กลับมารอบนี้ตั้งใจจะเขียนถึงเรื่องร้อนๆ ของวงการตำรวจ ที่วันนี้ยิ่งสาวก็ยิ่งลึก ยิ่งนานไปก็จะยิ่งขยายวงออกไปมากขึ้น โดยเฉพาะหลายเรื่องที่เคยซุกอยู่ใต้พรม มาวันนี้บางส่วนก็เริ่มโผล่ออกมาให้เห็น
ความเคลื่อนไหวของ 2 บิ๊ก ที่เดิมทั้งคู่ถูกส่งตัวไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แต่ล่าสุดคนหนึ่งก็ถูกส่งตัวกลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ระหว่างการสอบวินัยร้ายแรง
ส่วนอีกบิ๊ก แม้จะพยายามสงบ เพื่อสยบความเคลื่อนไหว แต่ก็ยังมีแรงกระเพื่อมต่อเนื่องไปถึงคนใกล้ตัว ในระดับความแรงน้องๆ สึนามิ
เรื่องนี้ยิ่งไปฟังจากแต่ละวง ก็ยิ่งสนุก ยิ่งอยากรู้ตอนจบว่า จะไปสิ้นสุดกันตรงไหน
บ้างก็ว่า “จบแล้ว” แต่บ้างก็ว่า “ยังไม่จบ” ขึ้นอยู่กับกองเชียร์แต่ละฝ่าย แต่สิ่งที่ปรากฏชัด นอกเหนือความเคลื่อนไหวของ 2 พลตำรวจเอก ทั้ง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล คือ ฉากทัศน์ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


ฉากทัศน์ที่กำลังมีการเตรียมจัดทัพสีกากีกันใหม่ ฉากทัศน์ของขุมอำนาจ และการจัดวางกำลังอย่างน้อยก็จนกว่าเรื่องการสอบสวนวินัย “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” จะได้ข้อยุติ เพราะระหว่าง “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” และ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” นั้นต่างกัน
คนแรกไม่ว่าผลการสอบสวนจะออกมาอย่างไร “บิ๊กต่อ” ก็เกษียณอายุราชการในปีนี้อยู่ดี การยังคงอยู่ หรือไม่กลับมา สตช.ในฐานะเบอร์หนึ่ง แทบไม่มีผลต่อการจัดกำลังรอบนี้
แต่ที่ต้องคำนึงมากก็คือ การจะอยู่หรือไปของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีผลเป็นอย่างยิ่งต่อการจัดทัพ และทิศทางในอนาคตของคน 4 กลุ่มในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

1. กลุ่มที่เติบโตในช่วงที่บารมีของ “บิ๊กโจ๊ก”
กลุ่มนี้กำลังเบ่งบาน แม้ส่วนหนึ่งจะถูกคลื่นกระแสความขัดแย้งซัดกระแทก แตกฉานซ่านเซ็น และบางส่วนจำต้องทิ้งเพื่อน ย้ายขั้วอำนาจไปซบอีกฝ่าย แต่ก็ยังมีบางส่วนซุ่มเงียบ และรอการกลับมาของ “บิ๊กโจ๊ก” เพราะส่วนใหญ่ถูกวางตัวอยู่ในขุมกำลังที่พร้อมจะขยับขึ้นมาเติบโตได้ทันที
กลุ่มนี้มีหมุดหมายอยู่ที่ ปี 2574 ซึ่งเป็นปีที่ “บิ๊กโจ๊ก” เกษียณอายุ เพราะส่วนใหญ่ทยอยเกษียณตั้งแต่ปี 2572–2574
2. กลุ่มที่เติบโตภายใต้บารมีของ “บิ๊กต่อ”
กลุ่มที่เดินตามหลังเส้นทางการเติบโตของ “บิ๊กต่อ” มาโดยตลอด กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อยู่ในตำแหน่งหลัก และพร้อมให้การสนับสนุน ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งคาดว่า ไม่หนีไปจาก “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร.ที่ ณ เวลานี้ขึ้นแท่นเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโส อันดับ 1
กลุ่มนี้วางกำลังต่อจาก “บิ๊กต่าย” ที่จะเกษียณอายุในปี 2569 โดยวางยาวไว้ถึงปี 2576
3. กลุ่มตาอยู่
กลุ่มนี้รอรับผลพวงที่เกิดจากสงครามความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รอบนี้กลุ่มนี้รอด้วยใจจดจ่อ และระทึกในฤทัยมากกว่า 2 กลุ่มแรก เพราะเดิมกลุ่มนี้แทบหมดหวังที่จะแทรกขึ้นไปเป็นหัวแถวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากยังมีเงาของ “บิ๊กโจ๊ก” ทาบอยู่ เพราะการจัดวางกำลังของบิ๊กโจ๊ก แทบไม่มีคนกลุ่มนี้อยู่ในแผนงาน

กลุ่มนี้แอบหวังลึกๆ ว่าบาดแผลของ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ที่มีบางฝ่ายพยายามออกมาเปิดแผลเรื่องในอดีต และกรณีที่ “บิ๊กโจ๊ก” ขู่จะยื่นฟ้องกรณีใช้อำนาจโดยมิชอบในคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จะมีผลให้ “บิ๊กต่าย” อาจพลาดตำแหน่งผบ.ตร.ในปลายปีนี้ และส่งผลให้แคนดิเดตคนอื่นมีสิทธิ์เข้ามาขึ้นแท่นแทน กลุ่มนี้วางกำลังแบบคนต่อคน และส่งไม้ต่อกันรุ่นต่อรุ่นไม่เกินวาระละ 2 ปี เพื่อสิ้นสุดที่ปี 2572
4. กลุ่มดาวรุ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กลุ่มสุดท้ายนี้จัดกำลังในระดับผู้กำกับ ผู้บังคับการ และรองผู้บัญชาการ เพื่อเตรียมเป็นรากฐานและกำลังหลักที่จะขยับขึ้นบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันข้างหน้า
กลุ่มนี้ลอยตัวเหนือความขัดแย้ง โดยไม่พยายามเข้ามายุ่งเกี่ยว และปะทะโดยตรงกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เน้นสร้างผลงาน พัฒนาหน่วย รอเวลาที่เหมาะสม เพราะส่วนใหญ่มีอายุราชการเหลืออีกหลายปี
แต่ทั้งหมด ยังมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องว่า นับจากนี้ การเมืองจะเข้ามามีบทบาทในการแต่งตั้งโยกย้ายภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมากน้อยแค่ไหน เพราะอย่างน้อยที่สุด “นายกรัฐมนตรี” ยังมีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกตำแหน่งหนึ่ง

กลุ่มที่มีความใกล้ชิดทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย กับผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาล จะถูกวางตัวเข้ามาแทรกในตำแหน่งสำคัญบางตำแหน่งหรือไม่ หลังพลาดมาแล้วในความพยายามผลักดัน “พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข” ผู้ช่วยผบ.ตร. ขึ้นเป็นรองผบ.ตร.ในช่วงโยกย้ายกลางปีเพื่อให้ทันเป็นหนึ่งในแคนดิเดต ผบ.ตร.
ทิศทางการเมืองและคลื่นใต้น้ำในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินับจากนี้ จึงร้อนแรง และเข้มข้นยิ่ง ภาพที่เห็นกับสิ่งที่จะเป็น อาจไม่ใช่ภาพเดียวกัน
EP. ถัดไป จะเริ่มฉายภาพกลุ่มแต่ละกลุ่มว่า ใครเป็นใคร และทิศทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นอย่างไร
