ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลทะลุ 30 บาทแล้ว หลังมาตรการลดภาษีสรรพสามิตลิตรละ 1 บาท สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา โดยรัฐบาลไม่ต่ออายุ และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ชดเชยราคาให้แค่ลิตรละ 50 สตางค์
เวลานี้น้ำมันดีเซลราคาลิตรละ 30.94 บาท และมีแนวโน้มที่ราคาจะสูงขึ้นอีก ทั้งจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เป็นผลจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน และจากความจำเป็นของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จะต้องเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่มขึ้น เพื่อกอบกู้สถานะของกองทุนฯซึ่งปัจจุบันติดลบถึงแสนกว่าล้านบาท เพราะที่ผ่านมาต้องชดเชยราคาน้ำมันดีเซล ตามนโยบาย ตรึงดีเซลไม่เกิน ลิตรละ 30 บาทของรัฐบาล
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 4.77 บาท คิดเป็นเงิน เดือนละประมาณ 8,000 ล้านบาท ถ้าไม่ชดเชยเลย ราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริง คือ ลิตรละประมาณ 36 บาทต่อลิตร แต่ถ้ายังคงชดเชยต่อไป กองทุนน้ำมันจะมีหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเงินที่กู้มา 150,000 ล้านบาท เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หมดเกลี้ยง
คือ แบกต่อไปไม่ไหวแล้ว ต้องหยุด และขอเก็บเงินเข้ากองทุนฯจากผู้ใช้น้ำมันดีเซล เพื่อเอาไปใช้หนี้ เริ่มจากลิตรละ 50 สตางค์ก่อน และคงจะทยอยเก็บเพิ่มขึ้นครั้งละ 50 สตางค์ ไม่ให้ผู้บริโภครู้สึกตัวว่า น้ำมันแพงจัง
เกือบ 2 ปี ที่รัฐบาลชุดที่แล้ว และชุดนี้ตรึงราคาดีเซลให้ต่ำกว่าราคาตลาด ส่วนใหญ่แล้ว ใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิต มีการลดภาษีทั้งหมด 9 ครั้ง รัฐสูญรายได้ไปราว ๆ 180,000 ล้านบาท
รัฐบาลก็ไม่ไหวเหมือนกัน จึงตัดสินใจไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีให้อีก โดยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ใช้ท่า **‘ลอยตัว’**โยนให้เป็นหน้าที่ของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรับมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหาแนวทางให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาต่ำกว่าความเป็นจริงต่อไป
การปรับราคาดีเซลขึ้นอีก 50 สตางค์ เพื่อชะลอการไหลออกของเงินกองทุนน้ำมัน คือ แนวทางของกระทรวงพลังงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ปรับขึ้นมาแล้ว 50 สตางค์ เมื่อต้นเดือนเมษายน หลังรัฐบาลเลิกนโยบายตรึงราคาดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาท
พีระพันธุ์ ในฐานะเจ้ากระทรวงพลังงาน มีไอเดียหลาย ๆ อย่างในการลดราคาพลังงานให้ถูกลง เช่น การให้นำเข้าน้ำมันเสรี การให้ผู้ค้าน้ำมันแจ้งต้นทุน การผลิตของน้ำมันแต่ละชนิด รวมทั้งสต็อก ไปจนถึงการ ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ ร่างกฎหมายเกี่ยวกับพลังงานฉบับใหม่ เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงานของชาติ ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า ‘กำลังร่างเองกับมือ’
แต่สุดท้ายแล้ว มาตรการที่กระทรวงพลังงานเลือกใช้ และมีผลทันทีคือ ปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซล ลอยตัวตามกลไกตลาด ทยอยลดเงินอุดหนุนราคา ซึ่งจะทำให้ราคาดีเซลค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
