การเมืองยุค ‘คางดำ’ ประชาชนเป็นได้แค่คนดู

23 ก.ค. 2567 - 02:43

  • อาการ ‘ขบเหลี่ยม’ แบบตบจูบขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาล

  • เมื่อการเลือกสว.ดุลอำนาจทางการเมืองเปลี่ยน

  • ได้เห็นภาพการพบปะสังสรรค์

jade-grouper-fish-politics-SPACEBAR-Hero.jpg

ปลาหมอคางดำ กลายเป็นมหันตภัยร้าย ที่ทำลายระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมลงย่อยยับอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ อันเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ที่แสวงหาความมั่งคั่งบนความไม่รับผิดชอบ

คำว่า ‘คางดำ’ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่นำไปใช้กับทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง ผู้มีพฤติกรรม ‘กิน’ ทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่ว่าสัตว์หรือพืช ทั้ง ‘ปลาหมอคางดำ  เจ้าสัวคางดำ นักการเมืองคางดำ’  จึงต่างมีความ ‘อำมหิต’ พอ ๆ กัน

ส่วนประชาชนอยู่ในสถานะเป็นได้แค่คนดู หรือที่บางคนนึกสนุกเปรียบเทียบว่า เมื่อสังคมเป็นแบบนี้ประชาชนแม้ถูกกำหนดให้นั่งดูเฉย ๆ ก็ต้องรับเคราะห์ ‘คางเหลือง’ ตามไปด้วย

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เห็นอาการ ‘ขบเหลี่ยม’ แบบตบจูบขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าเรื่องกัญชา ปุ๋ยคนละครึ่ง ไปจนถึงค่าไฟฟ้า โดยเฉพาะการนำ ‘กัญชา’ กลับไปเป็นยาเสพติดของพรรคเพื่อไทย ที่ทำเอาพรรคภูมิใจไทยเกิดอาการ ‘หัวเสีย’ มาตั้งแต่หลายเดือนก่อน แต่ก็ต้องทำตัวหวานอมขมกลืน ทนอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไปเพราะตัวเองมีแค่ 71 เสียง

แต่หลังการเลือกสว.ดุลอำนาจทางการเมืองเปลี่ยน ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กลายเป็น ‘หนูติดปีก’ เพราะหุ้นทางการเมืองพุ่งพรวดขึ้นสูงลิ่ว หลังมี ‘สว.สีน้ำเงิน’ ในมือมากถึง 140-150 เสียง จึงได้เปลี่ยนจากลีลาเจี๋ยมเจี้ยม เลิกกุมเป้า  ‘ย่างสามขุม’ เข้าไปหา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แล้วออกปากบอกเสียงดังฟังชัดว่า

‘ไม่เห็นด้วยกับการเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด’

ที่แม้แต่ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ ผู้จัดการรัฐบาล ยังต้องออกมาเล่นบท ‘โอ้โลมปฏิโลม’ ยืนยันไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน และได้พูดคุยกันตลอดกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เพราะฉนั้น สื่ออย่ามา ‘เสี้ยม’ ให้เสียเวลา ประมาณนั้น

ในท่ามกลางข่าวการออกมาแสดงตัวแสดงตนผ่านสื่อถี่ขึ้นของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ยอมให้พรรคเพื่อไทย ‘ขี่’ อย่างเดียวอีกต่อไป จึงได้เห็นภาพการพบปะสังสรรค์ ร้องเพลงประสานเสียงระหว่าง ‘ทักษิณ-อนุทิน’ โดยมี ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร เป็นลูกคู่ร้องคลอตามไปด้วย ที่รีสอร์ทหรูของอนุทิน ย่านเขาใหญ่ ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

แม้ช่วงท้ายอนุทินจะฉีกออกมาเคาะฉาบให้จังหวะร่วมกับมือกลอง ปล่อยให้สองพ่อลูกร้องกันไป แต่บรรยากาศก็ยังเป็นไปอย่างครื้นเครง เลยคำว่า ‘ชื่นมื่น’ เสียอีก เพราะยังมีอีกหลาย ๆ ช็อตตามมากว่างานเลี้ยงจะเลิกลา

ภาพเดียวแทนคำบรรยายได้หมื่นล้านคำพูด การพบปะกันของ ‘ทักษิณ-อนุทิน’ ในห้วงเวลาแบบนี้ คงพอมองเห็นอะไรได้ชัดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความไม่ธรรมดาของอนุทินในวันนี้ ถึงขนาดที่ทักษิณ ต้องยกคณะใหญ่ที่มีทั้งลูก หลาน และลูกเขย ไปเยือนถึงถิ่น

ไม่รู้จะใช้คำที่ว่า ‘อับดุล’ ต้องไปหาภูเขา กับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า?

