ยุบพรรค!! ก้าวไกล ตอนนี้ เร็วไป

30 ม.ค. 2567 - 07:39

  • วันที่ 31 มกราคม ครบกำหนดนัดหมายศาลรัฐธรรมนูญ

  • วินิจฉัยคำร้องกรณีพรรคก้าวไกล เรื่องแก้ไขมาตรา 112

  • คาดการณ์คำตัดสิน ยังไปไม่ถึงยุบพรรค คอการเมืองต้องรอไปก่อน

Deep Space-Pita-SPACEBAR-Hero.jpg

ยกสองของพรรคก้าวไกล ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคำร้องประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 ในวันพุธที่ 31 มกราคมนี้ คอการเมืองยังคงคาดการณ์กันไปต่าง ๆ นานา อารมณ์เดียวกับปมหุ้นสื่อของ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ที่ตัดสินไปในวันพุธที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา

เที่ยวนี้ก็มีทั้งที่เป็นมุมบวกและลบเช่นเดียวกัน

แถมมีบางรายฟันธงว่า หนนี้อยู่ในโซนอันตราย น่าหวาดเสียวกว่าปมหุ้นสื่อ เพราะมีความซับซ้อนมากกว่า โดยนำไปโยงกับคำร้องการเคลื่อนไหวชูสัญลักษณ์สามนิ้วในช่วงปี2563 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่19/2564 เป็นแนวทางไว้ โดยเฉพาะข้อความที่ว่า 

‘เป็นการเซาะกร่อน บ่อนทำลาย..อันจะเป็นกรณีตัวอย่างให้บุคคลอื่นกระทำตาม’

ฟังดูก็เป็นเหตุเป็นผลอยู่ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเอาไว้แล้ว แต่ก็มีความเห็นแย้งจากผู้รู้ที่ยกเอาหลักการมาอธิบายว่า การเสนอกฎหมายต่อสภาถือเป็นหน้าที่ของสส.ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเสนอกฎหมายใหม่ หรือการขอแก้ไขกฎหมายก็ตาม 

ไม่เฉพาะกฎหมายอาญา มาตรา 112 เท่านั้น แม้แต่รัฐธรรมนูญ ก็อยู่ในอำนาจหน้าที่สส.สามารถแก้ไขได้เช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ประชาชนทั่วไปที่มีสิทธิเลือกตั้ง ก็สามารถเข้าชื่อกันเสนอกฎหมายได้ส่วนการกระทำที่ว่าจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ มีกระบวนการพิจารณาในขั้นตอนของการตรากฎหมายบัญญัติไว้อยู่แล้ว โดยมีศาลรัฐธรรมนูญเป็นด่านสุดท้าย ที่จะตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำร่างกฎหมายที่ผ่านสภาขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้

ในขณะที่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญข้างต้น เป็นเรื่องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่อ้างใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ที่ศาลเห็นว่านอกจากเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง ใช้ถ้อยคําหยาบคาย ยังไปละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของประชาชนอื่นที่เห็นต่างด้วย

ทั้งยังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการชุมนุม วิธีการชุมนุม เปลี่ยนตัวบุคคลผู้ปราศรัย แต่มีรูปแบบการกระทําโดยกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกัน มีพฤติการณ์กระทําซ้ำและกระทําต่อไปอย่างต่อเนื่อง

‘โดยมีการกระทํากันเป็นขบวนการ ซึ่งมีลักษณะของการปลุกระดมและใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จ แต่มีลักษณะของการที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย และใช้ความรุนแรงในสังคม ทําให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ อันเป็นการทําลายหลักความเสมอภาคและภราดรภาพ นําไปสู่การล้มล้างระบอบประชาธิปไตยในที่สุด

ทั้งเป็นการกระทําที่มีเจตนาเพื่อทําลาย หรือทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องสิ้นสลาย ไม่ว่าจะโดยการพูด การเขียน หรือการกระทําต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลเป็นการบ่อนทําลาย ด้อยคุณค่า หรือทําให้อ่อนแอลง ย่อมแสดงให้เห็นถึงการมีเจตนาเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย’

ยกเอาบางช่วงบางตอนของคำวินิจฉัยประเด็นการชุมนุมชูสัญลักษณ์สามนิ้วในอดีต ที่มีผู้ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่ มาให้อ่านกัน

ทั้งหลายทั้งปวง เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ทั้งในมุมของพฤติกรรม พฤติการณ์ และในมิติของกฎหมายเชิงหลักการ ที่ให้สิทธิกับผู้ที่มีสถานะทางสังคมแตกต่างกัน โดยเฉพาะระหว่างประชาชนทั่วไปกับผู้ที่เป็นสส.

ในมิติของการเมือง ที่ไม่เกี่ยวกับการพิพากษาอรรถคดีของศาล ที่ถูกนำไปเทียบเคียงกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ ในปี 2563 กรณีกู้เงินธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคฯ ผิดกฎหมายพรรคการเมือง

แม้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 31 มกราคมนี้ จะมีผลออกมาเป็นลบกับพรรคก้าวไกล แต่จะยังไปไม่ถึงขั้นยุบพรรคในวันนั้น เพราะในคำร้องเพียงแต่ให้หยุดการกระทำเกี่ยวกับ มาตรา 112 ที่ดำเนินการอยู่เท่านั้น

ส่วนการจะยุบไม่ยุบพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่จะมีผู้นำผลคำวินิจฉัยนั้น ไปใช้เป็น ‘สารตั้งต้น’ ยื่นต่อองค์กรตามรัฐธรรมนูญต่อไป ที่คอการเมืองมองกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ต้องมีการยื่นร้องยุบพรรคก้าวไกลแน่ๆ

แต่กว่ากระบวนการต่าง ๆ จะเสร็จสิ้นคงต้องใช้เวลาอีกนาน ที่สำคัญบทเรียนจากการยุบพรรคอนาคตใหม่หนก่อน กว่าจะเลือกตั้งใหม่ ยังมีเวลาเหลือเฟือให้พรรคสีส้มจัดทัพใหม่ 

ด้วยเหตุผลที่ว่ามา ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นกับพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะในทางที่เป็นผลร้าย จะยังไปไม่ถึงการยุบพรรคในวันนี้พรุ่งนี้อย่างแน่นอน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์