ภูมิธรรม ข้าวเน่า 10 ปี

19 มิ.ย. 2567 - 11:28

  • ราคาซื้อคิดเป็นมูลค่ากว่า 286 ล้านบาท

  • บริษัทชนะประมูลมีทุนจดทะเบียนต่ำเพียง 2 ล้านบาท

  • หวั่นศักยภาพ พอที่จะส่งออกได้จริงหรือไม่

economy_thai_rice_pledging_scheme_SPACEBAR_Hero_396bc44853.jpg

ไม่รู้ว่ามีคนเดินหลงทาง “ผิดคิว” หรือ เป็นเพียงอีกฉากหนึ่งของ “ภูมิธรรมการละคร” เพราะท่าทีและบทบาทล่าสุดของ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ออกมาแสดงความไม่สบายใจ หลังจากเห็นผลการประมูลข้าวมหัศจรรย์ที่ค้างสต็อกมาถึง 10 ปีแต่ยังกินได้ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ทำให้คนในแวดวงค้าข้าวกำลังตั้งคำถาม 

ความจริงหากดูผลจากการประมูล รองฯ อ้วน ภูมิธรรม น่าจะยิ้มได้ เพราะบริษัท วีเอท อินเตอร์ เทรดดิ้ง จำกัด ที่ชนะการประมูล ใจถึงมากเกินความคาดหมาย โดยเสนอราคาซื้อข้าวเก่า 10 ปี จำนวนกว่า 1.5 หมื่นตัน ในราคาสูงถึงตันละ 1.907 หมื่นบาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 286 ล้านบาท และควรจะเร่งให้มีการทำสัญญาขาย เพื่อเร่งปิดฉากจบละครเรื่องนี้ลงอย่าสวยงามตามท้องเรื่อง

แต่กลับ “หักมุม” ไม่ยอมปิดฉากจบ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไปดูรายละเอียดของผู้ชนะประมูล หลังโดนตั้งข้อสังเกตว่า มีทุนจดทะเบียนต่ำเพียง 2 ล้านบาททำให้เกิดคำถามว่าจะมีศักยภาพพอที่จะส่งออกได้จริงหรือไม่ โดยยืนยันว่าอยากระบายข้าวออกไป แต่ก็ไม่อยากให้มีปัญหาตามมาอีก

“สิ่งที่อยู่ในใจผม ผมอยากให้ข้าวได้ระบายเต็มที่ ถ้าหากองค์กรที่มาประมูล แล้วมีความเป็นไปได้ยาก ผมก็จะขออำนาจในการตรวจสอบพิจารณา” รองฯอ้วน ภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ไว้ชนิดที่ต้องบอกว่าได้ใจกองเชียร์ไปไม่น้อย

สำหรับคนในวงการค้าข้าว ชื่อของ วีเอท อินเตอร์ เทรดดิ้ง อาจไม่คุ้นหูมากนัก เพราะเพิ่งจดทะเบียนตั้งบริษัทได้ไม่นาน แต่หากไปตรวจสอบหนังสือบริคนห์สนธิ ก็จะพบว่า มีที่ตั้งเดียวกับ โรงสีสวัสดิ์ไพบูลย์ ที่อยู่ที่ คลองขลุง กำแพงเพชร

โรงสีสวัสดิ์ไพบูลย์ เป็นของ “เสี่ยปู” กิตติชัย ตั้งเจริญ ที่ต้องจัดว่าเป็นคนรุ่นใหม่วัยเพียง 45  ปี ในวงการค้าข้าวมีโรงสีขนาดใหญ่ที่กำแพงเพชร และพิษณุโลก ซึ่งผู้คนในแถบภาคเหนือตอนล่างจะรู้จักกันดี

ธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว เสี่ยปู คือการทำลานมัน ซึ่งช่วงหลังเขาเริ่มหันกลับไปทำธุรกิจหลัก และขยายไปเน้นการส่งออกมันเส้นไปยังจีน จนกลายเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของประเทศไทย และมีสัญญาขายมันเส้นกับรัฐบาลจีน MOU ที่มีการร่วมลงนามกันในช่วงที่ นายกฯ เศรษฐา ผ้าขาวม้าหลากสี เดินทางไปเยือนจีนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วถึง 5 แสนตัน 

เพราะเหตุนี้ รองฯอ้วน ภูมิธรรม จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หรือต้องกังวลในเรื่องศักยภาพของ วีเอทฯ ยกเว้นจะมีชื่ออื่นในใจ ที่อยากให้เป็นผู้ชนะประมูลมากกว่า เพราะกลุ่มธนสรรไรซ์ ของเสี่ยแอร์ ที่เคยเป็นตัวเต็งหามมาตั้งแต่แรก พลาดหวัง เพราะเสนอราคาต่ำกว่าเป็นอันดับสอง ในราคาตันละ 1.8  หมื่นบาท

ความจริงสิ่งที่ รองฯอ้วน ภูมิธรรม ควรจะกังวลน่าจะเป็นเรื่องของราคาประมูลที่สูง “เวอร์” ผิดปกติ จนวงการค้าข้าวต่างตั้งข้อสังเกตด้วยความประหลาดใจ เพราะน่าจะประสบการณ์ขาดทุนยับเยินหากส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศ

ข้าวเก่า 10 ปี จำนวน 1.5 หมื่นตัน ดังกล่าว มีต้นทุนประมูลที่ตันละ 1.9 หมื่นบาท และยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งและปรับปรุงสภาพข้าวอีกไม่ต่ำกว่าตันละ 3-4 พันบาท ทำให้จะมีต้นทุนสูงถึงตันละ 2.2-2.3 หมื่นบาท

เมื่อเทียบกับราคาที่จะขายได้ในตลาดส่งออกข้าวขาว 5% ที่เป็นข้าวใหม่ของปีการผลิตปัจจุบัน มีราคาเพียงประมาณตันละ 2.15 หมื่นบาท หรือ กก.ละ 21.50 บาท หากต้องขายข้าวเก่า 10 ปีจึงอาจจะต้องลดราคาลงไม่ต่ำกว่า 15-20% จากราคาปกติ เหลือเพียงราวตันละ 1.8-1.9 หมื่นบาท 

คำถามที่ รองฯอ้วนภูมิธรรม ต้องเร่งหาคำตอบจึงไม่ได้อยู่ที่ศักยภาพของผู้ชนะประมูลข้าวล็อตนี้ แต่สิ่งที่ควรเร่งหาคำตอบก็คือ ทำไม เสี่ยปู ถึงกล้าเสนอราคาสูงแบบบผิดปกติ ชนิดขาดทุนแน่ ๆ หรือมีอะไรที่อยู่เบื้องหลังที่ลึกไปกว่าที่เห็นอยู่หรือไม่ ?

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์