวตัดสินใจยื่นใบลาออกหลังจากทราบผลอย่างไม่เป็นทางการ
‘อัสสเดช คงสิริ’ ต้องยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดเงิน-ตลาดทุนของไทยคนหนึ่ง โดยปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีมที่ปรึกษาทางการเงิน ของ ดีลอยท์ ประเทศไทย หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมายและการเงินระดับโลก มีประสบการณ์ในแวดวงตลาดทุนมากว่า 30 ปี ในการทำงานกับองค์กรขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในด้านวานิชธนกิจ (Investment Banking) โดยเฉพาะในเรื่องการควบรวมกิจการ (M&A)
อัสสเดช ยังเคยดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ‘บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด’ ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการทางการเงินหลากหลายประเภท รวมถึงการซื้อขายหลักทรัพย์ การให้คำปรึกษาด้านการลงทุน และการบริหารจัดการสินทรัพย์ และเคยเข้าไปมีบทบาทในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการเดินหน้าแผน ‘ฟื้นฟูกิจการ’ ในช่วงที่การบินไทยประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก และก่อนหน้านั้นก็เคยเคยทำงานอยู่กับธนาคารแห่งอเมริกา (Bank of America), J.P. Morgan, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ด้านประวัติการศึกษา อัสสเดช จบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (University of Manchester) และจบ MIT Sloan School of Management MBA, Financial Management
ในขณะที่คู่แข่งอีกคน คือ ‘อัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์’ เคยดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด บริษัทผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG) ในเครือของกลุ่มแสนศิริ ที่ออกเสนอขาย ‘SiriHub Token’ เพื่อการลงทุนตัวแรกในประเทศไทย และเคยเป็นประธานสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO
หากพิจารณาจาก ‘โปรไฟล์’ ของทั้งคู่จะเห็นได้ชัดเจนว่า มีความถนัดและเชี่ยวชาญต่างกัน แต่มีกระแสข่าวว่า ชื่อของ ‘อัฎฐ์’ เป็นเพียง ‘ตัวหลอก’ และมีแนวโน้มว่าคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่ ‘อัสสเดช’มากกว่า
เนื่องจากมองว่ามีความชำนาญและประสบการณ์ในตลาดทุนมายาวนาน และเหมาะที่จะเข้ามาในสถานการณ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังเผชิญความ **‘ท้าทาย’**ในเรื่องของความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่จำเป็นต้องได้คนที่ชำนาญด้านกฎหมาย ที่จะมากำหนดระเบียบ กติกาต่างๆเพื่อปิดช่องโหว่ในเรื่องของการทำธุรกรรมซื้อขายที่มีปัญหาจนทำให้นักลงทุนเสียหายเหมือนที่ผ่านมา
ถึงแม้ ‘อัฎฐ์’ อาจะดูเหมือนมี ‘จุดแข็ง’ ในเรื่องของความรู้ในด้านสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ก็มี ‘จุดอ่อน’ เพราะมี ‘แบ็คกราวน์’ ที่มาจากกลุ่มแสนศิริ ที่นายกฯเศรษฐา ผ้าขาวม้าหลากสี เคยเป็นบอสใหญ่อยู่ จึงอาจจะเป็น ‘เป้า’ ของการวิพากษ์วิจารณ์ ในเชิงลบและจะถูกมองว่าเป็น ‘สายตรง’ ที่มาจากฝั่งการเมือง
ทั้งหมดคงต้องรอผลการตัดสินของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ในวันพรุ่งนี้ แต่ถึงนาทีนี้เชื่อกันว่า ‘อัสสเดช’ น่าจะเป็นชื่อที่มาแรง และน่าจะ ‘เข้าวิน’ ได้รับเลือกให้รับตำแหน่ง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 14 อย่างแน่นอน
ต้องยอมรับว่า กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ จะต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้านที่กำลังถาโถมเข้ามา และการบ้านแรกที่สำคัญที่สุด คือ การปลุกความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ฟื้นกลับมา หลังจากตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในอาการ ‘ซึมเศร้า’ มาอย่างยาวนาน...