‘ชัยวัฒน์’ ลั่น ส.ป.ก. รุกป่าต้องมีคนติดคุก

27 ก.พ. 2567 - 09:15

  • ที่ดิน ส.ป.ก.เขาใหญ่ กลายเป็นวาระแห่งการตรวจสอบไปในที่สุด

  • การรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติ ต้องพิสูจน์ทราบไห้ได้

  • ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ มีไม้เด็ด รอเปิดโปง เพื่อหาคนเข้าคุก

DEEP-SPACE-economy-thai-land-title-deed-SPACEBAR-Hero.jpg

วันนี้แม้นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จะออกมาสื่อสารกับสังคมว่า พบทางออกปัญหาที่ส.ป.ก.ทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แล้ว หลังกรมแผนที่ทหารเดินสำรวจพื้นที่ได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ส่วนรายละเอียดจะให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ชี้แจง

เบื้องต้นดูจากข้อสรุปคร่าว ๆ ที่ยึดหลักไม่ให้นำ ‘ที่ดินเขตกันชนและพื้นที่คาบเกี่ยว’ ไปจัดสรรให้ประชาชน ส่งเสริมการปลูกป่าในพื้นที่ดังกล่าวโดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันสำรวจและหาข้อยุติในพื้นที่ที่ยังมีข้อพิพาท

ดูแล้วยังเป็นทางออกแบบกว้าง ๆ โดยเฉพาะประเด็นพื้นที่พิพาท ที่วันนี้ไม่ได้มีเฉพาะพื้นที่เขาใหญ่เท่านั้น

เรื่องนี้หากฟังจากปากของ ‘ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร’ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ แทบไม่ต้องรอให้ ‘วันแมพ’ มาพิสูจน์ทราบด้วยซ้ำ เพราะในขั้นตอนการประกาศเขต ส.ป.ก.ที่มีข้อตกลงไว้เดิมกับกรมป่าไม้นั้น จะประกาศพื้นที่ ส.ป.ก.ครอบคลุมทั้งอำเภอ แต่ยกเว้นโซน C ซึ่งเป็นพื้นที่อุทยานห้ามเข้าไปยุ่งเด็ดขาด ส่วนที่เหลือก็จัดสรรตามสภาพที่ชาวบ้านทำกินกันอยู่ก่อน  

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่มีเหตุที่พื้นที่อุทยานจะรุกเข้าไปในพื้นที่ส.ป.ก.นอกเสียจาก ส.ป.ก.ที่รุกเข้าไปในเขตอุทยาน

ปัจจุบันเฉพาะพื้นที่ป่าเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมาและ จ.ปราจีนบุรี ผอ.ชัยวัฒน์ แฉว่า   

ถูก ส.ป.ก.รุกเข้าไปมากถึง 8 หมื่นกว่าไร่ และจากการตรวจสอบพื้นที่อุทยานทั้งหมด 156 แห่ง ปรากฎว่ามีถึง 142 แห่ง ที่ถูก ส.ป.ก.รุก มีเนื้อที่รวมกันกว่า 2 แสน 3 พันไร่

แม้การรุกพื้นที่อุทยานและป่าอนุรักษ์ของส.ป.ก.จะเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยเฉพาะในปี2560 ผอ.ชัยวัฒน์ ยืนยันได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกมากถึง 400 คดี และจบลงแบบสวย ๆ แต่เป็นความเศร้าของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพราะนอกจากไม่มีการเพิกถอนการบุกรุกแล้ว เจ้าหน้าที่ป่าไม้จากที่เป็นโจทก์ ยังตกเป็นจำเลยแทนด้วย

ที่หนักข้อสุด ๆ คือ บางแปลงตกเป็นคดีความอยู่แท้ ๆ แต่ ส.ป.ก.ยังมาออกเอกสารซ้อนทับให้อีก!!

ทั้งหมดถูกมองว่า เกิดจากอำนาจฝ่ายการเมือง ซึ่งล่าสุดยังออกนโยบายแปลงส.ป.ก.เป็นโฉนด ที่ฝ่ายปฏิบัติอย่างผอ.ชัยวัฒน์ มองเป็นนโยบายที่เปิดทางให้นายทุนเข้ามา ‘ฮุบพื้นที่ป่า’ และจูงใจให้เกิดการรุกพื้นที่ป่าของ ส.ป.ก.เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับชี้ไปที่ จ.นครราชสีมา มีเจ้าของโรมแรมรายหนึ่งถือครองไว้ 8 แปลง ปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นโฉนดไปแล้ว ยังไม่นับรวมอีกบางส่วนที่อยู่ในมือนอมินี

‘ไปดูได้บ้านหลังใหญ่ ๆ โต ๆ ที่ปลูกกัน ราคาเกินร้อยล้านบาทกันทั้งนั้น’

ผอ.ชัยวัฒน์ พูดแบบเจ็บปวด พร้อมประกาศจะเดินหน้าตรวจสอบเอาที่ดิน ส.ป.ก.กว่าสองแสนไร่คืนจากกลุ่มผู้มีอันจะกินที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.อยู่เกินกว่าร้อยละ 60 ในขณะที่เกษตรกรที่ยากจนจริง ๆ กลับไม่ได้รับ จึงต้องทวงคืนมาแจกให้กับคนจนเหล่านี้

ปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.ในอดีตเมื่อสามสิบปีที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี2537 ได้แจกที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ให้กับ ‘สามีของเลขารมช.เกษตรฯ’ ในขณะนั้น ซึ่งเป็นผู้มีอันจะกินในระดับ ‘นายหัว’ ของ จ.ภูเก็ต ผ่านมาถึงวันนี้ถึงคิวของเจ้าของโรงแรมเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่ครอบครองที่ดินส.ป.ก.จนถูกนำมาเปลี่ยนเป็นโฉนดตามนโยบายของรัฐบาล

สรุปปมปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.ในสายตาของ ผอ.ชัยวัฒน์ จำแนกไว้ 3 ข้อหลัก ๆ ด้วยกัน คือ 

1.มีการรุกเข้าไปในพื้นที่อุทยานและป่าอนุรักษ์ ซึ่งตามหลักต้องมีพื้นที่ป่าไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 เพื่อสร้างสมดุลให้กับธรรมมชาติ แต่ปัจจุบันป่าสมบูรณ์มีไม่ถึง ร้อยละ 28 จึงทำให้เกิดปัญหา PM2.5 ขึ้นทุกปี

2.ผู้ได้รับการจัดสรรที่ดิน ไม่ใช่เกษตรกรหรือชาวบ้านที่ไม่มีที่ดินทำกินเพียงพอ ตามวัตถุประสงค์ของการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.

3.ที่น่าตกใจอย่างมากคือ กลุ่มทุนสีเทา ใช้ที่ ส.ป.ก.เป็นแหล่งฟอกเงินผ่านการทำสวน ทำไร่ แล้วแจ้งผลประกอบการกันทีมีกำไรคราวละหลายสิบล้านบาท

ผอ.ชัยวัฒน์ ย้ำจะเดินหน้าตรวจสอบเพื่อเอาที่ดินเหล่านี้กลับคืนมา พร้อมสำทับงานนี้ต้องมีคนติดคุกแน่ ๆ แถมอุบไต๋มีเอกสารชิ้นสำคัญเป็นท่าไม้ตาย หากผลสอบกรมแผนที่ทหารออกมาเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.ไม่ได้รุกที่อุทยาน รับรองเจอกับเอกสารชิ้นนี้เข้าจะหงายหลัง?!

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์