สำหรับคนทั่วไป เมื่อเอ่ยถึง ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร จะมีภาพจำว่าเธอคือ ลูกสาวคนสุดท้องสุดรักของ โทนี่ ทักษิณ ชินวัตร ที่โดดเข้ามามีบทบาททางการเมืองตามรอยเท้าพ่อ และอายิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินบนพรมแดงทก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยชนิดไร้อุปสรรค
แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ บทบาทของ อุ๊งอิ๊ง ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กลับไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก นอกจากเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ทำให้ทุกคนในพรรครับรู้และตระหนักถึงการมีและดำรงอยู่ของผู้มากบารมีอย่างทักษิณ ส่วนการเดินเกมทางการเมืองจริง ๆ ยังคงภายใต้การกำกับและสั่งการของผู้เป็นพ่อเป็นหลัก
อุ๊งอิ๊ง ถูกวางตัวให้เป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกับ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน แต่ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเวลาของการ ‘ฟูมฟัก’ และรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าคงใช้เวลาอีกไม่นาน
เพราะเหตุนี้ ประเทศไทยจึงตกอยู่ในสภาพที่แสนประหลาด กลายเป็น ‘ไตรลักษณ์’ หนึ่งประเทศ 3 นายกฯ คือมีทั้ง นายกฯ ในตำแหน่ง นายกฯหลังม่าน และว่าที่นายกฯ สับสนอลเวงไปหมด
อุ๊งอิ๊ง ถูกยกให้เป็นแม่ทัพ ‘ชูธง’ โครงการ ‘หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์’ ที่หวังจะให้เป็นอีกหนึ่ง ‘เรือธง’ ของพรรคเพื่อไทย โดยประกาศว่าจะเป็นนโยบายระดับชาติที่จะสร้างรายได้ให้กับครอบครัวไทย 20 ล้านครอบครัว ในการส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่าซอฟต์พาวเวอร์ ใน 8 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยให้สามารถก้าวสู่ระดับโลก และหวังสร้างรายได้ให้คนไทยไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท โดยจะมีการจัดตั้ง THACCA หน่วยงานที่จะส่งเสริมในเรื่องนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ
โครงการนี้ มีหมอเลี๊ยบ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สายตรงจากผู้เป็นพ่อมาช่วยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงใกล้ชิด และมีบรรดาคนวงในที่ใกล้ชิดทั้งอุ๊งอิ๊ง และผู้เป็นบิดาเข้ามาเป็นทีมงานชนิดฟูลทีม โดยเจ้าตัวคือ
อุ๊งอิ๊ง เองก็ดูจะถูกจริตและชอบ ‘ของเล่น’ ชิ้นนี้มากเป็นพิเศษ
แต่ถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่า โครงการนี้ถึงแม้จะเริ่มเดินหน้าไปแล้วบางส่วน แต่ดูเหมือนจะเทน้ำหนักไปที่งานอีเวนต์เป็นหลัก โดยจะมี ‘มหกรรมสงกรานต์’ ปีนี้ เป็นอีเวนต์ใหญ่ที่หวังจะแจ้งเกิดให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ดังไกลระดับโลก ขณะเดียวกันก็เร่งเครื่องในการโหมโปรโมทอุตสาหกรรมเป้าหมายหลายเรื่อง เช่น อาหาร กีฬา(มวยไทย) ภาพยนตร์ (ซีรีย์วาย) และ งานหนังสือ
ที่ระเบิดเถิดเทิงไปกว่านั้น คือ ไอเดียที่หวังจะสร้างภาพลักษณ์ครั้งสำคัญให้กับอุ๊งอิ๊งขึ้นสู่ระดับอินเตอร์ฯอีกโครงการที่เพิ่งคิดขึ้นมา คือ การจัดงานประชุมด้านซอฟต์พาวเวอร์ Soft Power Forum ในช่วงเดือน มิถุนายน-กรกฎาคมนี้ ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่มอบให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่ กระทรวงพาณิชย์ อยู่ในความดูแลของ ‘อ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นเจ้าภาพหลัก
เป้าหมายเพื่อแสดงศักยภาพด้านซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในทุกมิติ โดยจะมีการเชิญผู้นำทางธุรกิจในแต่ละวงการจากทั่วโลกมาร่วมงาน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ของไทยสู่ตลาดโลก โดยเน้นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ที่ผนวกความเป็นไทยเข้าไป และประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการจัดงานแบบนี้ โดยคาดว่าจะมีการหารือในรายละเอียดกันในคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มีนายกฯเป็นประธานกันในเดือนกุมภาพันธ์นี้
หลายคนเมื่อได้ยินก็คงอดแปลกใจไม่ได้ และบางทีอาจจะต้องไปเผาตำราด้านนี้ทิ้ง เพราะหากหันกลับไปดูนิยามของซอฟท์พาวเวอร์ที่ โจเซฟ นายน์ Joseph Nye จากฮาร์วาร์ด ให้คำนิยามไว้ มันคืออำนาจในการโน้มน้าวที่ใช้ ‘วัฒนธรรม’ เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนผ่านสื่อต่างๆ ทีทำให้เกิด ’คุณค่า’ และมี ‘ความต่อเนื่อง’ เพื่อให้เกิดความต้องการและยอมรับอย่างเต็มใจ โดยไม่ต้องใช้กำลังบังคับ และนำไปสู่ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ
โจเซฟ นายน์ ยังบอกอีกว่า ‘the best Propaganda is not Propaganda’ เพราะคงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไร ที่เราจะประกาศไปทั้งโลกว่า ประเทศไทยกำลังจะนำเสนอซอฟต์พาวเวอร์ด้านต่าง ๆ ที่ตัวเองกำหนดเป็นวาระไว้เพื่อให้ชาวโลกยอมรับ เพราะถึงจุดหนึ่ง หากเขาไม่เต็มใจอาจจะเกิดแรงต้านกลับมาเสียด้วยซ้ำไป
บทสรุป เรือธงลำนี้อาจจะเกยตื้นอีกลำก็เป็นได้...
