ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบแก้บน ไม่มีใครได้ประโยชน์เลย

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อย ที่จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นปฎิกริยาหรือท่าทีของ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ว่ามีความรู้สึกอย่างไร หลังจากรับทราบมติของคณะกรรมการไตรภาคีล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ยอมทบทวนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขึ้นค่าจ้างในลักษณะเหมือน ‘แก้บน’ ขึ้นเแบบ ‘หย่อม ๆ’ นำร่องใน 10 จังหวัดท่องเที่ยว เฉพาะโรงแรม 4 ดาวขึ้นไป เฉพาะในบางพื้นที่ โดยจะมีผล 13 เม.ย.นี้ โดย ‘เคลม’ ว่า เพื่อเป็น ‘ของขวัญในวันสงกรานต์’ หรือปีใหม่ไทย

เมื่อตอนที่คณะกรรมการไตรภาคีมีมติครั้งแรกในช่วงต้นธันวาคมที่ผ่านมา นายกฯ เศรษฐา ผ้าขาวม้าหลากสี ถึงกับออกอาการกราดเกรี้ยวไม่พอใจ ที่มีอัตราการขึ้นเฉลี่ยเพียงวันละ 2-16 บาท โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ขึ้นแค่วันละ 2 บาท จาก 328 บาท เป็น 330 บาท ถึงขนาดประกาศว่า ‘รับไม่ได้’ และตัดพ้อว่าค่าจ้างที่ขึ้นมาแค่นี้  ‘ซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้’ พร้อมกับส่งสัญญาณขอร้องแกมบังคับกลาย ๆ ให้มีการทบทวน 

เมื่อรัฐบาลส่งสัญญาณแรงขนาดนี้ คณะกรรมการไตรภาคีก็เลยจำใจที่จะต้องยอมขยับทบทวนมติใหม่อีกรอบ และมีการปรับสูตรในการคำนวณค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ โดยเจาะลึกลงไปที่ประเภทของกิจการในบางพื้นที่ซึ่งคาดว่าจะสามารถแบกรับภาระค่าแรงที่จะขึ้นไปแตะวันละ 400 บาท

แต่ผลที่ออกมา คณะกรรมการไตรภาคีกลับทำเหมือนเสียไม่ได้ปรับพอเป็น ‘พิธี’ คือตัดสินใจเคาะขึ้นค่าจ้าง 400 บาท เฉพาะธุรกิจโรงแรมระดับ 4 ดาว และมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป นำร่องในเขตพื้นที่จังหวัด 10 จังหวัด ได้แก่ 1) กรุงเทพมหานคร เฉพาะเขตปทุมวัน และเขตวัฒนา 2) จังหวัดกระบี่ เฉพาะเขตองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง 3) จังหวัดชลบุรี เฉพาะเขตเมืองพัทยา 4) จังหวัดเชียงใหม่เฉพาะเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 5) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะเขตเทศบาลหัวหิน 6) จังหวัดพังงา เฉพาะเขตเทศบาลตำบลคึกคัก 7) จังหวัดภูเก็ต 8) จังหวัด ระยอง เฉพาะเขตตำบลบ้านเพ 9) จังหวัด สงขลา เฉพาะเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ และ 10) จังหวัดสุราษฎร์ธานี เฉพาะเขตอำเภอเกาะสมุย 

ปฎิบัติการขึ้นค่าแรงเป็นหย่อม ๆ ชนิดฝนตกไม่ทั่วฟ้าแบบนี้ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากจะเป็นเพียงการถอยให้รัฐบาลเพียงไม่ถึงครึ่งก้าว แต่ที่น่าประหลาดใจที่ยังไม่มีปฎิกริยาใด ๆ กลับมาจากนายกฯ เศรษฐา

ตรงกันข้ามการเลือกปรับค่าแรงขึ้นไปวันละ 400 บาท เฉพาะกิจการโรงแรม 4 ดาวในบางพื้นที่ของ 10 จังหวัดนำร่อง ของคณะกรรมการไตรภาคีในแบบนี้กลับกลายเป็นการสร้าง ‘ความไม่พอใจ’ ให้กับกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ต้องตกเป็นเครื่องเซ่นสังเวยให้กับรัฐบาล

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทยคนใหม่ ‘ป้ายแดง’ ที่มาแทน มาริสา สุโกศล ถึงขนาดออกมาโวยเสียงดังว่า การปรับค่าแรงในลักษณะดังกล่าวจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหม่ตามมา เพราะแรงงานในโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กจะไหลไปที่โรงแรมขนาดใหญ่ในพื้นที่ 10 จังหวัด ซ้ำเติมปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคบริการหนักขึ้นไปอีก

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการซ้ำเติมปัญหาของธุรกิจโรงแรมที่เพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวหลังจากเผชิญวิกฤตในช่วงโควิด-19 ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ ‘แฟร์’ ที่ธุรกิจโรงแรมต้องกลายเป็น ‘หนังหน้าไฟ’ เพื่อสนองความต้องการของรัฐบาลที่จะกระชากค่าแรงให้ถึงวันละ400 บาท 

มีการเคลื่อนไหวที่จะขอเข้าพบ รมว.แรงงาน ‘พิพิฒน์ รัชกิจประการ’ และคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อขอให้มีการทบทวนมติ ก่อนที่จะนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 2 เมษายนนี้ 

สุดท้ายไป ๆ มา ๆ มติคณะกรรมการไตรภาคีที่ออกมาในคราวนี้ จึงไม่เกิดผลบวกกับใครเลย เพราะนอกจากจะสร้างปัญหาใหม่ให้กับบรรดากิจการโรงแรม จนต้องเคลื่อนไหวให้มีการทบทวนอีกครั้งแล้ว ตัวนายกฯ เศรษฐาก็คงไม่ค่อยชอบใจที่มีการปรับค่าแรงแบบ ‘แก้บน’ ในลักษณะดังกล่าว

ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ก็เลยยังเป็นฝันที่ดูเหมือนอีกไม่ไกล แต่ก็ยังคงไปไม่ถึง สำหรับรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา และชาวบ้านก็คงต้องร้องเพลงรอต่อไป...