แม่ทัพไพศาลทิ้งไพ่ เปลี่ยนตัว ‘นายกอง’ เร่งแก้ไฟใต้

14 พ.ค. 2568 - 02:42

  • ถอดสมการจากคำสั่งโยกย้าย ผบ.กกล.ทพ.จชต.

  • แม่ทัพภาคที่ 4 หวังแก้สถานการณ์ความไม่สงบที่ก่อหวอดขึ้นมาต่อเนื่อง

  • วิเคราะห์ตัวเลือกการวางตัวนายกองทำงาน แต่แม่ทัพไพศาลติดล็อกอะไร

รับ-ส่งหน้าที่กันเรียบร้อยโรงเรียนไพศาลไปแล้ว เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำหรับตำแหน่งผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ผบ.กกล.ทพ.จชต. ระหว่าง พันเอก สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผบ.คนเดิม และ พันเอก หาญพล เพชรม่วง ผบ.คนใหม่

 

ยืนยันข้อมูลที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ว่า พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 จำเป็นต้องปรับขุมกำลังในพื้นที่ใหม่ เพื่อรับมือสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ล่าสุดมีการก่อเหตุต่อผู้บริสุทธิ์ และเน้นเป้าหมายไปที่ชาวไทยซึ่งนับถือศาสนาพุทธ

 

การปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ผบ.กกล.ทพ.จชต. ซึ่งเป็นกองกำลังหลักที่มีหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึง 9 กรมทหารพราน และอีก 1 หมวดทหารพรานหญิง จึงเหมือนเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของแม่ทัพไพศาล เพราะตำแหน่ง ผบ.กกล.ทพ.จชต. จะต้องเป็นผู้ที่แม่ทัพไว้วางใจ และต้องมีประสบการณ์ด้านยุทธการ การอำนวยการปิดล้อม ตรวจค้น งานด้านการข่าว และงานปฏิบัติการจิตวิทยาในพื้นที่


การเลือก พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผอ.ยก.ทภ.4 (ตท.32) มาดำรงตำแหน่งแทน พ.อ.สฐิรพงษ์ อาจหาญ เสนาธิการพล.ร.5 (ตท.33) ที่ดำรงตำแหน่งนี้มาถึง 3 ปี จึงถูกจับตามองอย่างหนัก

 

แม้นัยหนึ่ง จะมีข้อมูลออกมาว่า การปรับย้ายครั้งนี้ ‘ผู้การแผน‘ พ.อ.สฐิรพงษ์ ได้ขยับขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น คือ ไปดำรงตำแหน่งรองผบ.หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และคาดว่าการโยกย้ายปลายปีนี้ ผู้การแผนจะได้ขยับจาก ตำแหน่งเสนาธิการพล.ร.5 ขึ้นเป็นรองนายพลในตำแหน่งรองผบ.พล.ร.5

 

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลสำคัญ คือ ส่งผู้การแผนไปเป็นมือทำงานด้านยุทธการให้กับ พล.ต.ณรงค์  ตันติสิทธิพร ผบ.พล.ร.5 ในฐานะผบ.ฉก.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่เปราะบาง สำหรับชาวไทยผู้นับถือศาสนาพุทธ

 

‘ผู้การแผน’ ซึ่งมีประสบการณ์การบริหารด้านยุทธการ ด้านงานข่าว น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด สำหรับปฏิบัติการพิทักษ์เมืองนราธิวาส

 

แต่อีกนัยหนึ่ง การเลือก พ.อ.หาญพล มาแทนในตำแหน่ง ผบ.กกล.ทพ.จชต. ก็ถูกตั้งคำถามเช่นกันว่า พ.อ.หาญพล เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์ร้อนแรงเช่นนี้สำหรับแม่ทัพไพศาลหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ ผู้การแผน ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนี้มาถึง 3 ปี


