หลายคนเฝ้าจับตามองการเมืองเดือนสิงหาคม อุณหภูมิจะร้อนฉ่าขนาดไหน โดยพุ่งเป้าไปที่ 3 เรื่องใหญ่ ได้แก่ คดียุบพรรคก้าวไกล การยื่นถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการพ้นโทษของ ทักษิณ ชินวัตร เรียงตามลำดับรหัสร้อน 7-14-22 สิงหาคม
แต่ก่อนจะเข้าสู่เดือนสิงหาคมเพียงวันเดียว ได้เกิดคิวแทรกขึ้นก่อน เมื่อศาลอาญา ‘ยกคำร้อง’ ไม่อนุญาตให้ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอยู่ระหว่างการพักโทษ และประกันตัวคดีมาตรา 112 เดินทางไปต่างประเทศ ในวันที่ 1-16 สิงหาคมนี้ เพื่อไปพบแพทย์และบุคคลสำคัญ ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ)
เนื่องจากไม่มีเหตุผลอันสมควรและอยู่ในช่วงเวลาใกล้กับวันนัดตรวจพยานหลักฐานคดี มาตรา 112 ที่ศาลนัดไว้ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้
การขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศหนนี้ของทักษิณ แม้จะเป็นคนละบรรยากาศกับเหตุการณ์เมื่อ 17 ปีก่อน ที่ขอไปดูการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศจีน และไม่ได้เดินทางกลับมาอีกเลย แต่คอการเมือง ก็คงเดากันไปต่าง ๆ นานาว่า
เกิดอะไรขึ้นกับคนชื่อทักษิณชั่วโมงนี้ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะเป็นไทแล้ว และมีงานใหญ่หลายงานรออยู่ เหตุการณ์นี้ต่อให้ไม่มีอะไรเลย ก็ต้องมีคนคิดตามและเรียกน้ำย่อยการเมืองก่อนเข้าสู่เดือนสิงหาคมได้ไม่น้อย
โดยถ้าจะมโนตามเรื่องนี้ แสดงว่าวันที่ 19 สิงหาคมที่ศาลนัดตรวจพยานคดีมาตรา 112 จะนำไปสู่การ ‘เปลี่ยนแปลง’ เงื่อนไขอะไรหรือไม่ เพราะพักหลังการเคลื่อนไหวต่างๆ ของทักษิณ มีความโฉ่งฉ่างเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ผลการเลือกสภาสูง ก็ประจักษ์ชัดว่ากลุ่มสีน้ำเงินยึดครองไว้ได้เบ็ดเสร็จ
เมื่อพรรคสีน้ำเงินขยับมายืนอยู่แถวหน้าเป็นป้อมปราการใหญ่ให้ฝ่ายอนุรักษ์ได้ ยังมีความจำเป็นต้องใช้บริการทักษิณและพรรคเพื่อไทยต่ออีกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาต้องแบกรายจ่ายที่เป็นต้นทุนของประเทศเอาไว้สูงลิ่ว
แค่คิดแบบเร็ว ๆ ไม่ได้มีข้อมูลวงในอะไรมายืนยันว่าจะเป็นไปตามนั้น
ถัดไปของจริงคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันพุธที่ 7 สิงหาคม แม้จะยังมีเวลาอีกร่วมสัปดาห์ แต่ศาลรัฐธรรมนูญได้สั่งจัดระเบียบพื้นที่รอไว้ตั้งแต่วันนี้แล้ว ขณะที่พรรคก้าวไกล ก็ดูจะไม่ได้นำพาต่อคำเตือนของศาล ยังมีกิจกรรมคู่ขนานต่อเนื่อง โดยนัดเปิดคำแถลงปิดคดีนอกศาลในวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมนี้
คดียุบพรรคก้าวไกล ถามใครต่อใครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน โอกาสถูกยุบมีมากกว่าไม่ยุบ?!
