ถ้าจะบอกว่า โปรดฟังอีกครั้งดังๆ
ถ้าจะบอกว่า สัญญาณทางการเมืองดูแปร่งๆ
ถ้าจะบอกว่า หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปีมังกรล้วนไม่ใช่เหตุบังเอิญ หรือที่ทางพุทธเชื่อว่า เรื่องบังเอิญไม่มีจริง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแต่มีเหตุ มีผล จะมีใครสนใจฟังไหม
แต่ถ้าลองย้อนคิด ลองย้อนเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงขึ้นศักราชใหม่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนแต่มีร่องรอยของการเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น
ถ้าจับแค่ 10 เรื่อง จากนั้นลองเอาทั้ง 10 เรื่องมาร้อยรวมกัน แล้วถอดสมการ ผลที่ได้อาจชวนขนหัวลุก
1. ฟัน ‘พี่ศรี’ จับ ‘พี่เจ๋ง’ เรื่องร้อนๆ ในมือใคร
นับจากเรื่องแรก เรื่องพี่ศรี (ศรีสุวรรณ จรรยา) ยอดนักร้องที่จู่ๆ ก็ตายน้ำตื้น จู่ๆ ก็โดนเปิดโปงการกระทำที่ส่อเค้าว่า จะทำกันเป็นขบวนการรีดทรัพย์
หลักฐานทั้งคลิปเสียง ทั้งท่าทีที่ดูจริงจังของตำรวจ ปปป. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ)
การเตรียมการอายัดทรัพย์ การขยายผลไปยังตัวละครอีกจำนวนมาก
ดูผาดๆ น่าจะเหมือนพี่ศรีพลาด ประมาทผู้หญิงอย่าง ‘เจ๊ติ๋ม’ (ธัญญรัตน์ ไชย์ศิริคุณากร) ภรรยาอธิบดีกรมการข้าว (ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์)
แต่ลึกๆ วงใน (ที่ไม่ใช่แพลตฟอร์มแนะนำอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว) เขาเม้าท์กันให้แซ่ดว่า เรื่อง ‘พี่ศรี’ ‘พี่เจ๋ง’ ‘พี่เอก’ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ใครๆ เขาก็รู้กันว่า กลุ่มนี้มีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่
เมื่อรู้ก็รู้อยู่แล้ว ทำไมมาทำอะไรกันตอนนี้
มีหลักฐานครบก็ใช่ แต่ลึกๆ แล้วใช่ตามนั้นหรือ
หรือมีใครส่งสัญญาณ หรือเขียนสคริปต์
ฟัน ‘พี่ศรี’ จับ ‘พี่เจ๋ง’ (เจ๋งดอกจิก-ยศวริศ ชูกล่อม) มีคนตั้งคำถามว่า ตั้งใจกระทบชิ่งถึงใครหรือเปล่า
อ่ะ อันนี้เรื่องแรก
2. เรื่องร้อนชั้น 14
เรื่องต่อมา เรื่องผู้คนบนชั้น 14 ที่กำลังจะได้พักโทษในวันที่ 18 กุมภาฯ ทำไมยังไม่มีวี่แววจะจบ หนำซ้ำยังพ่วงท้ายด้วยข้อหามาตรา 112 รอรับระหว่างการพักโทษ มวลชนที่บังเอิญออกมาเคลื่อนไหว กดดันทั้งหน้าทำเนียบ ตระเวณไปตามกรมราชทัณฑ์ และแวะเช็คอินที่โรงพยาบาลตำรวจ ล่าสุดยังปักหลักอยู่หน้าทำเนียบ
ถ้าเรื่องนี้ไม่มีเบื้องหลัง แล้วใครจะกำหนดความเคลื่อนไหวให้สอดรับกันแบบนี้
3. รุกฆาตกองทัพเกมก้าวไกล หรือเกมของใคร