พ.อ.หาญพล แม้เคยเป็นผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 43 มาก่อน เมื่อปี 2558 และเคยได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาวด้านการทหาร เมื่อปี 2565 แต่หลังจากนั้นก็ขยับเข้าไปนั่งโต๊ะทำงานในกองทัพภาคที่ 4 ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการกองข่าว และล่าสุดดำรงตำแหน่ง ผอ.กองยุทธการ กองทัพภาคที่ 4

 

เมื่อจะต้องกลับมารับผิดชอบ กกล.ทพ.จชต.ที่มีกำลังกว่า 1 หมื่นนาย และเป็นหน่วยหลักสำหรับปฏิบัติการทางยุทธการ จึงถูกตั้งคำถามว่า เหมาะสมหรือไม่

 

คำถาม คือ หากไม่ใช่ พ.อ.หาญพล แม่ทัพไพศาลมีใครในใจอีกหรือไม่  

ใคร ที่จะเป็นมือทำงานที่ไว้ใจได้ในตำแหน่งสำคัญตำแหน่งนี้  

คำตอบ คือ เชื่อว่า แม้แต่แม่ทัพไพศาลเองก็ยังตอบไม่ได้

 

คำถาม เพราะอะไร แม่ทัพไพศาล ถึงไม่มีตัวเลือกเพียงพอ สำหรับการหยิบขึ้นมาใช้ในสถานการณ์สำคัญเช่นนี้

คำตอบ คือ เพราะการวางรากฐานในกองทัพภาคที่ 4 ช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา นายทหารที่เติบโตมาในช่วงนี้ มีการวางกำลัง วางตัวตายตัวแทน ส่งต่อกันมาตั้งแต่ยุค ‘บิ๊กเมา’ พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ , ‘บิ๊กเดฟ’ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ , ‘บิ๊กเกรียง’ พล.อ.เกรียงไกร  ศรีรักษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4

 

ทั้ง 3 แม่ทัพ แม่ทัพเมา แม่ทัพเดฟ และแม่ทัพเกรียง วางตำแหน่งการเติบโตของนายทหารในกองทัพภาคที่ 4 มาโดยตลอด จนแม้แต่ ‘แม่ทัพต้น’ พล.อ.ศานติ สกุนตนาค มาจนถึง แม่ทัพไพศาล ก็แทบจะไม่ได้สร้างคนของตัวเองขึ้นมาในตำแหน่งสำคัญแม้แต่คนเดียว เพราะทุกตำแหน่งตั้งแต่ระดับ ผบ.พัน, ผบ.กรม ,มาจนถึง ผบ.พล โดยเฉพาะ ผบ.กรม.ทพ.แต่ละหน่วย ล้วนถูกกำหนดและถูกวางตัวมาเป็น 10 ปี

 

ว่ากันว่า ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ผบ.พล. ตำแหน่ง ผบ.กรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผบ.กรมทหารพราน ก่อนจะทำบัญชีโยกย้าย ยังต้องมีการหารือกับอดีตแม่ทัพบางท่านก่อน…


ล่าสุด หนึ่งในแคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ แม้เป็นสายแข็ง แต่ก็ยังต้องให้เพื่อนร่วมรุ่น นำเข้าไปคารวะ อดีตผู้ใหญ่ในกองทัพภาคที่ 4 ท่านหนึ่ง เพื่อการันตีแรงสนับสนุน หากต้องการเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนต่อไป

 

การวางขุมกำลัง เพื่อส่งไม้ต่อกันรุ่นต่อรุ่น ทำให้แม้ตัวแม่ทัพภาคที่ 4 ที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง จะพยายามหาตัวเลือกใหม่ๆ ไปลงในตำแหน่งสำคัญๆ ก็ไม่สามารถหาตัวเลือกนอกเหนือจากที่มีอยู่ได้ เพราะทุกแผงกำลัง มีการวางตัวและวางอาวุโส เข้าหลักเกณฑ์การปรับย้ายไว้จนหมด