ส่วนอีกภาพเป็นการ ‘มุด’ เข้าบ้านป่ารอยต่อ นำพวงมาลัยไปคารวะ ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ของ ‘วัน อยู่บำรุง’ เพื่อฝากเนื้อฝากตัวขอมาอยู่ร่วมชายคา พปชร.ด้วย ในวันที่ตระกูลอยู่บำรุง มีปัญหากับตระกูลชินวัตร แบบ ‘หนีร้อนมาพึ่งเย็น’

แต่บังเอิญมาในจังหวะที่บ้านป่าวันนี้ อยู่ในสภาพเป็น ‘ป่าเสื่อมโทรม’ ไปแล้ว ไม่รู้ว่า ลุงป้อม ในสายตาของ ‘วัน’ ที่มองเป็นคน ‘ใจถึง พึ่งได้’ จะยังเป็นไม้ใหญ่ในป่าเสื่อมสภาพให้เหล่านก กา ได้อาศัยแบบดังเดิมอีกหรือไม่

แน่นอนว่า การมาของตระกูลการเมืองอยู่บำรุง อย่างน้อยคงเติมความหวังให้กับลุงป้อม ที่ยังนั่งอยู่กลางทุ่งหวัง ได้ ‘กระชุ่มกระชวย’ มีความหวังเพิ่มขึ้นอีก ยิ่งหลังวันที่ 7 สิงหาคม 2567 หากได้ ‘งูเห่าสีส้ม’  แตกทัพ มาเพิ่มอีกถ้าพรรคก้าวไกลถูกยุบ คงทำให้ป่าที่กำลังจะเสื่อมโทรมฟื้นฟูกลับมาได้บ้าง

การมาของตระกูลอยู่บำรุงเที่ยวนี้ พปชร.จึงไม่ต่างจากแหล่ง ‘รวมพลคนแค้นทักษิณ’  เพราะแว่วมาว่าปรับครม.เที่ยวหน้า จะมีการริบเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คืนจาก ‘พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ’ ไปให้ ‘สันติ พร้อมพัฒน์’  นั่งแทน เพื่อยกเก้าอี้รมช.สาธารณสุข ให้กลุ่มกำแพงเพชรปีก ‘วราเทพ รัตนากร’  ที่จั่วลมมานาน

ไม่เว้นแม้แต่เก้าอี้รองนายกฯ ของ ‘ลุงป๊อด’ ก็จะไม่เหลือ?!

เพราะวันนี้เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ไม่เอาทั้ง ‘ป้อม-ป๊อด’ ไว้ดูเล่นอีกต่อไป ฐาน ‘กำเริบเสิบสาน’ คิดอ่านก่อ ‘กบฎ’ อยู่ตลอดเวลา

ในขณะที่สว.ทั้งพันธุ์เก่า พันธุ์ใหม่ พันธุ์ดั้งเดิม แต่ละพันธุ์ล้วนมีความคิดอ่านไม่ต่างกัน ต้องมีตำแหน่งใหญ่ ‘รองก้น’ เพิ่มก่อนเท่านั้น ถึงจะทำงานได้ ซึ่งป่านนี้คงได้คำตอบกันไปแล้วว่า สีน้ำเงิน**‘กินแบ่งหรือกินรวบ’**  หลังจากนี้ก็ไปว่ากันถึงเก้าอี้ประธานกรรมาธิการในแต่ละคณะกันต่อ

จากนั้น ค่อยได้เวลาเริ่มลงมือทำงาน จะได้เห็นกันว่าใครเป็นอย่างไร ทำหน้าที่ได้สมราคาที่คาดหวังกันหรือไม่

ส่วนประชาชนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลาย ก็ทำหน้าที่เป็น ‘คนดู’ กันต่อไป บางคนอาจจะเฝ้ารอสายลมแห่งการ ‘เปลี่ยนแปลง’ จากตะวันตก จะพัดพามาถึงประเทศไทยหรือไม่ ก็ให้รอกันต่อไป

แต่ระหว่างรอก็ต้องอยู่อย่างระมัดระวัง เอาตัวให้รอดจากการตกเป็นเหยื่อพวกคางดำเอาไว้ด้วย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์