เรื่องที่สาม ท่าทีพรรคน้องใหม่ไฟแรงเฟ่อ พรรคก้าวไกลที่เดินหน้ากดดัน และรุกฆาตกองทัพอย่างหนัก ทั้งจำนวนนายพล ทั้งเดินหน้าทวงคืนธุรกิจกองทัพ ไม่เว้นทั้งทัพบก ทัพเรือ ทัพฟ้าที่ต่างโดนทวงถามให้คายธุรกิจในมือของกองทัพออกมา
ทัพฟ้านั้นถึงขั้นอาจต้องคืนสนามกอล์ฟภายในท่าอากาศยานดอนเมือง ทั้งที่สนามกอล์ฟแห่งนี้ หรือที่เรียกกันว่า “สนามงู” เป็นของกองทัพอากาศมาเนิ่นนาน และเป็นที่นิยมของเหล่านักกอล์ฟที่ได้ตีไปดูเครื่องบินไป
การจัดซื้ออาวุธที่ถูกจับตาแบบบรรทัดต่อบรรทัด ไม่เว้นแม้แต่การฝึกทหารในแต่ละค่าย ที่พรรคก้าวไกลส่งขุนพลขึ้นตั้งกระทู้ถามในสภาไม่เว้นแต่ละวัน
เกมเดินหน้ากดดันกองทัพหนักหน่วงขนาดนี้ มีเป้าหมายแค่ทวงคืนธุรกิจในมือกองทัพจริงหรือ หรือมีเป้าหมายแฝงมากกว่านั้น
เพราะถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ถูกกดดันขนาดนี้ หึหึ...เตรียมฟังเพลงมาร์ชกองทัพบกกันยาวๆ
4. เรื่องร้อนชายแดนใต้ BRN กับเกมในสภา
เรื่องที่สี่ ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่การเจรจาสันติสุขถูกกดดันให้มีการแถลงแบบถ่ายทอดสดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งตัวแทน ‘พรรคก้าวไกล’ เจ้าเก่า และ ‘พรรคเป็นธรรม’ ที่ก่อนหน้านั้นออกมาตั้งกระทู้ถามถึงกรณีเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนใต้ถูกตั้งข้อหารณรงค์จัดงานสวมชุดมาลายู ทั้งข้อหาที่โดนเป็นข้อหามีการกระทำที่เข้าข่ายแบ่งแยกดินแดนในประเด็นอื่น (อ่านเพิ่มเติม: วาทกรรม “แจ้งความข้อหาสวมชุดมลายู” เส้นบางๆ ระหว่าง “เข้าใจผิด” หรือ “บิดเบือน”)
เกมรุกที่ผนึกกำลังกันเล่น ทั้งการสวมชุดมาลายูเข้าประชุมสภา ที่แม้กระทั่ง หมออ๋อง-ปดิพัทธ์ สันติธาดา รองประธานสภาก็ร่วมเล่นด้วย เมื่อหมออ๋องสวมชุดมาลายูขึ้นทำหน้าที่ประธานสภาในวันเดียวกับที่ สส.พรรคก้าวไกลบางคน และ กัณวีร์ สืบแสง จากพรรคเป็นธรรมพร้อมใจกันใส่ชุดมาลายูเข้าสภา
การเปิดหน้าตัวแทน BRN บนเวทีเจรจาสันติสุขที่นำโดย อุซตาสอานัส อับดุลเราะห์มา หรือ ฮีพนี มะเร๊ะ ซึ่งเป็นหนึ่งในอดีตผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในระดับแกนนำปฏิบัติการ ยังสะท้อนท่าทีอีกหลายเรื่อง
เกมการเมืองของ BRN ที่รุกคืบเข้าสภา ขณะที่เกมความเคลื่อนไหวในพื้นที่ก็ยังรุนแรงมากขึ้น บ่งบอกถึงเงาทะมึนของใครที่อยู่เบื้องหลัง
อะไรที่ทำให้ BRN เข้มแข็งและมั่นใจถึงขั้นเปิดตัว ‘อุซตาสอานัส’ มาขึ้นโต๊ะเจรจา
ขณะที่ แวอาลีคอปเตอร์ วาจิ หรือ “เจ๊ะอาลี” ประธานกลุ่มพาคนไทยกลับบ้าน อดีตผู้ปฏิบัติการระดับแกนนำ ที่เปิดตัวอยู่ฝ่ายตรงข้าม BRN กลับถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิตคาสวนยางใกล้บ้านพัก
เรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับการเมืองระดับประเทศ และระดับโลกแค่ไหน และเบื้องหลังโยงใยกับเหตุการณ์ใหญ่ในบ้านเมืองช่วงต้นปีนี้อย่างไร ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องติดตาม
5. ระเบิดเวลาสีกากี
เรื่องนี้ยิ่งกว่ามหากาพย์รามเกียรติ์ ลึกซึ้งยิ่งกว่ามหาภารตะยุทธ์ เมื่อมีการวางเกม วางทายาทในตำแหน่งเบอร์หนึ่งปทุมวันยาวไปแล้วถึงปี 2579
ซึ่งดูๆ ก็ไม่น่าแปลก เพราะหากมองจากดาวรุ่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตท.31 ที่เกษียณอายุ ปี 2574
- พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตท.34 เกษียณอายุ ปี 2576
- พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตท.34 ที่เกษียณอายุ ปี 2579
ทั้ง 3 ขุนพลหนุ่มของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เกษียณอายุที่ ปี 2579 อยู่แล้ว
แต่ที่มันร้อนแรง และส่อเค้าเป็นระเบิดเวลาสีกากี ที่พร้อมจะระเบิดขึ้นมาทุกเมื่อ ก็เพราะจากวันที่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึง 30 กันยายน 2579 แมลงวันหัวเขียวย่านปทุมวันบอกว่า ไม่มีชื่อ “บิ๊กโจ๊ก” พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ อยู่ในแผน
เพราะแผนงานตามท้องเรื่องว่ากันว่า 1 ตุลาคม 2567 นี้แปะป้ายติดไว้ข้างฝาได้เลยว่า เบอร์หนึ่งปทุมวันจะชื่อ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นายตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นหนึ่งในทีมที่รอต้อนรับ ทักษิณ ชินวัตร ที่สนามบินดอนเมือง วันที่คุณทักษิณกลับเมืองไทย
นายตำรวจที่หากเทียบความใกล้ชิดคุณทักษิณก็ต้องบอกว่า เหมือนอยู่ชั้น 13 ที่ใกล้ชิดกับชั้น 14 เป็นอย่างยิ่ง
เอาล่ะ กระนั้นแม้ตุลาคม 2567 จะเป็น พล.ต.ท.ประจวบ แต่ “บิ๊กโจ๊ก” ก็ยังน่าจะรอได้ เพราะยังเป็นอาวุโสอันดับหนึ่ง ตุลาคม 2568 ค่อยเป็น ผบ.ตร.ก็ยังทัน
แต่ถ้าง่ายแบบนั้นก็ไม่น่าจะเป็นมหากาพย์สีกากีที่น่าติดตาม เพราะมีเสียงแว่วๆ มาว่า ตุลาคม 2567 คนชื่อ สำราญ นวลมา จะขึ้นเป็นจากตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.มาเป็นรอง ผบ.ตร.
จากนั้น ตุลาคม 2568 สำราญ นวลมา อาจจะมาแบบนวลๆ กระโดดข้ามขั้น ขึ้นบนเก้าอี้เบอร์หนึ่งปทุมวันเลย
ส่วน บิ๊กโจ๊กจะไปไหน หรือจะเบียดกลับมาชิงตำแหน่งเบอร์หนึ่งปทุมวันได้หรือไม่ เรื่องราวยังไม่น่าจะจบแค่นี้
วันนี้เอาแค่น้ำจิ้ม เรื่องนี้เดี๋ยววันหน้ามาว่ากันยาวๆ…
ส่วนเรื่องร้อนๆ ก่อนเดือนเมษาฯ อีก 5 เรื่อง จะมีประเด็นไหนบ้าง รอติดตามในเรื่องร้อนๆ ก่อนเดือนเมษาฯ EP.2 ครับ
