โผโยกย้ายนายทหารระดับนายพลกลางปี ซึ่งเป็นที่ฮือฮาในกองทัพบก เมื่อการโยกย้ายกลางปีครั้งนี้ ที่ปกติจะเป็นเพียงการย้ายเล็กเพียงไม่กี่ตำแหน่ง กลับเป็นการย้ายมากถึง 70 ตำแหน่ง และใน 70 รายชื่อ มีถึง 38 รายชื่อหรือมากกว่าร้อยละ 50 เป็นนายทหาร เตรียมทหารรุ่น 26 (ตท.26) รุ่นเดียวกับ ‘บิ๊กปู’ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก
แต่ผลกระทบจากโผรอบนี้ กลับไม่มีแรงสั่นสะเทือนมากนักในกองทัพบก เนื่องเพราะรายชื่อของ ตท.26 ส่วนใหญ่ เป็นการขยับจากพันเอกพิเศษ ที่เป็นรองนายพล และเป็นกลุ่มที่พลาดโอกาสจากการเติบโต จากการโยกย้ายหลายปีที่ผ่านมา ขึ้นมาเป็น พลตรี
ตรงกันข้าม แผ่นดินไหวจากโผรอบนี้ กลับไปเกิดที่กระทรวงกลาโหม เมื่อ ‘เสธฯหนึ่ง’ พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ซึ่งไม่มีรายชื่อในบัญชีโยกย้ายกลางปีครั้งนี้ ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง_โฆษกกลาโหม_
แม้เจ้าตัวยังไม่ออกมาให้เหตุผลของการลาออกจากตำแหน่งโฆษก แต่มีข้อมูลจากคนใกล้ชิด ‘เสธฯหนึ่ง’ ระบุว่า เหตุใหญ่ใจความ น่าจะมาจากการน้อยใจ เพราะ ‘เสธฯหนึ่ง’ ติด ‘พลตรี‘ มา 6 ปีเศษ ตั้งแต่ตุลาคม 2561 ซึ่งควรจะได้ขยับเป็น พลโท แล้ว โดยเฉพาะครั้งนี้ ซึ่งมีอัตรา พล.ท. เปิดค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับบัญชีโยกย้ายในกองทัพบก ซึ่งเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 ได้ขยับเป็น พล.ท. ทั้งในตำแหน่งหลัก ตำแหน่งที่ปรึกษากองทัพบก และตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกถึง 10 อัตรา และโยกข้ามจากกองทัพบกมาเป็น **พล.ท.**ที่กลาโหมอีก 1 อัตรา ยังน่าจะเป็นเหตุให้สาเหตุให้ เสธฯหนึ่ง เกิดความรู้สึกได้ว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ตำแหน่งโฆษกกลาโหม เป็นตำแหน่งทำงาน และต้องรับภาระชี้แจงภารกิจสำคัญ และเรื่องเร่งด่วนของหน่วย แต่กลับไม่ได้รับการพิจารณา ทั้งที่ปกติบัญชีการโยกย้ายของกระทรวงกลาโหม แต่ละครั้งจะมีการจัดสรรที่ลงตัว ทั้งนายทหารสายประจำผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ประจำสำนักงานรัฐมนตรี สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม และรองปลัดแต่ละเหล่าทัพ เพราะทั้งหมดจะมีโควตาที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง รัฐมนตรีช่วย ปลัดกระทรวง และรองปลัดจากทั้ง 3 เหล่าทัพ จะสามารถแต่งตั้งนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำสำนักงาน
นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นนายพลตำแหน่งหลัก ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ชำนาญการ ซึ่งเปิดอัตรารองรับนายทหารที่เบี่ยงจากสายบังคับบัญชา หรือ Line Commander มาเป็นสายผู้ทรง
ซึ่งการโยกย้ายครั้งมีอัตราที่ขยับทั้งในระนาบ **พล.ท.**ไปเป็น พล.ท. และขยับขึ้นจาก พล.ต.เป็นพล.ท. ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ชำนาญการ มากถึง 14 อัตรา
ก่อนมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ก็เป็นที่คาดหมายล่วงหน้าว่า โยกย้ายรอบนี้ ‘สหายอ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรงกลาโหม คงจะมีการปรับย้ายนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีกลาโหมทั้งหมด เพราะเป็นชุดเดิมในสมัย สุทิน คลังแสง อดีตรัฐมนตรีกลาโหม
ดังนั้นโควตา พล.ท. และ พล.ต. ประจำสำนักงานรัฐมนตรี น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงประมาณ 7 – 10 อัตรา ซึ่งก็ออกมาตามคาด เมื่อโผโยกย้ายที่มีการแต่งตั้งถึง 83 อัตรา มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งฝ่ายเสธฯประจำรัฐมนตรีกลาโหม โดยมีการขยับเปลี่ยนออก 8 อัตรา และมีการขยับเข้ามาใหม่ 8 อัตรา เป็นอัตรา พล.ท. 3 อัตรา และพล.ต. 5 อัตรา
