อีกไม่กี่วันรัฐบาลชุดนี้ก็จะมีอายุครบ 1 เดือน นับจากวันที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา วันที่ 12 กันยายน
เวลา 1 เดือน อาจจะดูไม่นานแต่สำหรับรัฐบาล ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ที่รับช่วงต่อจากรัฐบาลเศรษฐา รัฐมนตรีเกือบทุกคนเป็นคนหน้าเดิม นโยบายก็เป็นนโยบายเดิม ไม่ต้องมาเรียนรู้งานกันใหม่แล้ว
1 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนควรจะได้เห็นบ้างว่า รัฐบาลทำอะไรบ้างโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลชุดก่อนบอกว่า กำลังวิกฤตแต่ปล่อยเวลาผ่านไป 1 ปี ไม่ได้ทำอะไรเลย มาถึงรัฐบาลนี้ ก็ยังอยู่ ‘ภาวะเข้าเกียร์ว่าง’ ไม่ทำอะไรอีกเหมือนกัน
การแจกเงิน 10,000 บาท ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการ 14.5 ล้านคน อย่าเรียกว่า ผลงานเลย เพราะมันเป็นเรื่องที่ช้าไปตั้ง 1 ปี จากรัฐบาลชุดที่แล้ว และเป็นการแก้ปัญหาแบบกอบกู้ความล้มเหลว แก้ผ้าเอาหน้ารอด ที่ไม่สามารถแจกเงินดิจิทัล ให้ประชาชน 50 ล้านคนตามที่หาเสียง และดันทุรังจะทำมาตลอด 1 ปี
จึงต้องตัดต่อโครงการให้เหลือแค่แจกเงินสด 10,000 บาท แค่ 14.5 ล้านคน ที่ต้องรีบแจกก่อนสิ้นเดือนกันยายน เพราะหมดเขตใช้งบประมาณ ถ้าไม่แจกก็ต้องคืนเงิน 145,000 ล้านบาท ที่กันไว้
แจกเงิน 10,000 บาท ผ่านไปแล้ว ยังไงต่อประเทศไทยจะไปทางไหน รัฐบาลจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร ยังไม่มีคำตอบจากนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่ดูจะให้ความสำคัญกับ**‘การแก้ตัว’** และ ‘ตอบโต้’ ประชาชนทางสื่อโซเชียลมากกว่า การบริหารราชการแผ่นดิน
นายกฯ แพทองธารได้แต่งตั้ง ‘คณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ’ ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีตัวเองเป็นประธาน รองนายกฯทั้ง 4 คน เป็นรองประธาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาสภาพัฒน์ ผู้อำนวยกาสำนักงานงบประมาณ ผู้ว่าแบงก์ชาติ ประธานสมาคมธนาคารไทย ฯลฯ เป็นกรรมกการ
คณะกรรมการชุดนี้ มีหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ ผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยเป็นผู้กำหนดนโยบาย วัตถุประสงค์ แหล่งที่มาของเงินทุน แนวทางการดำเนินงานของโครงการ
ดูแล้ว ก็ค่อนข้างสับสนว่า อะไรเป็นหน้าที่หลัก อันไหนเป็นรอง รัฐมนตรีที่อยู่ในคณะกรรมการ เป็นรัฐมนตรีในสังกัดพรรคเพื่อไทย ไม่มีรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคภูมิใจไทย ,พรรคพลังประชารัฐ และแม้แต่รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยว ซึ่งเป็นของพรรคเพื่อไทยเองก็ ‘ตกสำรวจ’ ไม่มีชื่อเป็นกรรมการ ทั้ง ๆ ที่การท่องเที่ยวคือ กลไกลสำคัญในการกระตุ้น และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
เดิมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีกำหนดการประชุมกันวันที่ 24 กันยายน แต่ก่อนหน้าวันนัดเพียงวันเดียว ก็ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน และจนบัดนี้ก็ยังไม่เคยมีการประชุมเลย
ล่าสุด ‘พิชัย ชุนหวชิร’ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นรองประธานคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ บอกว่า กำลังจะเรียกประชุม คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็ว ๆ นี้ เพื่อหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี
‘จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากจะเห็นเราเด่นเกิน’
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ ‘ใคร’ คือ หัวหน้า ลูกน้องที่เด่นเกิน จะ ‘ประสบภัย’ แน่ ๆ
เมื่อนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถตัดสินใจสั่งการใด ๆ ได้ว่า จะแก้ปัญหากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร ต้องรอโพยอย่างเดียว รัฐมนตรีทั้งในพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล จึงต้องเข้า ‘เกียร์ว่าง’ เพื่อป้องกันตัวไม่ให้เด่นเกินนายกฯ
ทำให้เศรษฐกิจไทยที่ซึมเซา อึมครึมมาหนึ่งปีกว่า ภายใต้นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย อยู่ในภาวะเคว้งคว้าง ไร้ทิศทาง เหมือนเรือไร้หางเสือ มีกัปตันก็เหมือนไม่มี สุดแท้แต่กระแสน้ำจะพัดพาไป