เพราะไม่ว่าจะพิจารณาจากมุมไหน ทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย หรือแม้แต่มุมการเมือง ก็มองไปทางเดียวกันหมด ในขณะที่คดีนายกฯ เศรษฐา ถึงจะอิงหลักเดียวกันกับก้าวไกล แต่คนกลับมองเห็นถึงความก้ำกึ่งระหว่างรอดกับไม่รอด 50:50 เท่ากัน
เอาเป็นว่า คดีนายกฯ เศรษฐา ค่อนไปทางรอดมากกว่า เมื่อพิจารณาจากเหตุผลของการเมือง แต่ก็มีคนทักว่าอย่าชะล่าใจ เพราะ ‘การเมือง’ ตัวเดียวกันนี้แหละ ที่อาจทำให้ไม่รอดได้เหมือนกัน!!
แน่นอนหากนายกฯ เศรษฐา มีอันต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วยผลคำตัดสินของศาล ต้องดูต่อว่าจะยังมีโอกาสกลับมาได้อีกหรือไม่ หรือผู้มีบารมีนอกพรรคเพื่อไทย จะยังหยิบมาใช้อีกหรือเปล่า และถ้าไม่เรียกใช้ใครจะมาเป็นนายกฯ คนต่อไป เป็นคนในพรรคเพื่อไทยหรือนอกพรรค
นายกฯ คนต่อไป คงวนอยู่ 2-3 ทางเลือกนี้ จึงทำให้มีชื่อ **‘อนุทิน ชาญวีรกูล’**หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถูกนำมาพูดถึงหนาหูในฐานะนายกฯ ตัวสำรอง หรือแม้แต่ชื่อ ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ถูกพูดถึงเช่นกันว่า หาก 14 สิงหาคมนี้ นายกฯ เศรษฐา ไม่รอด พล.อ.ประวิตร ก็ได้ลุ้น
แต่การได้ลุ้นของ ‘ลุงป้อม’ จะได้ลุ้นแบบสองทาง คือ ทางแรก ได้ลุ้นเก้าอี้นายกฯ จากการพลิกสถานการณ์รวมเสียงข้างมากในสภาได้ ส่วนลุ้นที่สอง พลังประชารัฐอาจถูกปรับออกจากการร่วมรัฐบาลไปเลย โทษฐานทำตัวกระด้างกระเดี่อง แข่งบารมีกับนายใหญ่เพื่อไทยอยู่ตลอด
การเมืองในเดือนสิงหาคม จะเดือดทะลุแดดหรือร้อนแรงขนาดไหน คงวนอยู่กับ 2-3 เรื่องนี้ โดยวันที่ 14 สิงหาคม จะเป็นตัวบอกเรื่องว่าจะไปต่ออย่างไร แค่ปรับครม.เสริมภาพลักษณ์ให้รัฐบาลเศรษฐา หรือต้องล้างไพ่หาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่
เพราะในเวลาเดียวกันนั้น ทักษิณ ชินวัตร ก็พ้นโทษ ถือ ‘ใบบริสุทธิ์’ สามารถทะลวงไปได้ในทุกที่ทุกทาง
สุดท้ายมโนต่อ หากหลังวันที่ 14 สิงหาคม ไม่มีนายกฯ ชื่อเศรษฐาแล้ว นโยบายเรือธง ‘ดิจิทัล วอลเล็ต’ ที่เลื่อนแล้ว เลื่อนอีก และมีแนวโน้มอาจต้องเลื่อนต่อ คงเปิดทางให้รัฐบาลชุดใหม่นำไปใคร่ครวญ จะยังรับมรดกตกทอดมาสานต่อ หรือจะถือโอกาสนิรโทษกรรม รูดม่าน ปล่อยให้ปิดฉากไปพร้อม ๆ กับคนชื่อเศรษฐา
พรุ่งนี้ถ้านายกฯ เศรษฐารอด ดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ แต่ถ้านายกฯ เศรษฐา ไม่อยู่ ดิจิทัลวอลเล็ตจะอยู่หรือไป ยังเป็นคำถาม แต่คำถามข้อใหญ่กว่านาทีนี้ คือ ทำไมทักษิณต้องขอเดินทางไปต่างประเทศ ไปด้วยเหตุของตัวเองหรือเหตุคนอื่น ถ้าต้องไปด้วยเหตุของคนอื่น แล้วใยต้องออกนอกประเทศไปในห้วงเวลานี้
อุณหภูมิการเมืองเดือนสิงหาคม เริ่มส่อเค้าปรับดีกรีความร้อนแรงเพิ่มสูงขึ้นแล้ว
