‘ใครที่ไม่ชอบก็ต่างคนต่างอยู่ไป’
คำพูดแบบเย้ยฟ้าท้าดินของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ในวันสุดท้ายของทริปการเดินทาง ‘ปิ๊กบ้าน’ จ.เชียงใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นอกมั่นใจเต็มที่กับภารกิจใหญ่อันได้รับมอบหมายจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ให้มาหยุดความร้อนแรงของพรรคก้าวไกล
จึงนำไปสู่การออกตัวเร็วและแรงของทักษิณที่ จ.เชียงใหม่ ชนิดที่ไม่ต้องกังวลจะถูกฝ่ายค้านและสว.นำไปใช้เป็น ‘ใบเสร็จ’ อภิปรายรัฐบาลที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แถมไม่กลัวพวกนักร้องจะไปยื่นร้องเอาผิดข้าราชการ นักการเมือง ที่ร่วมกันเบิกเนตรประชาชนเรื่องป่วยทิพย์ด้วย
นับเป็นการหวนคืนสู่การเมืองเต็มตัวอีกครั้งของทักษิณ
ก่อนเดินทางกลับจากเชียงใหม่ แม้ทักษิณ จะไม่ให้ความชัดเจนเรื่องการเดินสายพบปะกับ ‘แกนนำคนเสื้อแดง’ ในพื้นที่อื่นๆ โดยขอใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ส่วนถ้ามีอะไรก็จะเขียนแนะนำรัฐบาลบ้างเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา เพราะเป็นห่วงบ้านเมือง
แต่ทักษิณก็ได้วางโปรแกรมจะกลับไปเชียงใหม่อีกในช่วง ‘ปี๋ใหม่เมือง’ ซึ่งตรงกับที่รัฐบาลจะไป
คิ๊กออฟงานมหาสงกรานต์ที่นั่นในวันที่ 1 เมษายนนี้ ทำให้เชื่อว่าการตะลอนทัวร์ของทักษิณต่อจากนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หลังเสร็จจากภารกิจที่เชียงใหม่แบบไม่มีอะไรต้องกระมิดกระเมี้ยนกันอีก
และกับปรากฎการณ์เชียงใหม่ ที่ 3-4 นายกฯ ไปเจอกันแบบนัดหมาย ไม่ใช่มาฆบูชาทางการเมือง ทำให้ได้เห็นหลายสัญญาณทางการเมือง โดยเฉพาะสัญญาณการอยู่ยาวของคนชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
คำพูดต่างกรรมต่างวาระหลายครั้งของเศรษฐาก่อนหน้านี้ รวมล่าสุดที่ให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์ไว้จะอยู่จนครบเทอม 4 ปี คงเป็นการสื่อสารธรรมดาๆ ที่ผู้คนไม่ได้ให้น้ำหนักอะไร แต่คำพูดบางประโยคของทักษิณที่เชียงใหม่ เหมือนจะช่วยการันตีให้คำประกาศอยู่สี่ปีของเศรษฐามีน้ำหนักขึ้น
‘ผมเป็นอดีตนายกฯ ก็มีหน้าที่ให้กำลังใจ’
เป็นคำพูดธรรมดาๆ ที่ทักษิณตอบคำถามเรื่องนายกฯ หลายคน แต่จากสถานการณ์การเมืองชั่วโมงนี้ ดูจะเป็นสัญญาณให้เศรษฐาได้อยู่ในตำแหน่งนายกฯ แบบยาวๆ ไป เพื่อรอการเติบใหญ่ของ
‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ได้ใช้เวลาฝึกปรือวิทยายุทธ์ สะสมพลังไปก่อนระหว่างนี้ แม้จะยากพอๆ กับเข็นครกขึ้นภูเขาก็ตาม
ขณะที่ทักษิณ จะเป็นคนคอยดูแลเรื่องการเมืองทั้งหมดให้ ส่วนเศรษฐา ก็ทำหน้าที่นายกฯ เซลล์แมน บริหารประเทศไปตามบทถนัด ลงพื้นที่พบปะประชาชนสลับกับการเดินสายไปต่างประเทศ
ถ้าสถานการณ์ลงตัวแบบนี้ นายกฯ เศรษฐา ก็ตีตั๋วยาวไป เพราะล่าสุดมีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 10 เมษายนนี้แล้ว ซึ่งกว่าสภาจะกลับมาเปิดอีกครั้งก็ในวันที่ 3 กรกฎาคมโน่น
ถึงตอนนั้น การเมืองก็ผ่านห้วงเวลาอันตรายวันที่ 10 พฤษภาคมไปแล้ว บทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 สิ้นสุดลง สว.ถูก ‘ปิดสวิตซ์’ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไปต้องมาว่ากันในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ทำให้ไพ่ใบสำคัญตกอยู่ในมือทักษิณทั้งหมด
เมื่อสถานการณ์เป็นใจ นายกฯ เศรษฐา ก็คงได้อยู่แบบยาวๆ ไป แม้จะไม่ถึงขั้นครบเทอมสี่ปีตามที่พูดไว้ แต่อย่างน้อยคงเลยครึ่งเทอมไปแล้ว หรืออาจจะถึงสามปีด้วยซ้ำ เพราะหากทักษิณจะเปลี่ยนเกมให้ลูกสาวก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปต่อยอดเป็น ‘แม่ทัพหญิง’ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป คงเลือกให้เข้ามาในช่วงปีสุดท้ายมากกว่า จะได้ไม่บอบช้ำจนเกินไป
และในระหว่างที่รอคอยมะม่วงจำบ่ม ทักษิณก็ไม่มีตัวให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรืออนุทิน ชาญวีรกูล ล้วนแต่คนต่างพรรคทั้งสิ้น ทำให้เศรษฐา จึงเป็นตัวเลือกเดียวที่มีอยู่ บุญหล่นทับได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแบบยาวๆ ไป
แต่ทั้งหมดที่ว่ามานั้น ต้องไม่มี ‘โรคแทรกซ้อน’ ทางการเมืองเกิดขึ้นระหว่างทางเสียก่อน โดยเฉพาะแรง ‘กระเพื่อม’ ที่เกิดจากกระแสหมั่นไส้ที่เป็นอารมณ์สะสมเก็บเล็กผสมน้อยอยู่เวลานี้
ถ้าถึงตอนนั้น หากฟางเส้นสุดท้ายมาถึงคงไม่มีใครได้อยู่ยาว เมื่อลิเกเลิกก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้านไปก็เท่านั้น