โดยใน 3 อัตรา พล.ท. ที่ขยับออก คือ
พล.ท.ธิติวัฒน์ ฐิติพบร่มเย็น ขยับจาก ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำรัฐมนตรีกลาโหม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.ท.บรมวิช หิรัณยัษฐิติ ขยับจาก ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำรัฐมนตรีกลาโหม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.ท.วิทย์พล มักการุณ ขยับจาก ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำรัฐมนตรีกลาโหม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
ส่วน 3 อัตราที่ขยับมาแทน คือ
พล.ต.อาดุลย์ กระเสาร์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำรัฐมนตรีกลาโหม อัตรา พล.ท.(ตท.26)
พล.ต.มนตรี สุพิเพชร ผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก เป็นผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำรัฐมนตรีกลาโหม อัตรา พล.ท.(ตท.26)
พล.ต.ชุมพล พิมพาภรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำรัฐมนตรีกลาโหม อัตรา พล.ท.(ตท.24)
ใน 14 อัตรา อัตรา พล.ท. ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ จึงถูกจัดสรรรองรับการขยับนายทหารสำนักงานรัฐมนตรีไปแล้ว 3 ตำหน่ง ส่วน 11 อัตราที่เหลือ เป็นโควตาทหารอากาศ 2 อัตราคือ
พล.อ.ต.จิรชัย ผุดผ่อง รองเจ้ากรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม และ พล.อ.ต.อยุธ ศาลิคุปต์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ขยับเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม อัตราพล.ท.
ส่วนที่เหลืออีก 9 อัตรา มีการกระจายรุ่น ตั้งแต่ ตท.24 ตท.25 ตท.26 และ ตท.27 แต่ทั้งหมด ไม่มีรายชื่อ พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง ซึ่งน่าจะได้หลักเกณฑ์อาวุโส เพราะครองยศ พล.ต. มาแล้ว 6 ปีเศษ และจะเกษียณอายุราชการใน 2570
โดยใน 9 อัตรา มีรุ่นพี่ ตท.24 จำนวน 3 อัตรา คือ
พล.ต.พงษ์สิทธิ์ ขจรกิตติภูมิ พล.ต.ปริญญา ยันตรปกรณ์ ขยับจากผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำรองปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.ประเทือง เพชรขว้าง ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม อัตราพล.ท.
อีก 1 อัตรา เป็นรุ่นพี่ ตท.25 พล.ต.สราวุธ พิมพ์จันทร์ รองเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม อัตรา พล.ท.
นอกจากนั้นยังมีเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 พล.ต.วรยศ นาคะนคร ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม อัตรา พล.ท. ไปอีก 1 อัตรา
ส่วนที่เหลือ 4 อัตรา กลายเป็นรุ่นน้อง ตท.27 คือ
พล.ต.พลศักดิ์ ศรีเพ็ญ ,พล.ต.แชน สุขอนนท์ ,พล.ต.ประจักรา วิไลเนตร , พล.ต.ชัยสิทธิ์ ภาวศุทธิกุล ขยับขึ้นเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ อัตรา พล.ท. ถึง 4 ราย
บัญชีโยกย้ายในอัตรา **พล.ท.**ทั้ง 14 อัตรา จึงไม่แปลกที่ พล.ต.ธนาธิป จะมีความรู้สึก เพราะทั้งรุ่นพี่ เพื่อนร่วมรุ่น และรุ่นน้องที่ขยับขึ้นเป็น พล.ท. ล้วนมีอาวุโสการครองยศนายพลหลัง เสธหนึ่งแทบทั้งสิ้น
สึนามิเล็กๆในกระทรวงกลาโหมครั้งนี้ จึงต้องรอดูว่า ‘บิ๊กอ้วน’ ภูมิธรรม จะแก้ปัญหาอย่างไร หรือจะปล่อยผ่าน ให้เป็นหน้าที่ของปลัดกลาโหมที่จะหาช่องเยียวยา ‘เสธหนึ่ง’ อย่างไร
นอกเหนือจากการเตรียมตั้งทีมโฆษกกลาโหมชุดใหม่ ที่จะมีตัวเลือกระหว่างทีมโฆษกพลเรือน หรือทีมโฆษกจากสายทหาร

