ปิดฉากละครโรงใหญ่

19 ก.พ. 2567 - 08:58

  • การกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ของทักษิณ ชินวัตร ยังมีแรงกระเพื่อมตามมา

  • ข้าราชการการเมืองประจำที่เกี่ยวข้อง หลังจากนี้ไปก็อาจจะถูตรวจสอบได้ตลอดเวลา

  • ซีกความเคลื่อนไหวนอกสภา ก็ต้องดูว่าม็อบต่าง ๆ ใหญ่พอ และจุดติดหรือไม่

economy-thaksin-home-hospital-politics-SPACEBAR-Hero.jpg

ผ่านเข้าสู่วันที่สองแล้ว สำหรับการพักโทษของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ แต่ความเคลื่อนไหวต่างๆ ในแทบทุกอิริยาบถยังถูกจับจ้อง ไม่ว่าจะออกมานั่งรับลมริมสระน้ำบ้านจันทร์ส่องหล้าในวันแรก และการออกมาพบอัยการรับทราบข้อกล่าวหาคดี มาตรา 112 ในวันนี้คำถามสุดฮิตที่สงสัยกันตลอดคือ ป่วยจริงหรือไม่?

จนรองนายกฯ ภูมิธรรม เวชยชัย หนึ่งในคนข้างกายของทักษิณในอดีตจนถึงปัจจุบัน  ต้องออกมาชี้แจงเสียยืดยาวแบบกึ่ง ๆ ตั้งคำถามกับสื่อปนตัดพ้ออีกครั้งในวันนี้ว่า 

‘ไม่ป่วยจริงได้ไง ที่ใส่เฝือกเพราะเส้นเอ็นไหล่ขาด ซึ่งผมก็เคยมีประสบการณ์ตรงนี้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ คนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตอยู่มานาน มันจะมีเส้นเอ็นที่ขาด อย่างของผมขาดยุ่ยไปหมดแล้ว ต้องผ่าตัด ต้องรักษาตัว ใส่ปลอกแขนห้อยอยู่ประมาณ 6-7 เดือน เมื่อหายแล้วก็ต้องระมัดระวังการใช้ชีวิตอยู่สักพักหนึ่ง คนเจ็บป่วยให้กำลังใจเขาบ้างเถอะ’

ในขณะที่ปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการสูงสุด บอกถึงอาการทักษิณระหว่างการพูดคุยด้วยว่า มีสภาพป่วยจริง ขั้นวิกฤต เพราะพูดไม่ค่อยมีเสียงและเดินไม่ไหว

เช่นเดียวกับทีมอัยการที่แถลงในวันนี้ก็ยืนยันเช่นกันว่า

‘สภาพท่านตามที่ผมเห็น ผมว่าป่วยขั้นวิกฤตเลย นั่งวีลแชร์มา’

เมื่อถูกซักว่าอะไรที่เห็นว่าป่วยขั้นวิกฤต?

‘ก็ฟังจากข่าวมา และผมนั่งคุยกับท่าน ท่านคุยไม่มีเสียงเลย ดูสภาพแล้ว ป่วยจริง ๆ’

นั่นคือ คำยืนยันจากคนใกล้ชิดและผู้ที่ได้สัมผัสว่าทักษิณป่วยจริง !!!

แต่อีกด้าน ผู้คนกลุ่มหนึ่งไม่เชื่อว่าป่วยจริง และมองการพักโทษกลับสู่บ้านจันทร์ส่องหล้าของทักษิณ เป็นการปิดฉากละครโรงใหญ่ เรื่องการกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะตลอดเวลา 180 วัน ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ด้วยเหตุแห่งอาการเจ็บป่วย ไม่ได้ติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว

ต่อจากนี้จึงต้องติดตามสถานการณ์หลังการพักโทษ ทั้งในมิติของการเมือง การชุมนุมของกลุ่มประชาชน  กระบวนการยุติธรรม และชะตากรรมของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่ถูกยื่นร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับทักษิณหรือไม่

กล่าวสำหรับการชุมนุมของกลุ่ม คปท. , ศปปส. และกองทัพธรรม นั้น คอการเมืองเชื่อว่า คงไม่สามารถนำไปสู่การชุมนุมที่ใหญ่ขึ้นไปกว่านี้ได้ และสองกลุ่มแรกโดยเฉพาะ คปท.ที่กรำแดดกรำฝนมานานข้ามปี วันนี้เริ่มอ่อนแรงและล้าแล้วคงต้องหาทางลง 

แต่ที่น่าสนใจคือ การมาของม็อบหลัก มืออาชีพอย่าง ‘กองทัพธรรม’ ที่ล่าสุดส่งกำลังเสริมมาจากราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี มาพร้อมกับกองพลาธิการ ลำเลียงอาหาร พืชผักไร้สารพิษ ข้าวสาร น้ำดื่ม เข้ากทม.มีเป้าหมายอยู่ที่สะพานชมัยมรุเชษฐ

แม้จะประเมินว่าม็อบใหญ่คงไม่เกิด แต่การมาของกองทัพธรรม ทำให้หลายคนเริ่มฉุกคิดว่าจะมีอะไรตามมาอีกหรือไม่โดยเฉพาะผู้อยู่เบื้องหลังกองทัพธรรม ‘พ่อท่าน’ สมณะโพธิรักษ์ จะได้รับสัญญาณพิเศษอะไรมาหรือเปล่า? ถึงต้องส่งกำลังเสริมมาหล่อเลี้ยงการชุมนุมไว้

ส่วนบรรดาข้าราชการตั้งแต่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยันผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ และฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้ทักษิณไปรักษาตัวนอกเรือนจำ จนกระทั่งถึงวันพักโทษ ที่ ป.ป.ช.รับเรื่องเข้าสู่สาระบบตรวจสอบ ก็จะต้องเทียวไปเทียวมาชี้แจงข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช.อีกหลายปี

แม้ทักษิณได้รับการพักโทษและพ้นโทษไปแล้ว แต่ผู้เกี่ยวข้องที่เป็นข้าราชการยังต้องถูกกรรมตามไล่ล่าต่อ

ถ้าโชคดีไม่มีความผิด ก็พ้นบ่วงไป แต่ถ้าโชคร้ายเป็นการใช้อำนาจมิชอบ ก็ต้องมารับโทษทัณฑ์กันตอนแก่ ไม่ต่างจากการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่มีอดีตรัฐมนตรี ช้าราชการระดับสูงหลายคน ต้องมาติดคุกในตอนแก่ ชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อไว้

สุดท้ายเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แม้จะเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ แต่คงต้องรอเวลาที่เหมาะสมสักหน่อย อย่างน้อยน่าจะเป็นช่วงหลังเดือนพฤษภาคม ที่สว.ชุดปัจจุบันพ้นวาระไปแล้ว จากนั้น จะปรับครม.แบบปรับเล็ก-ปรับใหญ่ หรือจะรื้อกฎหมาย แก้กฎหมายกี่ฉบับค่อยไปว่ากันตอนนั้น

ความจริงละครโรงใหญ่จบไปนานแล้ว เพิ่งมาทำพิธีรูดม่านปิดฉากกันเอาตอนนี้ แต่ก็ยังมีเสียงเตือน เสียงปรามตามมาทำนอง อย่าซ่าส์มากไปจนเลยเส้น เพราะที่ผ่านมาถือว่าซ่าส์ไปเยอะแล้ว

ด้วยเหตุที่ว่า จึงได้มีภาพปรากฎที่สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นฉากแถมส่งท้ายก่อนละครใหญ่ลาโรง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์