แม้กฎหมายจะให้เวลาไว้นานถึง 60 วัน สำหรับการหาพรรคใหม่สังกัดของสส.ในกรณีที่พรรคเดิมถูกยุบ แต่ 143 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ใช้เวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง ก็ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ของตัวเองได้ โดยวิธีเซ้งพรรคการเมืองที่มีอยู่ มาเปลี่ยนชื่อ และโลโก้ใหม่ พร้อมส่งทีมตัวเองเข้าไปบริหาร
เสมอเป็นการเข้าเทกโอเวอร์ทางการเมืองดี ๆ นี่เอง
หลัง ‘รวบหัวรวบหาง’ ทุกอย่างเสร็จในวันเดียว ก็เดินหน้าแบบเร็ว ๆ ทันที ทั้งเปิดรับสมาชิก เปิดรับเงินบริจาคเข้าพรรคใหม่ในวันรุ่งขึ้น โดยไม่รอขั้นตอนทางกฎหมายว่าจะต้องแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ หรือให้การรับรองก่อนหรือไม่
จึงทำให้มีการตั้งคำถามกับ พรรคประชาชน บ้านหลังใหม่ของอดีตพรรคก้าวไกล ที่เปลี่ยนชื่อมาจากพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ในหลายประเด็นด้วยกัน อาทิ ‘โลโก้’ ที่ไปพ้องหรือเหมือนกับโลโก้พรรคเดิมที่ถูกยุบไป จะเข้าข่าย**‘ขัด พ.ร.ป.พรรคการเมือง’** มาตรา 18 วรรคสามหรือไม่
หรือการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งชื่อพรรค โลโก้ และกรรมการบริหารชุดใหม่ ที่ทำต่อเนื่องทันทีในวันเดียวกัน เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จะทำให้การประชุมมีผลเป็นโมฆะหรือเปล่า
ล่าสุดมีผู้ไปยื่นร้อง กกต.ให้ตรวจสอบเรื่องสาขาพรรคของ ‘ถิ่นกาขาวชาววิไล’ ได้จัดตั้งไว้ครบทุกภาคตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และการรับเงินบริจาคของพรรคประชาชน ที่เปิดรับบริจาคตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม เงินประมาณ 25 ล้านบาท ‘ไปอยู่ในบัญชีไหน’ และ ‘บัญชีใคร’ เป็นไปตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองหรือไม่
เพราะกระบวนการทางกฎหมายของพรรคใหม่ยังไม่เสร็จสิ้น จึงยังเปิดบัญชีในนามพรรคประชาชนไม่ได้!!
ต่อมาแม้ ‘ศรายุทธิ์ ใจหลัก’ เลขาธิการพรรคประชาชน จะออกมาชี้แจงประเด็นเงินบริจาคว่า ใช้**‘บัญชีเดิม’**ของพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ที่เปิดไว้เพื่อการรับบริจาคนานแล้ว ตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการ แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน แต่ก็เป็นนิติบุคคลเดียวกัน พรรคประชาชน จึงใช้บัญชีดังกล่าวในการรับเงินค่าสมาชิก และเงินบริจาค แยกคนละบัญชีตามกฎหมาย
ถ้าประเด็นมีเพียงเท่านี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาต้องเดือดร้อนให้เหล่านักร้องวิ่งโร่ไปฟ้องกกต.ให้เสียราคาคนร้อง เพราะบางคนมีปูมหลังที่สังคมประทับตราให้เกียรติอยู่ในระดับ ‘มือปราบโกงจำนำข้าว’ ด้วยซ้ำ
แต่บังเอิญมีการใช้ช่องทางอื่นในการรับเงินบริจาคด้วย คือ การรับบริจาคผ่านระบบ**‘PAY SOLUTION’** ซึ่งมีรายละเอียดการให้บริการเฉพาะต่างหาก ที่ไม่เหมือนการโอนเงินบริจาคเข้าบัญชีพรรคการเมืองโดยตรงทั่ว ๆ ไป
เอาเป็นว่า มันเป็นวิธีการที่ซับซ้อน มีคนกลางคอยรับ-ส่งเงินอยู่ และมีค่าจัดการด้วย
ดังนั้น ช่องทาง PAY SOLUTION ที่ว่านี้จะเป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ คงเป็นภาระที่กกต.ต้องตรวจสอบ ทั้งแหล่งที่มาของเงิน ผู้บริจาค และจำนวนที่บริจาค
ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมาย **‘ห้าม’**มิให้พรรคการเมืองรับบริจาคเงินที่ได้มาโดย ‘ไม่ชอบ’ ด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยัง ‘ห้ามรับบริจาคเงินจากบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย รวมทั้งนิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศ’
พูดง่ายๆ คือ ห้ามรับเงินจากต่างชาตินั่นเอง
หรือแม้แต่ผู้มีสัญชาติไทย ก็มีกำหนดวงเงินไว้ให้บริจาคได้ ‘ไม่เกิน 10 ล้านบาท’ต่อพรรคการเมืองต่อปี ส่วนถ้าเป็นนิติบุคคล กำหนดวงเงินไว้ที่‘ไม่เกินปีละ 5 ล้านบาท’ ไม่ว่าพรรคเดียวหรือหลายพรรค และต้องแจ้งให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นทราบหลังการบริจาคด้วย
คำถาม คือ การเปิดรับบริจาคเงินผ่านช่องทาง PAY SOLUTION ของพรรคประชาชน ที่ดูทันสมัย รวดเร็ว ฉับไว มีตัวเลขเคลื่อนไหวให้เห็นตลอดนั้น เวลาแจ้งยอดรายได้ต่อ กกต.ที่ประกาศให้สาธารณะทราบกันรายไตรมาสนั้น จะมีอะไรมายืนยันว่า เป็นเงินที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นอกจากนั้น ตามหลักเกณฑ์ของ PAY SOLUTION ที่มี **‘ค่าบริการ’**รวมอยู่ด้วยนั้น ทำให้ยอดเงินบริจาคในแต่ละรายการไปไม่ถึงพรรคการเมือง ‘เต็มตามยอด’ ที่ผู้บริจาคแจ้งความจำนงค์ไว้ เพราะมีการหักค่าธรรมเนียมของผู้ให้บริการไว้จำนวนหนึ่ง ในระหว่างการโยนเงินไปมา
ในอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปเมื่อ 5 ปีก่อน เคยมีประสบการณ์เจ็บปวดกับคำว่า ‘รายได้ของพรรคการเมือง’ มาแล้ว หากยังขืนคิดเร็ว ทำไว แต่ขาดความรอบคอบ ระวังจะ**‘เกยตื้น’**เป็นกิ้งกือตกท่อเอาง่าย ๆ
วันนี้กระบวนการต่าง ๆ ยังอยู่ระหว่างการรับรองของ กกต. น่าจะพอมีเวลาไปสอบทานกันเสียใหม่ จะได้ไม่มาโอดครวญตอนหลังเกิดมาเป็นพรรคนี้ทำอะไรก็ผิด!!