 

ครั้งหนึ่ง มีการโยนหินถามทางว่า เป็นไปได้มั้ย? หากจะมีการส่งนายทหารจากส่วนกลางลงไปดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อแก้ปัญหา และปรับกระบวนการทำงานในกองทัพภาคที่ 4 ใหม่

คำตอบ คือ ลงไปได้…แต่จะทำงานได้หรือไม่

หรือ ลงไปได้ แต่หากจะทำงานได้ก็ต้องยกทีมงานชุดใหม่ลงไปแทบทั้งหมด…!

“เค้ามีการจัดสรรตำแหน่ง แบ่งเค้กกันไปหมดแล้ว ลงไปก็ทำอะไรไม่ได้…อย่าไปให้เปลืองตัวเลย”

 

นี่คือ คำเตือนจากเพื่อนร่วมรุ่น ส่งถึงเพื่อนในส่วนกลาง ที่เคยมีชื่อเป็นแคนดิเดตที่จะถูกส่งลงไปในภาคใต้ 

แม้แต่นายทหารระดับเด็กๆ ลงจากส่วนกลางไปดำรงตำแหน่งระดับ ผบ.พันในพื้นที่ หากไม่มีผู้ใหญ่มากๆในกองทัพคอยสนับสนุน ก็ยากที่จะเติบโต และฝ่าด่านหินในกองทัพภาคที่ 4 ไปได้


ความซับซ้อนของกองทัพภาคที่ 4 จึงเป็นความซับซ้อนที่แม้แต่ลูกหม้อกองทัพภาคที่ 4 อย่างพล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพคนปัจจุบันยังรู้สึกได้

รู้สึกได้ชัดเจนยิ่ง…เมื่อถึงวันที่ต้องขึ้นมาเป็นแม่ทัพ 

…เมื่อถึงวันที่ต้องทำบัญชีโยกย้าย 

…เมื่อถีงวันที่ต้องหาคนทำงาน ในสถานการณ์ที่เหมาะสม 

เพราะเมื่อหันซ้าย หันขวา ก็เชื่อว่า วันนี้ พล.ท.ไพศาล จะยิ่งเห็นภาพชัดว่า ตัวเลือกรอบตัว มีเพียงหมากที่ถูกวางไว้ทุกด้าน 

จะหยิบหมากของตัวเองมาใช้…ก็จะมีกำแพงระบบอาวุโส ขึ้นมาขวางกั้นทันที


ตำแหน่ง ผบ.กกล.ทพ.จชต.รอบนี้ จึงเป็นการตัดสินใจภายใต้ตัวเลือกที่ดีที่สุด แม้จะมีคำทักท้วงในบางเรื่อง แต่แม่ทัพไพศาล ก็จำเป็นต้องงัดคำพูด “ผมเป็นคนให้โอกาสคน” อันเป็นวาทะสำคัญประจำตัวออกมาให้เหตุผล

 

เดิมพันการให้โอกาสคนครั้งนี้ของ แม่ทัพไพศาล จึงเป็นเดิมพันครั้งสำคัญที่มีห้วงเวลา 3-4 เดือน ก่อนถึงฤดูการโยกย้ายนายทหารระดับนายพลจะมาถึง

 

เดิมพันที่จะพิสูจน์ว่า ไพ่ใบที่ แม่ทัพไพศาล เลือกออกมาใช้ จะทำให้เขาสานฝันการเป็นแม่ทัพ 2 ปีได้สำเร็จหรือไม่…?


EP.หน้า จะมาว่ากันเรื่อง ทำไม กกล.ทพ.จชต. ถึงเป็นกองกำลังที่สำคัญ และเป็นเดิมพันของแม่ทัพไพศาล ต่อการดำรงอยู่ในตำแหน่งให้ครบ 2 ปี ภายใต้งบประมาณกว่า 5 พันล้านในแต่ละปี 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์