ไม่ปลดแอก ‘ธนาธร’ อีกกี่พรรคก็โดนยุบหมด

9 ส.ค. 2567 - 10:04

  • ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9:0 ยุบพรรคก้าวไกล

  • ปัญหาใหญ่ของ อนาคตใหม่ ก้าวไกล และพรรคประชาชน

  • การปักหลักกับการแก้ไขมาตรา 112 ตามแนวทางเจ้าของพรรคตัวจริง

people-part-politics-SPACEBAR-Hero.jpg

มติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค 10 ปี  เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา  สร้างบรรทัดฐานใหม่ของการเมืองไทยว่า  

การแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันมีเนื้อหาเป็นการลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์  และใช้เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง

ทุกพรรคการเมืองต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายฉบับเดียวกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน หากมีพฤติการณ์ร้ายแรงกฎหมายจำเป็นที่จะต้องหยุดยั้งการทำลายหลักการพื้นฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ศาลรัฐธรรมนูญต้องสั่งยุบพรรคตามที่กฎหมายบัญญัติอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ’

‘ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ’ หัวหน้าพรรคประชาชน เหล้าเก่าในขวดใหม่ ของพรรคก้าวไกลที่ถูกยุบไป ประกาศว่าจะยึดมั่นอุดมการณ์เดิม เดินหน้าลุยแก้ ม.112  ต่อเพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม 

ถ้าทำจริง ก็เตรียมหาพรรคที่สี่ พรรคที่ห้าไว้เลย เพราะโดนยุบแน่

แต่ถ้ายอมลดระดับ เพื่อรักษาพรรครอวันประกาศชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ในปี 2570 จะเอาอะไรมาเป็นจุดขายในการหาเสียงละ และจะตอบคำถามมวลชนด้อมส้มอย่างไร ไม่ให้ถูกตราหน้าว่า ‘ตระบัดสัตย์’

สำคัญที่สุดคือ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ เจ้าของพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน กับคณะนำหรือ ‘โปลิตบูโร’ ที่ควบคุมยุทธศาสตร์ แนวทางการเมือง ของพรรค คงไม่ยอมให้พรรคหันเหไปจากแนวทางที่นำไปสู่เป้าหมาย ใต้ฟ้าเดียวกัน ‘เจ้า-ข้า’ ต้องเท่าเทียมกัน

ความมุ่งมั่นในจุดยืนที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของธนาธร กับคณะโปลิตบูโรของพรรค ทำให้พรรคก้าวไกล ‘ยักไหล่’ โยนคะแนนเสียง 14  ล้านทิ้งไปแบบไม่แคร์ว่าจะไม่ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล  เพราะไม่ยอมยกเลิกนโยบายแก้มาตรา 112 

ทำให้ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ที่เตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30  ทันทีที่รู้ผลเลือกตั้ง ต้องอกหัก เป็นได้แค่ ‘นายกว่าว’ ให้ฝ่ายตรงข้ามเย้ยหยัน และอาจถูกตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต เพราะเป็น 1 ใน 44 สส. ที่ลงชื่อ เสนอร่างแก้ไข มาตรา 112

เวลาพูดถึงปัญหาบ้านเมือง  คนของพรรคก้าวไกลชอบบอกว่า ปัญหาอยู่ที่โครงสร้าง ต้องรื้อ ต้องทำลายโครงสร้างเก่า เพื่อสร้าง สังคมใหม่ 

พรรคก้าวไกลที่ถูกยุบไป และพรรคประชาชน ที่เป็นร่างใหม่ ก็มีปัญหาเชิงโครงสร้างเช่นเดียวกัน คือมีคณะนำหรือโปลิตบูโร ที่มีอำนาจสูงสุด เหนือหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค เป็นคนกำหนดนโยบาย แนวทาง การเคลื่อนไหวให้พรรคทำตาม โดยส่งคนมาเป็นเลขาธิการ พรรค หรือผู้อำนวยการพรรค เพื่อควบคุมกำกับอีกชั้นหนึ่ง

คณะนำนี้ประกอบด้วย ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ , ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ‘ศรายุทธ ใจหลัก’ อดีตผู้อำนวยการพรรคก้าวไกล และเป็นเลขาธิการพรรคประชาชน

ทุกคนเป็นเพื่อนมาตั้งแต่สมัยทำกิจกรรมการเมือง ในมหาวิทยาลัย เมื่อ 20 ปีก่อน และร่วมก่อตั้งสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน

ฟ้าเดียวกัน เป็นแหล่งผลิตวารสาร  หนังสือที่เสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ของประวัติศาสตร์ไทย ในเชิงวิพากษ์ วิจารณ์ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ 

ธนาธร และเพื่อน ๆ ฟ้าเดียวกัน มีจุดยืนเดียวกันคือ เห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย  ต้องปฏิรูป เปลี่ยนแปลง ประเทศไทยจึงจะเจริญ

ในขณะที่ ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ ซึ่งเคยเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนลาออกมาร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เป็นสมาชิกกลุ่มนิติราษฎร์  เป็นผู้นำเสนอแนวทางการ ‘เซาะกร่อน บ่อนทำลาย’ แบบเป็นรูปธรรม ผ่านร่างแก้ไข ม.112  ที่ ‘วรเจตน์ ภาคีรัตน์’ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์  ซึ่งเป็นร่างที่พรรคก้าวไกลยื่นเสนอต่อสภาฯ ที่เป็นเหตุนำไปสู่การยุบพรรค

เป้าหมาย ของการแก้ไข ม.112 คือ ดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จากสถาบันอันเป็นที่สักการะ ใครจะล่วงละเมิดมิได้ ให้ลงมาเท่ากับหรือต่ำกว่าบุคคลธรรมดา  ใครๆก็วิพากษ์วิจารณ์ได้ โดยมีโทษจำคุกแค่ 1 ปี หรือมีโทษปรับอย่างเดียว 

ค่อย ๆ เซาะกร่อน บ่อนทำลายไปเรื่อย ๆ

ธนาธรกั บ มิตรสหาย จากสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันนี่แหละ คือโปลิตบูโร ที่เป็นโครงสร้างที่มีอำนาจเหนือ**‘กดทับ’**หัวหน้าพรรค กรรมการบริหาร สส. สมาชิกพรรค ซ่อนตัวอยู่หลังหน้ากากประชาธิปไตย คนในพรรคเท่าเทียมกัน  แต่ในความเป็นจริงคือ ระบบ ‘เผด็จการรวมศูนย์’ ที่ทุกคนต้องฟังธนาธร 

คนที่จะบอกว่า พรรคประชาชนจะเดินหน้าแก้ไข ม.112 ต่อไปหรือไม่คือ ธนาธร ไม่ใช่หัวหน้าพรรค คนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคต้องเป็น สายตรงซัมมิท คือ คนที่ธนาธร และคณะโปลิตบูโร เห็นว่า มีอุดมการณ์เดียวกัน 

ตราบใดที่พรรคประชาชนยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของธนาธร และสหายโปลิตบูโร มีโอกาสโดนยุบอีกแน่ และหากยังไม่สามารถปลดแอกที่ธนาธรกับพวกเทียมไว้ จะเปลี่ยนพรรคกี่ครั้ง ก็จะถูกยุบทุกครั้งไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์